“ผบช.สตม.” นำทีมแถลง “ตม.เชียงแสน-ตม.เชียงราย-สืบ ตม.5” คุมเข้มชายแดน “เชียงแสน-เชียงราย” กวาดจับแก๊งขนต่างด้าวลอบเข้าเมือง พบนั่งเรือข้ามโขงจากลาว รอเครือข่ายพาเข้าไทย
9 กุมภาพันธ์ 2564 ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.พรชัย ขันตี รอง ผบช.สตม. , พล.ต.ต.เดชา กัลยาวุฒิพงศ์ ผบก.ตม 5 , พ.ต.อ.เอกกร บุษบาบดินทร์ รอง ผบก.ตม.5 , พ.ต.อ.เศรษฐภัทร ณ สงขลา ผกก.สส.บก.ตม.5 และ พ.ต.อ.มณุวัฒน์ กอสนาน ผกก.ด่าน ตม.เชียงแสน และ พ.ต.อ.ณัฐวุฒิ แสงเดือน ผกก.ตม.จว.เชียงราย ร่วมแถลงข่าวการจับกุมขบวนการลักลอบเข้าเมือง
คดีแรก เจ้าหน้าที่ด่าน ตม.เชียงแสน และเจ้าหน้าที่ กก.สส.บก.ตม.5 สืบทราบว่าจะมีการขนคนต่างด้าวจากลาวเข้ามาในราชอาณาจักรไทย ด้าน อ.เชียงแสน จ.เชียงราย จึงทำการสืบสวนพบรถยนต์ ทะเบียนพิษณุโลก ที่บริเวณบนถนนใกล้กับช่องทางธรรมชาติบ้านสวนดอก อ.เชียงแสน จ.เชียงราย มีกลุ่มคน 3 คน กำลังขึ้นรถคันดังกล่าว ชุดสืบสวนจึงเข้าตรวจสอบพบคนต่างด้าวสัญชาติจีน 3 ราย ไม่มีหนังสือเดินทางหรือเอกสารอื่นที่ใช้แทนหนังสือเดินทางมาแสดงแต่อย่างใด ซึ่งทั้งหมดสารภาพว่าลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักร โดยเรือจาก สปป.ลาว ผ่านบริเวณช่องทางธรรมชาติบ้านสวนดอก โดยมีนายธาราพงค์ อายุ 46 ปี สัญชาติไทย เป็นคนขับพาหนะดังกล่าว
จากการสอบปากคำ นายธาราพงค์ สารภาพว่า ขับรถมารอรับคนต่างด้าวไปส่งยัง จ.สระแก้ว โดยคิดค่าจ้าง จำนวน 15,000 บาทต่อเที่ยว จึงจับกุมและควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.บ้านแซว จ.เชียงราย ดำเนินคดี นายธาราพงค์ ฐาน “ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใดๆ ให้คนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายพ้นจากการจับกุม” และกล่าวหาคนสัญชาติจีนทั้ง 3 ราย ว่า “เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต, ฝ่าฝืนข้อกำหนดออกตามความมาตรา 8 แห่ง พ.ร.ก. การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 และฝ่าฝืนคำสั่งผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย (พ.ร.บ.ควบคุมโรค พ.ศ.2558)
จากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนด่าน ตม.เชียงแสน ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กก.สส.บก.ตม.5 ได้ทำการสืบสวนขยายผล ทราบว่า บุคคลที่นำคนต่างด้าวสัญชาติจีนทั้ง 3 ราย ข้ามมาจาก สปป.ลาว คือ นายณรงค์ อายุ 48 ปี สัญชาติไทย อยู่บ้าน ต.บ้านแซว พนักงานสอบสวน สภ.บ้านแซว ได้รวบรวมพยานหลักฐานเสนอขออนุมัติหมายจับต่อศาลจังหวัดเชียงราย ในข้อหา “รู้ว่าคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย ให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้นหรือช่วยด้วยประการใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม” และต่อมาได้นำหมายจับศาลจังหวัดเชียงราย ที่ 9/2564 ลง 25 มกราคม 2564 เข้าจับกุมตัวนายณรงค์ พร้อมควบคุมตัวนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.บ้านแซว ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
คดีที่ 2 เจ้าหน้าที่สืบสวนด่าน ตม.เชียงแสน สืบทราบว่าจะมีการขนคนต่างด้าวจากลาว เข้ามาในราชอาณาจักรไทย ด้าน อ.เชียงแสน จึงทำการสืบสวนหาข่าวเฝ้าระวังพื้นที่สุ่มเสี่ยง กระทั่งพบเรือหางยาวบรรทุกผู้โดยสารข้ามแม่น้ำโขงจาก สปป.ลาว เข้ามาจอดเทียบจุดจอดเรือแม่โขงเดลต้า บ้านป่าสักหางเวียง อ.เชียงแสน ชุดสืบสวนจึงได้แสดงตัวเข้าตรวจสอบ พบคนต่างด้าวสัญชาติลาว 1 คน และสัญชาติไทย 3 คน จากการสอบถามทราบชื่อ คือ 1.นายมัง อายุ 32 ปี สัญชาติลาว 2.นายเจริญ อายุ 23 ปี สัญชาติไทย 3.นายธนธรรม อายุ 25 ปี สัญชาติไทย 4.นายพัสสน อายุ 23 ปี สัญชาติไทย จึงได้ทำการจับกุมและควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เชียงแสน ดำเนินคดี
คดีที่ 3 เจ้าหน้าที่สืบสวนด่าน ตม.เชียงแสน สืบทราบว่าจะมีการขนคนต่างด้าวจากลาว เข้ามาในราชอาณาจักรไทย ด้าน อ.เชียงแสน จึงทำการสืบสวนหาข่าวเฝ้าระวังพื้นที่สุ่มเสี่ยง กระทั่งพบเรือหางยาวบรรทุกผู้โดยสารข้ามแม่น้ำโขงจาก สปป.ลาว เข้ามาจอดเทียบจุดจอดเรือแม่โขงเดลต้า บ้านป่าสักหางเวียง ต.เวียง อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ชุดสืบสวนจึงได้แสดงตัวเข้าตรวจสอบ พบคนต่างด้าวสัญชาติลาว 1 คน และสัญชาติจีน 2 คน จากการสอบถามทราบชื่อคือ 1.นายเพ็ด อายุ 50 ปี สัญชาติลาว เป็นคนขับเรือหางยาว 2.นายซุน (SUN ) อายุ 24 ปี สัญชาติจีน ถือหนังสือเดินทางสาธารณะรัฐประชาชนจีน 3.นาง หม่า อายุ 25 ปี สัญชาติจีน ถือหนังสือเดินทางสาธารณะรัฐประชาชนจีน จึงได้ทำการจับกุมและควบคุมตัว ส่งพนักงานสอบสวน สภ.เชียงแสน ดำเนินคดี
คดีที่ 4 เจ้าหน้าที่ ตม.จว.เชียงราย และ กก.4 บก.ป. สืบทราบว่าจะมีการขนคนต่างด้าวจากพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก ไปยัง อ.แม่สาย จ.เชียงราย จึงทำการสืบสวนพบรถยนต์จำนวน 3 คัน ตามรับแจ้งจึงไล่ติดตามและสกัดจับกุมได้บริเวณหน้าโรงเรียนแม่ลอยไร่ อ.เทิง จ.เชียงราย ตรวจสอบพบนายนิคม อายุ 64 ปี พร้อมของกลาง รถยนต์เก๋งยี่ห้อ โตโยต้า สีบรอนซ์ ซึ่งใช้บรรทุกคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองสัญชาติจีน จำนวน 4 ราย , นายธนวัฒน์ อายุ 48 ปี พร้อมของกลาง รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีบรอนซ์ทอง ซึ่งใช้บรรทุกคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองสัญชาติจีน จำนวน 4 ราย และนายตุ๋ย อายุ 63 ปี ที่ พร้อมของกลาง รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโปรตอน สีขาว ซึ่งใช้บรรทุกคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองสัญชาติจีน จำนวน 1 ราย จึงจับกุมและความคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เทิง จ.เชียงราย ดำเนินคดี
โดยกล่าวหานายนิคม, นายธนวัฒน์ และนายตุ๋ย ว่า “ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใดๆ ให้คนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายพ้นจากการจับกุม” และกล่าวหาคนสัญชาติจีนว่า “เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือการอนุญาตสิ้นสุด , ฝ่าฝืนข้อกำหนดออกตามความมาตรา 8 แห่ง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 และฝ่าฝืนคำสั่งผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย (พ.ร.บ.ควบคุมโรค พ.ศ.2558)
คดีที่ 5 จากการขยายผลทางเทคนิค ทางเจ้าหน้าที่ กก.สส.บก.ตม.5 ได้รับแจ้งจากสายลับว่ามีการลักลอบขนคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง จะผ่านพื้นที่ จ.เชียงใหม่-จ.แม่ฮ่องสอน จึงได้สังเกตการณ์ตามเส้นทาง จนพบรถลักษณะตรงตามที่ได้รับแจ้ง จึงตรวจสอบพบนายวัชระปราณี อายุ 38 ปี ขับรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีดำ และพบผู้โดยสารเป็นคนต่างด้าวสัญชาติจีนหลบหนีเข้าเมือง 9 ราย นั่งโดยสารภายในรถ จึงได้จับกุมและความคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เทิง จ.เชียงราย ดำเนินคดี โดยกล่าวหานายวัชระปราณีฯ ว่า “ช่วยเหลือด้วยประการใดๆ ให้คนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองพ้นจากการจับกุม” และกล่าวหาคนต่างด้าวสัญชาติจีนว่า “เป็นคนต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต, ฝ่าฝืนข้อกำหนด ประกาศ หรือคำสั่งที่ออกตามความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 และไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อหรือผู้ว่าราชการจังหวัด ตามมาตรา 35 (1) แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558”
ด้าน พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม./โฆษก สตม. , พ.ต.อ.ภัคพงศ์ สายอุบล รอง ผบก.ตม.1/รองโฆษก สตม. , พ.ต.อ.เชิงรณ ริมผดี รอง ผบก.ตม.2/รองโฆษก สตม. และ พ.ต.อ.หญิง เอกอาภา ตันศิริ รอง ผบก.อก.สตม./รองโฆษก สตม. ร่วมกันเปิดเผยว่า การดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี , พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ที่มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด
ทั้งนี้ สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง ฯ และการกระทำความผิดในกฎหมายอื่น การประสานความร่วมมือกับหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และประเทศเพื่อนบ้าน ให้บริการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน รวมทั้งดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมอย่างต่อเนื่อง หากพบการกระทำผิดกฎหมาย การก่อเหตุอันตรายใด ๆ อันกระทบต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน อันอาจทำให้เกิดความเสียหาย ต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ กรุณาแจ้งเบาะแสการกระทำความผิดมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพ ฯ 10120 หรือหมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี