กรมชลฯยืนยันค่าความเค็มแม่น้ำเจ้าพระยาเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว หลังกรมชลประทานจับมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรับแผนการระบายน้ำ พร้อมวางมาตรการคุมเข้มเพื่อควบคุมค่าความเค็ม
เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2564 นายทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยหลังการประชุมมคณะอนุกรรมการติดตามและวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์น้ำ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ว่า ในส่วนสถานการณ์น้ำค่าความเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยา ปัจจุบัน (15 ก.พ.64) เมื่อเวลา 07.00 น.ที่สถานีสูบน้ำประปา-สำแล วัดค่าความเค็มได้ 0.14 กรัมต่อลิตร (เกณฑ์เฝ้าระวัง 0.25 กรัมต่อลิตร มาตรฐานเพื่อการผลิตน้ำประปาไม่เกิน 0.50 กรัมต่อลิตร) ที่สถานีปากคลองจินดา แม่น้ำท่าจีน วัดค่าความเค็มได้ 0.46 กรัมต่อลิตร (เกณฑ์เฝ้าระวังสำหรับกล้วยไม้ 0.75 กรัมต่อลิตร เกณฑ์เฝ้าระวังเพื่อการเกษตรไม่เกิน 2 กรัมต่อลิตร) ที่สถานีวัดน้ำปากคลองดำเนินสะดวก แม่น้ำแม่กลอง วัดค่าความเค็มได้ 0.15 กรัมต่อลิตร (เกณฑ์เฝ้าระวังสำหรับกล้วยไม้ 0.75 กรัมต่อลิตร เกณฑ์เฝ้าระวังเพื่อการเกษตรไม่เกิน 2 กรัมต่อลิตร)
ทั้งนี้ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา กรมชลประทานได้ปรับแผนการระบายน้ำ และร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมาตรการควบคุมค่าความเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยา ทำให้ปัจจุบันสามารถควบคุมค่าความเค็มให้อยู่ในระดับที่ไม่ส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำประปา อย่างไรก็ตาม ในช่วงวันที่ 18 - 19 ก.พ.64 นี้ ค่าความเค็มจะขึ้นสูงอีกครั้ง กรมชลประทานได้ปรับเพิ่มการระบายน้ำจากเขื่อนป่าสักเป็น 75 ลบ.ม./วินาที ในวันที่ 16 ก.พ.64 ตั้งแต่เวลา 06.00 น.เป็นต้นไป ปรับเพิ่มการระบายน้ำจากเขื่อนพระรามหกจาก 45 ลบ.ม./วินาที เป็น 60 ลบ.ม./วินาที และตั้งแต่วันที่ 17 ก.พ.64 สูบผันน้ำจากแม่น้ำท่าจีนผ่านคลองพระยาบรรลือ ลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาที่ ปตร.สิงหนาท 2 ในอัตรา 18 ลบ.ม./วินาที เพื่อผลักดันค่าความเค็มดังกล่าว นอกจากนี้ ยังได้สั่งการให้โครงการชลประทานในพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยา เฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และเตรียมรับมือสถานการณ์น้ำทะเลหนุนตลอดช่วงเดือนนี้ พร้อมประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ถึงสถานการณ์น้ำให้แก่ประชาชนและเกษตรกรในพื้นที่ได้รับทราบอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำรวมกันประมาณ 42,980 ล้าน ลบ.ม.คิดเป็นร้อยละ 57 ของความจุอ่างฯรวมกัน มีน้ำใช้การได้รวมกันประมาณ 19,049 ล้าน ลบ.ม.จนถึงขณะนี้มีการใช้น้ำไปแล้ว 9,261ล้าน ลบ.ม.คิดเป็นร้อยละ 54 ของแผนฯ เฉพาะ 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำรวมกันประมาณ 10,630 ล้าน ลบ.ม.หรือคิดเป็นร้อยละ 43 ของความจุอ่างฯรวมกัน มีน้ำใช้การได้ประมาณ 3,934 ล้าน ลบ.ม.ปัจจุบันจัดสรรน้ำไปแล้ว 2,709 ล้าน ลบ.ม.คิดเป็นร้อยละ 66 ของแผนฯ เนื่องจากปีที่ผ่านมาปริมาณน้ำต้นทุนมีจำนวนจำกัด จำเป็นต้องจัดสรรน้ำให้สอดคล้องกับปริมาณน้ำต้นทุนตามลำดับความสำคัญ โดยเน้นการอุปโภคบริโภค รักษาระบบนิเวศ ควบคุมคุณภาพน้ำ ไม้ผลไม้ยืนต้น และสำรองน้ำไว้ใช้ในช่วงต้นฤดูฝนหน้า
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี