กุมภาพันธ์เป็นเดือนแห่งความรักที่คนวัยหนุ่ม-สาวอาจจะเฝ้ารอให้วันแห่งความรักมาถึงซึ่งคนเราควรมีความรักให้แก่กันในทุกวัน เมื่อเริ่มเข้าสู่ฤดูแล้งก็ยังเป็นช่วงที่ต้นไม้หลายชนิดเฝ้ารอติดดอกออกผลเช่นกัน ทั้งไม้ผลหรือไม้ป่าพืชพรรณหลายชนิดถูกมนุษย์ใช้เป็นสัญลักษณ์ในหลายๆ อย่าง เช่น กุหลาบสีแดงเป็นสัญลักษณ์แห่งความรักของหนุ่มสาว เทศกาลแห่งความรักจึงเป็นเทศกาลที่ดอกกุหลาบสีแดงราคาพุ่งสูงขึ้นกว่าช่วงเวลาอื่น เกษตรกรที่ปลูกกุหลาบมักจะวางแผนให้กุหลาบออกดอกในช่วงเวลานี้ นอกจากนี้ยังมีการนำต้นไม้อีกหลายชนิดมาเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัด หน่วยงาน หรือสถาบันต่างๆ นับเป็นกุศโลบายในการสร้างความผูกพันให้คนกับต้นไม้ ซึ่งจะว่าไปก็มีส่วนช่วยให้เกิดการอนุรักษ์และขยายพื้นที่ปลูกต้นไม้ชนิดนั้นเพิ่มมากขึ้นอีกทางหนึ่ง
เมื่อเอ่ยถึง ลูกนนทรี ก็จะเข้าใจว่าเป็นผู้ที่จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์มีสัญลักษณ์สีเขียวของต้นนนทรีที่สื่อถึงการเกษตร หรือ หากเป็นต้นจามจุรี ก็เข้าใจกันว่าเป็นต้นไม้สัญลักษณ์ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในระดับหน่วยงานมีการนำต้นไม้มาเป็นสัญลักษณ์เช่นกัน เช่น ต้นพะยอม ต้นไม้ประจำกรมวิชาการเกษตร เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง-ใหญ่ สูงประมาณ 15-30 เมตร จัดเป็นพืชที่อยู่ในวงศ์ยาง เช่นเดียวกัน เต็ง รัง ชอบขึ้นในที่แล้ง ดินทรายไม่ชอบดินเค็ม ทรงต้นหากปลูกเดี่ยวๆ จะเป็นพุ่มสวยงามโดยไม่ต้องมีการตัดแต่งกิ่ง ปัจจุบันหลายคนนำมาปลูกไว้ในบ้าน โดยจะออกดอกปีละ1 ครั้ง ในช่วงเดือนมกราคม-เมษายน ด้วยการทิ้งใบก่อนที่จะออกดอกทั้งต้น ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาในการรอคอยนานหลายปีกว่าจะออกดอก เพราะเป็นไม้ที่โตช้า ต้องเป็นคนรักไม้ชนิดนี้จริงๆ จึงจะนำมาปลูก ทำให้เป็นไม้ที่ค่อนข้างหายาก ลักษณะดอกเป็นช่อแยกแขนงออกที่ปลายกิ่ง โคนกลีบเลี้ยงเชื่อมติดกันปลายแยกเป็น 5 กลีบ เรียงเวียนแบบกังหัน มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ในช่วงเย็น คนไทยในยุคก่อนเชื่อกันว่าหากบ้านใดปลูกต้นพะยอมไว้ในบ้าน จะทำให้ผู้พักอาศัยเป็นผู้ที่มีนิสัยอ่อนน้อม ประณีประนอม ไม่ขัดสน เพราะบุคคลทั่วไปให้ความเห็นใจและยอมให้ในสิ่งที่ดีงามเสมอ อย่างไรก็ตาม จากการที่ต้นพะยอมเป็นไม้ที่โตช้า กว่าจะติดดอกต้องใช้เวลาปลูกนานหลายปี และยังออกดอกเพียงปีละครั้งเท่านั้น ในความเห็นของผม ต้นพะยอมถูกคัดเลือกให้เป็นต้นไม้ประจำกรมวิชาการเกษตร คงเป็นผลจากลักษณะของต้นพะยอม เพราะภารกิจหลักของกรมวิชาการเกษตร คือ การวิจัยและพัฒนาที่เกี่ยวข้องกับพืชและเครื่องจักรกลการเกษตร การทำงานวิจัยและพัฒนาเป็นงานที่ต้องใช้เวลาในการดำเนินการ เป็นงานที่ต้องคิดล่วงหน้า กำหนดเป้าหมายอย่างชัดเจน จึงต้องมีความอดทน ผ่านกระบวนการบ่มเพาะและสะสมองค์ความรู้ เมื่อได้เวลาที่เหมาะสมจึงจะนำเสนอต่อสาธารณะ เพื่อให้ผู้คนได้นำไปใช้ประโยชน์จากผลสำเร็จที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและเป็นประโยชน์ต่อชาติบ้านเมืองไปตลอด
ดังนั้น ลักษณะของนักวิจัยจึงมักไม่แสดงตัวต่อสาธารณะ มุ่งมั่นกับงานวิจัยที่ตนรับผิดชอบไม่มีการออกมาสร้างภาพไปวันๆ โดยขาดหลักฐานงานวิจัยมารองรับ ดังนั้นจึงไม่ค่อยเห็นนักวิจัยที่ออกมาวุ่นวายนำเสนอข้อมูลพร่ำเพรื่อ หรือนำเสนอข้อมูลที่ไม่ใช่ผลจากงานวิจัยที่เกิดขึ้น หากงานวิจัยถูกบีบคั้นด้วยเหตุผลต่างๆ นานาให้นำเสนอผลงานออกมาโดยที่งานวิจัยนั้นยังไม่สมบูรณ์ครบถ้วน จะด้วยข้อจำกัดหรือข้อสั่งการต่างๆ ส่งผลให้งานวิจัยดังกล่าวไม่สามารถนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้อย่างยั่งยืน และบางครั้งอาจเกิดผลเสียมากกว่าผลดีที่สร้างภาพขึ้นมาชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น โดยในบรรดานักวิจัยที่ผมระลึกถึงและเป็นแบบอย่างของนักวิจัยที่ดี คือ ดร.อาวุธ ณ ลำปาง ผู้คัดเลือกและปรับปรุงพันธุ์ถั่วลิสง สร้างพันธุ์ถั่วลิสงไทนาน 9 ที่ยังคงเป็นพันธุ์ถั่วลิสงที่มีการปลูกอย่างแพร่หลายมาจนถึงปัจจุบัน แม้ว่า ดร.อาวุธ จะล่วงลับไปนานแล้วก็ตาม
หันกลับมามองความเป็นจริงในปัจจุบัน เกรงว่าความเข้าใจและไม่เข้าใจของผู้เกี่ยวข้องซึ่งเผชิญปัญหาในการวิจัยและพัฒนาเพื่อสร้างผลงานที่มีประโยชน์และทรงคุณค่า กับการเร่งรัดสร้างผลงานให้เกิดขึ้นตามนโยบาย จะดำเนินไปในลักษณะใด ความเข้มแข็งของการวิจัยและพัฒนาของกรมวิชาการเกษตรที่เคยเป็นมาในอดีต จะยังคงอยู่หรืออ่อนแรงลงไปจนเลือนหายไปจากวงการวิจัยของชาติ ยังคงเป็นประเด็นที่น่าห่วงใย
ผมเห็นดอกพะยอมบานเต็มต้นไปเมื่อไม่กี่วันก่อน จึงหวนคิดถึงและย้อนกลับไปคิดเรื่องงานวิจัยที่ต้องอดทนและรอคอยกว่าจะได้ผลสำเร็จ เหมือนต้นพะยอมกว่าจะออกดอกก็ต้องใช้เวลาเป็นปี แต่เมื่อออกดอกแล้วก็สร้างคุณค่าให้เกิดขึ้นกับผู้คนที่ได้พบเห็น เกิดประโยชน์ต่อทุกๆคน ผู้อาวุโสอดีตข้าราชการของกรมวิชาการเกษตรท่านหนึ่งได้กล่าวถึงต้นพะยอมไว้ว่า“โอ้พะยอมจงอยู่ยั่งยืนยง แต่ชีวิตเราคงปลดปลงลงแน่...” เหมือนจะสื่อให้คนกรมวิชาการเกษตรเชื่อมั่นในผลงานที่เกิดขึ้นจากการวิจัยและพัฒนาที่จะยังคงอยู่ตลอดไปเหมือนกับต้นพะยอมที่ยังคงเติบโตไปอย่างช้าๆ และออกดอกมาให้ชื่นชมกันทุกปี ในขณะที่ชีวิตคนผ่านมาแล้วก็ผ่านไปขึ้นกับว่าระหว่างทางจะเหลืออะไรไว้ให้เกิดประโยชน์ต่อแผ่นดินนี้หรือไม่ก็เท่านั้น
สมชาย ชาญณรงค์กุล
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี