"วงศ์สกุล"อสส.เป็นประธานลงนามร่วมมือก.กลาโหม ร่วมพัฒนาบุคลากรอำนวยความยุติธรรมช่วยเหลือกฎหมายปชช. เผยให้อัยการทหารเข้าอบรมในหลักสูตรในสำนักงานอัยการได้เตรียมลงพื้นที่ร่วมกับอัยการ สคช.ช่วยชาวบ้าน
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 18 ก.พ. ที่ห้องรับรองชั้น 9 สำนักงานอัยการสูงสุด ถนนเเจ้งวัฒนะ สำนักงานอัยการสูงสุดร่วมกับกรมพระธรรมนูญ กระทรวงกลาโหม ได้ร่วมกันทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการและการพัฒนาบุคลากรของทั้งสองหน่วยงาน ในการอำนวยความยุติธรรม ช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน ขจัดข้อขัดแย้งและกรณีพิพาทอย่างมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติและแผนปฏิรูปประเทศ โดยมี นายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ อัยการสูงสุด (อสส.)เป็นประธานในพิธี
สำหรับบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่างสำนักงานอัยการสูงสุด และกรมพระธรรมนูญ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ในการอำนวยความยุติธรรม ช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน และพัฒนาบุคลากรทางวิชาการ มีนายสิงห์ชัย ทนินซ้อน รองอัยการสูงสุด และพล. อ.ประชาพัฒน์ วัจนะรัตน์ เจ้ากรมพระธรรมนูญ เป็นผู้ลงนาม และมี นายอิทธิพร แก้วทิพย์ อธิบดีอัยการ สถาบันพัฒนาข้าราชการฝ่ายอัยการ พร้อมด้วยพล.ท.โสฬส สนธยานนท์ รองเจ้ากรมพระธรรมนูญ ร่วมเป็นสักขีพยาน
นายวงศ์สกุล อัยการสูงสุด กล่าวว่า สำนักงานอัยการสูงสุดเป็นหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมที่มีบทบาทสำคัญในการอำนวยความยุติธรรมให้แก่ประชาชน ซึ่งที่ผ่านมาสำนักงานอัยการสูงสุดและกรมพระธรรมนูญ ได้มีการประสานความร่วมมือด้านกระบวนการยุติธรรมระหว่างกันมาโดยตลอด ประกอบกับสำนักงานอัยการสูงสุดมีนโยบายการบริหารงานในการบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานอื่น เพื่อพัฒนากระบวนการยุติธรรมให้ตอบสนองต่อนโยบายรัฐบาลและประโยชน์ส่วนรวมของประเทศ ให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ จึงได้มีความเห็นชอบร่วมกันในการจัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการอำนวยความยุติธรรม ช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน และพัฒนาบุคลากรทางวิชาการในครั้งนี้
ด้าน นายสิงห์ชัย ทนินซ้อน รองอัยการสูงสุด กล่าวว่า การลงนาม MOU ในครั้งนี้ เกิดจากการเล็งเห็นความสำคัญของการพัฒนาบุคลากรทางวิชาการ ตามพันธกิจ(Missions) ของสำนักงานอัยการสูงสุด ที่จะพัฒนาความร่วมมือ บูรณาการเครือข่ายองค์กร หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในและต่างประเทศ ให้สามารถขจัดความขัดแย้งได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยสำนักงานอัยการสูงสุดจะให้การสนับสนุนข้อมูลทางวิชาการ รวมถึงสนับสนุนให้บุคลากรของสำนักงานอัยการทหารได้เข้าร่วมอบรมในหลักสูตรอัยการผู้ช่วย หลักสูตรอัยการจังหวัด และหลักสูตรอัยการพิเศษฝ่าย เช่นเดียวกับที่กรมพระธรรมนูญก็จะได้จัดสรรที่นั่งให้บุคลากรของสำนักงานอัยการสูงสุดได้เข้าศึกษาอบรมในหลักสูตรต่างๆ อาทิ หลักสูตรตุลาการพระธรรมนูญ หลักสูตรอัยการทหาร หลักสูตรนายทหารสัญญาบัตรชั้นต้นและชั้นสูง หลักสูตรนายทหารพระธรรมนูญ หลักสูตรงานกฤษฎีกาทหารและการต่างประเทศ เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังจะมีการประสานความร่วมมือในการสนับสนุนบุคลากรของทั้งสองหน่วยงานในการบรรยายพิเศษ ให้ความรู้ต่างๆ ทางกฎหมาย และการลงพื้นที่ร่วมกันระหว่างนายทหารพระธรรมนูญและอัยการจังหวัดคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน (สคช.) ในพื้นที่ต่างๆ เพื่อให้ความรู้และช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ทหาร ครอบครัว และประชาชนทั่วไปอีกด้วย ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะช่วยให้บุคลากรของสำนักงานอัยการสูงสุด และกรมพระธรรมนูญ สามารถบูรณาการเพื่ออำนวยความยุติธรรม ช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน ค้นหาความจริงเชิงรุก ขจัดข้อขัดแย้งและกรณีพิพาทได้อย่างมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล ยุทธศาสตร์ชาติ และแผนปฏิรูปประเทศ ในประเด็นการพัฒนากฎหมายและกระบวนการยุติธรรม เพื่อความมั่นคงของชาติ สร้างความเป็นธรรม ลดความเหลื่อมล้ำในทุกมิติ มีความโปร่งใส และปราศจากการเลือกปฏิบัติ ซึ่งจะช่วยให้เกิดความสงบสุขในสังคมและประเทศชาติ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี