วันที่ 22 กุมาพันธ์ 2564 ผู้สื่อข่าวรายงาน ที่ห้องประชุมด่านตรวจปัตตานี อ.เมือง จ.ปัตตานี น.อ.ฐิติวัชร ภัทรเกียรติวงศ์ หัวหน้าศูนย์ควบคุมจังหวัด ศูนย์ควบคุมความมั่นคงท่าเรือจังหวัดปัตตานี ศรชล.ภาค 2 ได้เรียกประชุมด่วนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง เจ้าหน้าที่ ดี เอส ไอ เจ้าหน้าที่กรมเจ้าท่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองปัตตานี และ เจ้าหน้าที่ของกรมประมง ร่วมประชุมติดตามความคืบหน้า ในกรณีจับกุมเรือประมงต่างชาติและเรือประมงไทย จำนวน 2 ลำ ลักลอบลำเลี่ยงรงงานต่างชาติจากน่านน้ำประเทศมาเลเซีย เข้ามาในน่านน้ำไทยและจอดที่ท่าเทียบเรือปัตตานี จากการเข้าจับกุมพบว่า แรงงานต่างชาติชาวกัมพูชา จำนวน 4 ราย ได้หลบหนี ก่อนที่ทางเจ้าหน้าที่จะเข้าจับกุม ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเร่งติดตามตัวมาดำเนินคดีโดยเร็วที่สุด เพราะกลัวว่าแรงงานต่างชาติที่หลบหนีไป หากมีเชื้อโควิด 19 จะส่งผลกระทบต่อพื้นที่อย่างมาก
สืบเนื่องจากวันศุกร์ที่ 19 ก.พ. ที่ผ่านมา ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวว่ามีเรือสัญชาติมาเลเซีย 2 ลำ เข้ามาเทียบท่าที่ท่าเรือประมงปัตตานี พร้อมทั้งมีการขนย้ายสิ่งของ และมีการลบอัตลักษณ์ของเรือ ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ระดมกำลังเข้าไปตรวจสอบ ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่จากกรมเจ้าท่า เจ้าหน้าที่ประมง ตำรวจน้ำ เจ้าหน้าที่ทางทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และ เจ้าหน้าที่ศุลกากร พร้อมทั้งขอกำลังจากเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง เนื่องรู้จากแหล่งข่าวว่า มีลูกเรือต่างชาติเดินทางเข้ามาด้วย เมื่อไปถึง พบว่าลูกเรือแรงงานต่างชาติไม่อยู่แล้ว เพลือเพียงผู้ควบคุมเรือ 1 ราย จึงได้ควบคุมตัวเพื่อสอบสวน ขยายผลที่สำนักงานตำรวจน้ำ ทำบันทึกจับกุม ตรวจยึดเรือ และสามารถยึดของกลางได้คือ เรือจำนวน 2 ลำ ลำแรกเป็นเรือไทย จำนวน 1 ลำ เจ้าของเรือคือนายสุรัตน์ (สงวนนามสกุล) พร้อมแจ้งข้อกล่าวหา คือ ผิด พรก.ประมง เรื่องการปิดบัง ปกปิด อัตลักษณ์ตัวเรือ โดยการลบเลขตัวเรือออก อีก 1 ลำ เป็นเรือไม่ปรากฏสัญชาติ ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าเป็นเรือสัญชาติมาเลเซีย พร้อมทั้งแจ้งข้อกล่าวหาว่า เข้าน่านน้ำไทยโดยไม่ได้แจ้งอนุญาตเข้าออกของเรือ ผู้ควบคุมเรือเป็นคนไทย ชื่อ นายวิชัย (สงวนนามสกุล) พร้อมแจ้งข้อกล่าวหา ไม่เก็บประกาศนียบัตร ผู้ควบคุมเรือไว้ในเรือถือเป็นความผิดตามาตรา 284 และมาตรา 290 แห่ง พรบ.การเดินเรือ พ.ศ.2456 โดยส่งดำเนินคดีทั้ง 2 รายแล้ว
จากการสอบสวนเชิงลึก ทราบว่า เรือทั้ง 2 ลำ มีพฤติกรรมไปรับแรงงานต่างชาติจากฝั่งมาเลเซีย เพื่อมายังในประเทศไทย โดยผ่านทางเรือ 2 ลำนี้ โดยมีการขนย้ายแรงงานจากเรือลำใหญ่ของทางมาเลเซีย แล้วลำเลียงเรือเล็ก 2 ลำนี้ เข้ามาในน่านน้ำไทย เนื่องจากว่าเป็นเรือลำเล็ก จึงไม่ต้องมีการติดตั้งจีพีเอส หรือ การแจ้งเข้าออกของเรือ ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถติดตามเรือได้ พร้อมทั้งกลุ่มเรือเหล่านี้เลือกที่จะปฏิบัติในช่วงกลางคืน ทำให้ยากต่อการติดตาม โดยคาดว่า เรือทั้ง 2 ลำ ได้ลำเลียงแรงงานต่างชาติ สัญชาติกัมพูชา จำนวน 4 ราย เข้ามายังประเทศไทย และ ได้หลบหนีไป ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จำเป็นต้องเร่งไล่ล่าแรงงานต่างชาติโดยด่วน เกรงว่าแรงงานต่างชาติที่หลบหนีเข้ามานี้ หากติดเชื้อโควิด 19 จะส่งผลกระทบต่อพื้นที่เป็นอย่างมาก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี