ลุยฉีดวัคซีนซิโนแวค28ก.พ.
ปลัดสธ.เข็มแรก
เลื่อนคิว‘บิ๊กตู่’ออกไปก่อน
แพทย์ให้รอ‘แอสตราเซเนกา’
‘สมุทรสาคร’พร้อมฉีดด้วย
หมอยืนยันปลอดภัยแน่นอน
ศบค.เผยติดเชื้อเพิ่มอีก72ราย
รัฐบาลเปิดปฏิบัติการฉีดวัคซีนโควิดปลัดสาธารณสุขประเดิมเข็มแรก ส่วนบิ๊กตู่ เลื่อนไปก่อน อธิบดีกรมควบคุมโรค แจงยิบ นายกฯ ถือเป็นกลุ่มเสี่ยงต้องฉีดวัคซีนโควิด-19แต่ฉีดวัคซีนซิโนแวคไม่ได้ ต้องรอวัคซีนจากแอสตราเซเนกา ที่อยู่ระหว่างตรวจรับรองรุ่นการผลิตพร้อมกระจายวัคซีนไปแล้ว 13 จังหวัด สมุทรสาครคึกคักรอให้บริการประชาชน
เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเช้า ทางกระทรวงสาธารณสุข ได้แจ้งมายังสำนักโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีว่า ขอเลื่อนการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือโควิด -19 ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ออกไปก่อน โดยไม่มีการแจ้งว่าจะเลื่อนไปเมื่อไหร่และจะฉีดที่ไหน ซึ่งตามกำหนดการเดิมนั้น นายกรัฐมนตรี จะฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่สถาบันบำราศนราดูร ในวันอาทิตย์ที่ 28 กุมภาพันธ์เวลา 7.30 น.
ต่อมา เวลา 08.10 น. สำนักโฆษกสำนักนายกฯรัฐมนตรี ได้แจ้งว่า พล.อ.ประยุทธ์ ยังไม่มีกำหนดการจะไปฉีดวัคซีน ที่สถาบันบําราศนราดูร โดย นางสาวนัทรียา ทวีวงศ์ ผู้อำนวยการสำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (สลน.) เปิดเผยว่า เรื่องการฉีดวัคซีนของนายกรัฐมนตรี ที่มีกระแสข่าวว่าจะมีการฉีดวันอาทิตย์ ที่ 28 กุมภาพันธ์ นั้น ยืนยันยังไม่มีกำหนดการไปฉีดวัคซีนดังกล่าว กระทรวงสาธารณสุขโดยกรมควบคุมโรค เป็นผู้แจ้งขอเลื่อน มายังทำเนียบรัฐบาล ส่วนรายละเอียดนั้นทางกระทรวงสาธารณสุขจะเป็นผู้ชี้แจงเอง
ติดปัญหาเรื่องเอกสารรับรองวัคซีน
รายงานจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า สาเหตุในการเลื่อนการฉีดวัคซีนป้องกัน โควิด-19 ของนายกรัฐมนตรีนั้น เกิดจากติดขัดปัญหาในเรื่องของธุรการที่เป็นส่วนของเอกสาร เนื่องจากวัคซีนแอสตราเซเนกาลอตแรกนี้ มาจากประเทศเกาหลี แม้จะผ่านการรับรองจากประเทศต้นสังกัดแล้วก็ตาม แต่เป็นการรับรองให้ทางเกาหลีเท่านั้น การที่ประเทศไทย ตัดยอดนำเข้ามานั้นจึงยัง ไม่มีเอกสารรับรองอย่างเป็นทางการ ดังนั้นจึงอยู่ระหว่างขั้นตอนทางธุรการ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวทำให้จำเป็นต้องเลื่อนการฉีดวัคซีนลอตนี้ออกไปก่อน และส่งผลให้พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งมีอายุเกิน 60 ปี ต้องเลื่อนการฉีดวัคซีน เข็มปฐมฤกษ์ ออกไปด้วย
ส่วนวัคซีนซิโนแวคที่นำเข้าจากจีนนั้น ผ่านการรับรองเป็นที่เรียบร้อยแล้วสามารถดำเนินการฉีดตามกำหนดได้ ทั้งนี้หากขั้นตอนทางธุรการด้านเอกสารของแอสตร้าเซเนก้า ผ่านขั้นตอนได้ทัน และผ่านขั้นตอนของวิทยาศาสตร์การแพทย์ของไทยแล้ว ก็คาดว่าจะสามารถฉีดได้ทันตามที่ประกาศไว้
ปลัดสธ.ฉีดเป็นคนแรก28ก.พ.
มีรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า วันที่ 28 กุมภาพันธ์ เวลา 04.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ จะเดินทางไปเป็นประธานการฉีดวัคซีนโควิด 19 ที่สถาบันบำราศนราดูร โดยมี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.สาธารณสุข ไปร่วมด้วย แต่ทั้งนายกฯ และนายอนุทิน จะยังไม่ได้ฉีดวัคซีนโควิด 19 ส่วนคนที่จะได้รับการฉีดวัคซีนคนแรกคือ นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข
ต่อมา นายอนุทิน ได้ให้สัมภาษณ์ยืนยันว่า การฉีดวัคซีนโควิด-19 ยังมีในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ตามกำหนดเดิม แต่เป็นการฉีดให้กับกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ โดยมี นพ.เกียรติภูมิ วงค์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นคนแรกที่จะมีการฉีด ในเวลา 07.30 น. ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมตนจะเดินทางไปให้กำลังใจด้วย ที่สถาบันบำราศนราดูร จากนั้นก็เป็นการฉีดให้กับบุคลากรหน้าด่านที่ทำงานควบคุมป้องกันโรค รวมถึงคนที่เกี่ยวข้อง อย่าง อสม. ส่วนตนหลังจากนั้นจะเดินทางไปที่ จ.สมุทรสาคร ดูความพร้อมในพื้นที่ด้วย
ยันขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแพทย์
นายอนุทิน กล่าวว่า กรณีนายกรัฐมนตรีไม่ได้ฉีดวัคซีนโควิด เนื่องจากเป็นดุลพินิจของแพทย์ และต้องการรอการตรวจรับรองจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เนื่องจากบริษัทแอสตราเซเนกา ผู้นำเข้า ยังไม่ได้ยื่นเอกสารหรือตัวอย่างนำส่ง ส่วนการฉีดวัคซีนของตนนั้น ขอให้เป็นดุลพินิจของแพทย์ ไม่มีการขโมยซีนท่านนายกฯ ตามที่มีข่าวลือแต่อย่างใด ทั้งนี้วัคซีนแต่ละชนิดมีเงื่อนไขที่แตกต่างกัน โดยวัคซีนซิโนแวค ฉีดให้กับคนที่มีอายุระหว่าง 18-59 ปี ส่วน แอสตราเซเนกา ฉีดให้กับคนอายุ 60 ปีขึ้นไป ดังนั้นไม่ใช่เรื่องใครฉีดก่อนฉีดหลัง การฉีดต้องคำนึงถึงความปลอดภัย จึงต้องให้แพทย์เป็นคนตัดสินใจ ส่วนหลังการรับวัคซีนในกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์เกิดขึ้น เชื่อว่า ผลลัพธ์ของวัคซีนจะเป็นคำตอบ และหลังการฉีดยังต้องรอดู
ผลด้วย
แพทย์ยันบิ๊กตู่ยังไม่เข้าเกณฑ์
แจกยิบทำไมบิ๊กตู่เลื่อนการฉีด
ที่กระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยความพร้อมในการฉีดวัคซีนโควิด-19 ว่า ขณะนี้ได้กระจายวัคซีนไปใน 13 จังหวัด รวม 32 รพ.เรียบร้อย โดย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ตรวจเยี่ยมความเรียบร้อยก่อนจะฉีดในวันที่ 28 (28 ก.พ.
พร้อมยืนยันนายกรัฐมนตรี ยังไม่สามารถฉีดวัคซีนโควิด จากซิโนแวคได้ เพราะไม่เข้าหลักเกณฑ์ เนื่องจากอายุเกินกลุ่มเป้าหมายของวัคซีนซิโนแวคที่กำหนดไว้ ต้องมีอายุ 18 -59 ปี แต่หากพิจารณาเกณฑ์การรับวัคซีน ของนายกรัฐมนตรี ต้องถือว่าเข้าเกณฑ์ของสาธารณสุข เป็นคนในกลุ่มเสี่ยง ทั้งสูงอายุ มีโรคประจำตัว และอยู่ในพื้นที่ กทม. ที่เป็นพื้นที่สีส้ม และปฏิบัติหน้าที่ก็อยู่ในพื้นที่เสี่ยง อย่างไรก็ตาม เมื่อนายกรัฐมนตรี ไม่สามารถรับวัคซีนจากซิโนแวคได้ ก็ต้องรอวัคซีนจากบริษัท แอสตราเซเนกา ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจรับรองรุ่นการผลิต
ส่วนกรณี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข แม้อายุไม่ถึง 60 ปี แต่เนื่องจากลงปฏิบัติหน้าที่ตามพื้นที่ต่างๆ จึงถือว่ามีความจำเป็นต้องรับวัคซีนด้วยเช่นกัน ซึ่งความจริงสามารถรับวัคซีนได้ทั้ง 2 ชนิด ทั้งซิโนแวค และแอสตราเซเนกา แต่การรับวัคซีนขึ้นอยู่กับความสมัครใจ
รองโฆษกรบ.ยันที่เหลือมาตามกำหนด
ทางด้าน น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวผ่านไทยคู่ฟ้าพอดแคสต์เกี่ยวกับวัคซีนโควิด-19 ว่า เป็นข่าวดีที่ประเทศไทยได้รับวัคซีนลอตแรกเร็วกว่ากำหนด เพื่อให้ทันต่อการระบาดของไทย โดยยืนยันว่าวัคซีนที่เหลือของแอสตราเซเนกา จะทยอยจัดส่งจากการผลิตของสยามไบโอไซเอนซ์ตามกำหนดการเดิมอย่างแน่นอน ทั้งนี้วัคซีนที่มาถึงประเทศไทยจะต้องผ่านการตรวจรับคุณภาพผ่านการรับรองรุ่นผลิตจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จึงจะสามารถกระจายวัคซีนไปยังประชาชนกลุ่มเป้าหมายแรกได้
ทั้งนี้ จากข้อมูลการศึกษาในปัจจุบัน รวมทั้งจากผู้อำนวยการสถาบันวัคซีน ระบุตรงกันว่า แม้การฉีดวัคซีนจะเป็นการลดอาการรุนแรงของผู้ป่วยติดเชื้อ แต่ยังไม่มีข้อมูลสนับสนุนว่าวัคซีนป้องกันการติดเชื้อและลดแพร่กระจายของเชื้อได้ ดังนั้น ประชาชนยังมีความจำเป็นจึงต้องปฏิบัติตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัดต่อไป
วัคซีนลอตแรกถึงรพ.สมุทรสาครแล้ว
เมื่อเวลา 10.09 น. รถตู้เก็บความเย็นของบริษัทเอกชน ซึ่งได้รับมอบหมายจากกระทรวงสาธารณสุข ได้นำวัคซีนโควิด 19 ลอตแรก ยี่ห้อ SINOVAC จำนวน 20,040 โดส มาส่งมอบให้กับ รพ.สมุทรสาคร โดยมี นพ.ธนพัฒน์ พวงเพชร นายแพทย์ชำนาญการ รองผู้อำนวยการด้านพัฒนาระบบบริการสุขภาพ รพ.สมุทรสาคร เป็นผู้รับมอบ พร้อมด้วยทีมแพทย์ พยาบาล และเภสัชกร โดยวัคซีนทั้งหมดนี้เมื่อมาถึง รพ.สมุทรสาครแล้ว ก็ถูกนำไปเก็บไว้ที่คลังเวชภัณฑ์ กลุ่มงานเภสัชกรรม เพื่อตรวจนับแล้วรีบนำเข้าตู้แช่เย็นในอุณหภูมิ 2 – 8 องศาเซลเซียส และมีการรายงานอุณหภูมิผ่านระบบออนไลน์ทุก 20 นาที สำหรับในส่วนที่เหลือจะทยอยตามมาในลอตต่อไป จนครบตามจำนวน ทั้งหมดประมาณ 25,000 โดส
เริ่มฉีด28ก.พ.-ยันปลอดภัยแน่นอน
นพ.ธนพัฒน์ กล่าวว่า วัคซีนที่ได้รับมานี้ จะต้องนำไปเก็บที่ตู้เก็บความเย็นอุณหภูมิ 2–8 องศาเซลเซียส ส่วนการจัดลำดับการฉีดวัคซีนโควิด 19 จะเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2564 เริ่มจากบุคลากรและผู้นำระดับจังหวัด ตลอดจนกลุ่มตัวอย่างของกลุ่มเสี่ยงจำนวน 159 คน จากนั้นนับตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม เป็นต้นไป จะทยอยฉีดให้กับบุคลการทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ด่านหน้า อสม. และกลุ่มเสี่ยงที่อยู่ในระบบสาธารณสุข กระทั่งในเดือนพฤษภาคม ก็คาดว่าจะเริ่มฉีดให้กับประชาชนทั่วไป โดยทั้งนี้การฉีดวัคซีนป้องกันโควิด 19 นั้น ขอยืนยันว่าเป็นกระบวนการในการป้องกันโควิด-19 ที่ปลอดภัย และไม่เป็นอันตรายแต่อย่างใด จึงขอให้ประชาชนเชื่อมั่นในระบบสาธารณสุขและเข้ารับการฉีดวัคซีนตามลำดับขั้นตอนที่สาธารณสุขได้กำหนดไว้
ทำความสะอาดตลาดกลางกุ้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในวันที่ 1 มีนาคมนี้ ตลาดกลางกุ้ง จังหวัดสมุทรสาคร จะกลับมาค้าขายตามปกติ โดยวันนี้เทศบาลนครสมุทรสาครนำรถน้ำ 2 คัน และคลอรีน ล้างและฉีดพ่นในพื้นที่ โดยมีแรงงานข้ามชาติในพื้นที่ร่วมใจช่วยกันทำความสะอาด และเช้าวันพรุ่งนี้จะมีพิธีบุญให้กับตลาดด้วย
ส่วนมาตรการต่างๆ เพื่อความปลอดภัยและป้องกันโรค ทางคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดสมุทรสาครกำหนดให้มีการตรวจประเมินเป็นระยะๆ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นทั้งในส่วนของพื้นที่ในตลาดกลางกุ้งที่เป็นแผงค้า ต้องล้างทำความสะอาดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อทุกวัน และต้องล้างทั้งตลาดสัปดาห์ละครั้งตามหลักสุขาภิบาล ผู้ค้า ผู้ปฏิบัติงานในตลาด หากป่วยต้องหยุดค้าขายทันทีและพบแพทย์ ส่วนของที่พักแรงงานต้องไม่แออัดตามหลักสุขอนามัย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี