นายกฯ ถก ก.ตร.ตั้งที่ปรึกษาพิเศษตร. ผ่านฉลุย ตามคาด“บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผงาดคืนถิ่นสีกากี นั่งเก้าอี้ ที่ปรึกษา(สบ 9) เทียบเท่า ผู้ช่วย ผบ.ตร.ดูแลงานด้านยุทธศาสตร์

เมื่อเวลา 13.40 น.วันที่ 17 มีนาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) เป็นประธานการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 4/2564 เพื่อพิจารณาแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับนายพลตำรวจยศ พล.ต.ต.ขึ้นไป จำนวน 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษ ตร. (ยศ พล.ต.อ.เทียบเท่ารอง ผบ.ตร.) จำนวน 7 ตำแหน่ง

ตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ตร. (ยศพล.ต.ท.เทียบเท่า ผบช.) จำนวน 16 ตำแหน่ง , ตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิ ตร. (ยศ พล.ต.ต. เทียบเท่า ผบก.) จำนวน 30 ตำแหน่ง และตำแหน่งอื่นๆรวม 75 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นการแต่งตั้งผู้ที่ครบวาระเกษียณราชการเพื่อปูนบำเหน็จเลื่อนสูงขึ้นก่อนเกษียณราชการ และตำแหน่งที่ปรึกษา (สบ9) เทียบเท่า ผู้ช่วย ผบ.ตร.ทำหน้าที่ขับเคลื่อนด้านยุทธศาสตร์ ซึ่งเป็นตำแหน่งเฉพาะตัวที่ได้ขออนุมัติ ก.ตร.ซึ่งคาดว่าเป็นการเปิดไว้เพื่อรองรับการโอนย้ายกลับเข้ามาดำรงตำแหน่งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ของ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล

ต่อมาเวลา 14.20 น.ภายหลังใช้เวลาในการประชุมประมาณ 40 นาที พล.อ.ประยุทธ์ แถลงว่า ที่ประชุม ก.ตร.ได้มีมติแต่งตั้ง พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ที่โยกย้ายกลับมารับราชการที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษา (สบ9) เทียบเท่าผู้ช่วย ผบ.ตร.ทำหน้าที่ขับเคลื่อนด้านยุทธศาสตร์ ซึ่งเป็นตำแหน่งเฉพาะตัวที่ได้ขออนุมัติ ก.ตร.เปิดไว้ นอกจากนี้ยังมีพิจารณาแต่งตั้งข้าราชการตำรวจในตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษ และผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเป็นวาระการพิจารณาปรับย้ายตามวาระปกติเดือนเมษายน เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง สำหรับผู้ที่จะเกษียณอายุราชการ รวม 75 ตำแหน่ง

ด้าน พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.กล่าวว่า ยังไม่ได้มีการมอบหมายหน้าที่ใดให้กับ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ โดยให้ทำหน้าที่ในตำแหน่งที่ปรึกษา ผบ.ตร.รับผิดชอบดูแลงานด้านยุทธศาสตร์ ตามที่กำหนดหน้าที่เอาไว้ไปก่อน

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 9 มีนาคมที่ผ่านมา นายกฯ มีคำสั่งให้โอนย้าย พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ที่ปรึกษาพิเศษสำนักนายกรัฐมนตรี กลับเข้าเป็นข้าราชการตำรวจ หลังจากวันที่ 9 เมษายน 2562 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โอนย้าย พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ไปเป็นข้าราชการพลเรือนซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งผบช.สตม.โดยขาดจากตำแหน่งหน้าที่และอัตราเงินเดือนเดิมในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ