8 เมษายน 2564  เมื่อช่วงค่ำวัน​ที่​ 7​ เม.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองบุรีรัมย์  ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีคนถูกไฟไหม้เสียชีวิตบริเวณทุ่งนาบ้านบัลลังก์น้อย  ต.หนองตาด  อ.เมืองบุรีรัมย์  จึงได้ประสานแพทย์เวรโรงพยาบาลบุรีรัมย์และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างจรรยาธรรมสถาน   ร่วมตรวจสอบที่เกิดเหตุ

เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุพบร่างนายสุรัตน์ คะเลารัมย์ อายุ 58 ปี นอนคว่ำหน้าเสียชีวิต อยู่บริเวณริมคันนาของตัวเองในสภาพท่อนล่าง และศรีษะถูกไฟไหม้เกรียมทั้งหมด เหลือเพียงท่อนบนและแขน 2 ข้างที่ยังเหลือผิวหนังอยู่บ้าง เป็นที่น่าสยดสยองและสลดใจเป็นอย่างมาก ส่วนบริเวณใกล้ศพซึ่งเป็นทุ่งนาก็ถูกไฟไหม้เป็นหย่อมๆ ขณะที่ภรรยาและลูกสาวที่ทราบข่าวได้เดินทางไปดูสภาพศพที่จุดเกิดเหตุก็ถึงกับช็อกเป็นลมล้มพับ ทั้งกู้ภัยและชาวบ้านต้องช่วยกับปฐมพยาบาล  

จากการตรวจสอบเบื้องต้นไม่มีร่องรอยการต่อสู้หรือถูกทำร้าย และญาติก็ไม่ได้ติดใจสาเหตุการเสียชีวิตเพราะคิดว่าผู้ตายน่าจะเกิดหน้ามืดวูบ จนทำให้เกิดอุบัติเหตุถูกไฟไหม้จนเสียชีวิต  แต่อย่างใดก็ตามเพื่อความชัดเจนและความสบายใจของญาติ ก็ได้ส่งศพไปตรวจพิสูจน์ที่โรงพยาบาลบุรีรัมย์ ก่อนจะมอบร่างให้ญาตินำกลับมาบำเพ็ญกุศลตามประเพณีต่อไป   

จากการสอบถาม น.ส.ไพรวัลย์ คะเลารัมย์ อายุ 41 ปี ลูกสาว บอกว่า ช่วงเที่ยงพ่อยังนั่งกินข้าวกับแม่อยู่เลย พอช่วงบ่ายก็ออกไปนาตามปกติ  ซึ่งเวลาพ่อไปนาจะชอบไปคนเดียวอยู่แล้ว โดยวันนี้พ่อน่าจะไปเผาหญ้าและตอซังในนา เพื่อเตรียมพื้นที่ไว้สำหรับทำนาปีในฤดูกาลใหม่ คาดว่าตอนที่พ่อจุดไฟเผาหญ้าและตอซังอาการโรคหัวใจอาจจะกำเริบ จนทำให้พ่อหน้ามืดวูบล้มแต่ไม่มีใครเห็นจึงไม่มีคนไปช่วยเหลือทัน ทำให้ถูกไฟคลอกร่างพอจนไหม้เกรียมเสียชีวิตดังกล่าว    

ด้านนายอุดม นามปัญญา อายุ 48 ปี หลานเขยที่เป็นคนไปพบศพคนแรก เล่าว่า ช่วงเย็นตนได้ไล่ต้อนวัวเข้าคอกซึ่งอยู่ใกล้กับจุดเกิดเหตุ จู่ๆ ก็ได้เสียงคนสตาร์ทรถ 2 ครั้งแต่พอหันไปดูก็ไม่เห็นมีใคร จากนั้นไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้ตนเองเดินไปดูที่ทุ่งนาก็เห็นร่างของลุงนอนเสียชีวิตในสภาพไหม้เกรียมเกือบทั้งตัวแล้ว ด้วยความตกใจจึงรีบวิ่งไปบอกญาติและชาวบ้านให้มาดู และแจ้งเจ้าหน้าที่ให้มาตรวจสอบ ส่วนสาเหตุตนเองก็ไม่ทราบว่าผู้ตายอาจจะหน้ามืดหรือเกิดอะไรขึ้น แต่ก็เป็นเหตุการณ์ที่สร้างความสะเทือนใจมากไม่คิดว่าลุงจะเสียชีวิตในสภาพไหม้เกรียมแบบนี้