สถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19) ระลอกใหม่เริ่มรุนแรงขึ้นอีกครั้ง ในประเทศไทยแต่ละวันมีการติดเชื้อหลายร้อยคน เช่นเดียวกับสถานการณ์ทั่วโลก มีผู้ติดเชื้อมากกว่า 133 ล้านคน แม้จะมีการนำวัคซีน โควิด-19 มาใช้ในการป้องกันรักษาแล้ว ยอดผู้ติดเชื้อก็ยังสูงอยู่
ยางพาราพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของไทยเป็นโปรดักส์แชมเปี้ยนของประเทศสามารถผลิตและส่งออกเป็นอันดับ 1 ของโลก ปีละกว่า 4.5 ล้านตัน สถานการณ์ราคายางก่อนหยุดยาวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ยางแผ่นรมควันชั้น 3 ราคาอยู่ในระดับ 63 บาทต่อกิโลกรัม ยางแผ่นดิบ 61 บาทต่อกิโลกรัม และน้ำยางสดราคา 60 บาทต่อกิโลกรัม
ราคายางจะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ในครั้งนี้หรือไม่ และแนวโน้มในอนาคตราคาจะเป็นอย่างไร?
เมื่อวันก่อนได้มีโอกาสพูดคุยกับ ท่านผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย(กยท.) “ณกรณ์ ตรรกวิรพัท” ซึ่งได้วิเคราะห์สถานการณ์ราคายางไว้น่าสนใจ
ท่านผู้ว่าฯกยท. บอกว่า การระบาดของโควิด-19ได้ส่งผลบวกทำให้ราคายางสูงขึ้นอย่างมีเสถียรภาพ เนื่องจากตลาดมีความต้องการใช้การยางธรรมชาติ มาผลิตเครื่องมือแพทย์ โดยเฉพาะถุงมือยาง เพิ่มมากขึ้น คาดว่าจะมีปริมาณเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวจากประมาณ 370,000 ล้านชิ้นในปีที่ผ่านมา จะเพิ่มเป็นมากกว่า 600,000 ล้านชิ้น ในปี 2564
นอกจากนี้เมื่อนำมาวิเคราะห์กับปัจจัยต่างๆที่เกี่ยวข้องในขณะนี้แล้ว แนวโน้มราคายางในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2564 ราคายางแผ่นรมควันชั้น 3 อาจจะมีิสิทธิ์แตะ 80 บาทต่อกิโลกรัม หรือไม่เลวร้ายสุดก็ไม่น่าจะต่ำกว่า 60 บาทต่อกิโลกรัม
ปัจจัยหลักๆ มาจากความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากได้มีการคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจโลกในปี 2564 จะฟื้นมีการขยายตัวประมาณ 5.5% โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ใช้ยางค่อนข้างมาก คาดว่าในประเทศไทยปริมาณการผลิตรถยนต์จะเพิ่มขึ้น 6% หรือประมาณ 1.5 ล้านคัน ในปี 2564 ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับอุตสาหกรรมยานยนต์ และอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่ใช้ยางเป็นวัตถุดิบทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศจีนซึ่งเป็นลูกค้ารายใหญ่ของไทยจะฟื้นตัวอย่างรวดเร็วตาม
ในขณะที่ปริมาณสต๊อกยางในตลาดโลกขณะนี้ลดลง จำเป็นจะต้องสั่งซื้อยางเก็บเข้าสต๊อกเพิ่มขึ้น แต่ปริมาณยางใหม่ที่จะเข้ามาทดแทนมีน้อยลง เพราะปัญหาการระบาดของโรคใบร่วงชนิดใหม่และภัยธรรมชาติในช่วงที่ผ่านมาทำให้สวนยางได้รับความเสียหาย คาดว่า จะทำให้ปริมาณยางในตลาดโลกปี 2564 ลดลง 8-9% หรือไม่น้อยกว่า 1 ล้านตัน จากเดิม 13.5 ล้านตัน จะเหลือประมาณ 12 ล้านตันเท่านั้น
ผนวกกับปัญหาขาดแคลนแรงงานกรีดยาง เนื่องจากการระบาดของโควิด-19 ยิ่งทำให้ปริมาณยางใหม่ที่จะเข้าสู่ตลาดมีแนวโน้มที่ลดลง
ประกอบกับประเทศไทยซึ่งเป็นผู้ผลิตยางรายใหญ่ของโลก ยังได้ดำเนินมาตรการบริหารผลผลิตเพื่อรักษาเสถียร ภาพราคายางอย่างยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นการดำเนินโครงการบริหารจัดการน้ำยางสด โครงการชะลอการขายยางก้อนถ้วยแห้งเพื่อรักษาสภาพคล่องให้เกษตรกร ทำให้สามารถบริหารควบคุมปริมาณยางออกสู่ตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
เมื่ออุปสงค์(Demand) มากกว่าอุปทาน(Supply) แนวโน้มราคายางในครึ่งปีหลังจึงสดใสตามกลไกของตลาด
รัฐศักดิ์ พลสิงห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี