ศบค.เผยกทม.เร่งตรวจโควิดเชิงรุก คาดพบ 500 ขึ้นไปอีกสองสามวัน ส่วนสถานการณ์บางจังหวัดดีขึ้นแล้ว พร้อมยอมรับบริหารเตียงเมืองหลวง-ปริมณฑลยาก กรมสุขภาพจิตเตือนเสพข่าวโควิดมาก เครียดสะสม-ภูมิคุ้มกันต่ำ ลุ้นพฤหัสนี้ 29 เม.ย.นี้เข้มล็อคดาวน์หรือไม่
เมื่อเวลา 11.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์ประจำวัน ว่า มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 2,048 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 2,038 ราย มาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 1,991 ราย มาจากการค้นหาเชิงรุก 47 ราย
นอกจากนี้ เป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ 10 ราย ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อสะสม 57,508 ราย หายป่วยสะสม 31,539 ราย อยู่ระหว่างรักษา 25,767 ราย อาการหนัก 563 ราย ใส่ท่อหายใจ 150 ราย และมีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม 8 ราย เป็นคนไทยทั้งหมด โดยเป็นชาย 6 ราย และหญิง 2 ราย ทำให้มียอดผู้เสียชีวิตสะสม 148 ราย ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่มีประวัติสัมผัสผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้า จะเห็นว่ามีอายุน้อยลง ระยะเวลาในการป่วยสั้นลง และจะทรุดลงอย่างรวดเร็ว ขณะที่สถานการณ์โลก มีผู้ติดเชื้อสะสม 147,783,379 ราย เสียชีวิตสะสม 3,122,538 ราย
อย่างไรก็ตาม สำหรับตัวเลขผู้ได้รับวัคซีนในประเทศไทย ยอดสะสมผู้ที่ได้วัคซีนเข็มแรก 972,204 ราย เข็มสอง 177,462 ราย และจะมีการพิจารณานำผู้ที่น้ำหนักตัวเกินมาพิจารณาเป็นกลุ่มเสี่ยงให้ได้รับวัคซีนเหมือนกับโรคอื่นๆ
พญ.อภิสมัย กล่าวว่า สำหรับตัวเลขผู้ติดเชื้อวันนี้ 5 อันดับแรก ได้แก่ กทม. 901 ราย สมุทรปราการ 110 ราย ชลบุรี 104 ราย นนทบุรี 97 ราย และเชียงใหม่ 84 ราย อย่างไรก็ตาม ในพื้นที่ กทม.ขณะนี้มีการตรวจหาเชื้อวันละกว่าหมื่นราย ดังนั้น อาจจะพบผู้ติดเชื้อวันละประมาณ 500 รายต่อไปอีกสองสามวัน การระดมตรวจหาเชื้อจำนวนมากนี้เพื่อต้องการลดการเสียชีวิตและลดจำนวนผู้ป่วยไอซียู ส่วนสถานการณ์ภาพรวมของประเทศ พบว่าบางจังหวัดควบคุมสถานการณ์ได้พอสมควร เริ่มจะไม่มีการรายงานผู้ติดเชื้อเพิ่ม และบางจังหวัดไม่พบคลัสเตอร์ใหม่ แต่ที่ยังระบาดหนักคือ กทม.และปริมณฑล
นอกจากนี้ ที่มีระแสข่าวมีชาวอินเดียเช่าเหมาลำเครื่องบินมายังประเทศไทยนั้น กระทรวงการต่างประเทศได้ตรวจสอบไปยังสถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลไทยในอินเดียได้รับคำยืนยันไม่มีการออกใบอนุญาตให้คนอินเดียเข้ามาในประเทศไทย พร้อมทั้งยืนยันว่าไม่มีการเช่าเหมาลำจากอินเดียตามที่เป็นข่าว จึงขอสื่อมวลชนช่วยชี้แจงประเด็นดังกล่าว
พญ.อภิสมัย กล่าวถึงศักยภาพการบริหารจัดการเตียงว่า การระบาดรอบนี้แตกต่างจากการระบาดช่วงปลายปี 63 ที่ จ.สมุทรสาคร ที่ครั้งนั้นผู้ติดเชื้อรวมกันเป็นกลุ่ม และร้อยละ 95 ไม่มีอาการ ทำให้เราสามารถมีเตียงสนามเพิ่มขึ้นได้ทุกวัน และจัดผู้ป่วยเข้าไปได้วันละ 500 เตียง แต่การบริหารจัดการเตียงสำหรับการระบาดระลอกนี้ใน กทม.และปริมณฑล ผู้ป่วยมาจากหลายพื้นที่และมีความแตกต่างกัน ทำให้การจัดหาเตียงมีความยากลำบาก ต้องทำทีละราย ขณะนี้ กทม.และปริมณฑลกำลังพยายามเพิ่มศักยภาพพาผู้ป่วยเข้าสู่ระบบการรักษา จะทำให้การจัดหาเตียงเหมาะสมและรวดเร็ว ส่วนข้อร้องเรียนเรื่องสายด่วนต่างๆ ที่มีการรับสายรับช้านั้น กรุณาอย่าเพิ่งหมดหวัง ทุกท่านยังมีพี่น้อง ยังมีสื่อมวลชนที่เป็นกระบอกเสียง ไม่มีใครนิ่งนอนใจในการจัดหาเตียง และขอยกตัวอย่างเรื่องเตียงใน กทม. วันที่ 25 เม.ย. มีผู้ป่วยออกจากโรงพยาบาลประมาณ 170 เตียง แต่เตียงเหล่านั้นยังต้องใช้สำหรับการรักษาโรคอื่นๆ ที่มีความรุนแรงด้วย ทั้งนี้ ในที่ประชุม ศบค.ชุดเล็ก ได้รับรายงานว่ามีการเพิ่มโรงพยาบาลสนาม โดยกองร้อย ตชด. 14 แห่ง ในวันที่ 1 พ.ค.นี้
พญ.อภิสมัย กล่าวว่า ตอนนี้เกิดเหตุการณ์ผู้ป่วยไม่เปิดเผยไทม์ไลน์ทำให้บุคลากรทางการแพทย์กลายเป็นผู้มีความเสี่ยงสูง และขณะนี้มีรายงานบุคลากรทางการแพทย์ติดเชื้อเพิ่มขึ้น ทำให้เสียบุคลากรทางการแพทย์ไปอีก บุคลากรเหล่านี้ทำงานหนัก อาจรู้สึกเสียขวัญกำลังใจ จึงอยากให้ประชาชนช่วยกันฉุดกราฟให้ลง และอยากเรียนว่าเราไม่อยากให้ใครเสียชีวิต ทุกครั้งที่ต้องรายงานผู้เสียชีวิตเราก็เสียใจไปกันหมด นอกจากนี้ กรมสุขภาพจิตฝากเตือนประชาชนเรื่องการบริโภคข่าวสารเกี่ยวสถานการณ์โควิด-19 ต่อเนื่องยาวนานบางครั้งทำให้เกิดภาวะเครียดสะสม ภูมิคุ้มกันต่ำ จนเกิดภาวะรุนแรงได้
เมื่อถามว่า จะมีการระงับการเดินทางเข้าประเทศของคนต่างชาติหรือไม่ เพื่อนำทรัพยากรมาดูแลประชาชนในประเทศก่อน พญ.อภิสมัย กล่าวว่า ที่ประชุม ศบค.มีการทบทวนเรื่องนี้ และขอให้ติดตามเรื่องจากการประกาศของกระทรวงการต่างประเทศ แต่ในส่วนของการดูแลคนไทยให้ได้กลับบ้าน เราไม่ต้องการเปลี่ยนแปลง เพราะเป็นสิทธิที่คนไทยจะได้กลับบ้าน เขาจำเป็นต้องได้รับการดูแลไม่ให้แพร่เชื้อออกจากสถานกักตัวของรัฐ ซึ่งช่วงนี้ยอดการใช้สถานกักตัวของรัฐมีปริมาณน้อยลง จึงได้มีการปรับเปลี่ยนไปในรูปแบบฮอตพิเทลและโรงพยาบาลสนามบ้างแล้ว อย่างไรก็ตาม ในระยะนี้ขอให้ติดตามรายงานของกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงการต่างประเทศอย่างใกล้ชิด ส่วนเรื่องระยะเวลาการกักตัวของผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ หลังจากพบว่าบางรายพบว่าเชื้ออยู่ได้ถึง 21 วันนั้น ทางกรมควบคุมโรคได้พิจารณาเรื่องนี้อย่างละเอียดรอบคอบ และมีการติดตามรายงานอย่างใกล้ชิด จึงอยากเน้นยามผู้ที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลสนาม หรือโรงพยาบาลรัฐ โรงพยาบาลเอกชน ในช่วงนี้ด้วยว่าหลังจากที่ผู้รับการรักษากลับบ้านไปแล้ว ยังจะต้องแยกกัก ไม่ไปสัมผัสผู้อื่นหรือแม้แต่คนในครอบครัวอีกเป็นระยะเวลา 14 วัน
เมื่อถามถึงมาตรการกักตัวอยู่ที่บ้านของผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรง พญ.อภิสมัย กล่าวว่า ทาง ศบค. มีการทบทวนอยู่ทุกวัน เพราะบางราย วันที่หนึ่งอาการยังปกติดี แต่จากนั้นอาการกลับทรุดลงอย่างรวดเร็ว หรือ การที่สภาพบ้านไม่เอื้ออำนวยเราเน้นย้ำว่าการแยกกักอยู่ที่บ้านนั้นจะต้องมีการแยกพื้นที่กับบุคคลในครอบครัว ไม่รับประทานอาหารร่วมกัน พยายามไม่ใช้ห้องน้ำเดียวกัน ไม่มีการคลุกคลีใกล้ชิด ซึ่งพบว่าทำได้ยาก และทำให้คนอื่นในครอบครัวติดเชื้อ จึงยังไม่สามารถให้ประชาชนแยกกักอยู่ที่บ้าน เพราะยังเป็นอันตรายอยู่
เมื่อถามว่า มีโอกาสหรือไม่ที่จะล็อคดาวน์พื้นที่บางจังหวัด พญ.อภิสมัย กล่าวว่า เรื่องล็อคดาวน์นั้น ในวันพฤหัส ที่ 29 เม.ย. จะมีการทบทวนมาตรการในเรื่องของพื้นที่ โดยจะพิจารณาว่า จะมีการเพิ่มมาตรการอย่างไร จะล็อคดาวน์หรือไม่ วันนี้ทางกรมควบคุมโรคกระทรวงสาธารณสุขได้หารือกับ ศบค. และในช่วง 1-2 วันนี้คงจะได้เห็นมาตรการการปรับความเข้มข้นมากขึ้นในบางพื้นที่แต่ละกิจการกิจกรรม แต่ละจุดจึงขอให้ทุกคนได้ติดตามอย่างใกล้ชิดด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี