เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2564 ที่ห้องประชุมร่มฉัตร ชั้น 2 สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครพนม นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม และนายแพทย์มานพ ฉลาดธัญญกิจ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครพนม ร่วมกันแถลงข่าวสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่ ซึ่งวันนี้จังหวัดนครพนมไม่มีผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อเพิ่มขึ้น ทำให้ ยังคงมียอดสะสมรวมอยู่ที่ 106 รายเช่นเดิม ขณะที่การรักษานั้นวันนี้มีที่รักษาหายและได้กลับบ้านเพิ่มอีก 4 ราย รวมเป็น 31 ราย ส่วนยอดผู้เสียชีวิตยังคงมีเพียง 1 รายเท่านั้น โดยปัจจุบันยังคงมีผู้ป่วยที่อยู่ระหว่างการรักษา 74 ราย และถึงแม้ยอดจะไม่เพิ่มในวันนี้ แต่ด้วยสถานสการณ์ที่ไม่อาจไว้วางใจได้ จังหวัดนครพนมจึงจะยังใช้มาตรการเชิงรุกต่อไป โดยจะมีการรุกเข้าไปอีกเพื่อเป็นการป้องกันและแยกคนป่วยออกจากชุมชนให้หมดจริง รวมถึงจะมีการนำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดมาร่วมกันทบทวนเพื่อปิดช่องโหว่ หาประเด็นบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่นำมาสร้างแบบแผนแนวทางแก้ไข นอกจากนั้นก็ยังจะนำเหตุการณ์อื่นๆ ที่เกิดขึ้นตามสถานที่ต่างๆ ที่ยังไม่เกิดในจังหวัดนครพนมมาเป็นต้นแบบวิเคราะห์และวางแผนหาแนวทางรองรับสถานการณ์หากเกิดในพื้นที่จริง

สำหรับการปฏิบัติหน้าที่ปัจจุบันเจ้าหน้าที่ยังคงตามคลัสเตอร์ที่เป็นการรวมญาติที่ร้อยเอ็ดแล้วกลับมาอยู่บ้านที่อำเภอธาตุพนมอยู่ เพราะพบว่าในไทม์ไลน์มีการไปร่วมงานแต่งงานและคนที่อำเภอเรณูไปร่วมงานด้วย ซึ่งปัจจุบันเริ่มจะมีอาการและอยู่ระหว่างการรอผลตรวจยืนยัน อย่างไรก็ดีอยากให้เคสนี้เป็นอุทาหรณ์ที่ให้ทุกคนได้ตระหนักและอย่าได้พาตัวเองไปยังจุดเสี่ยงโดยไม่จำเป็นเพราะปัจจุบันเคสนี้ติดไป 7 รายแล้ว

ในส่วนของการลงทะเบียนหมอพร้อมที่เปิดให้บริการจองการฉีดวัคซีนเข็มแรก ที่จะมีการฉีดในวันที่ 7 มิถุนายน 2564 เป็นต้นไป โดยตั้งแต่เมื่อวานจนถึงเวลา 9.00 น. ของวันนี้ มีกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป และประชาชน 18 - 59 ปี ที่ป่วยเป็น 7 โรคเรื้อรังลงทะเบียนมาแล้ว 105 ราย ซึ่งจากการลงทะเบียนพบว่าการลงผ่าน application จะมีความยากพอสมควร เพราะมีการกรอกข้อมูลรายละเอียดมากทำให้ประชาชนอาจจะลงได้ไม่ครบถ้วน เมื่อระบบประมวลผลอาจจะไม่พบข้อมูลของผู้ลงทะเบียน ส่วนการลงทะเบียนผ่านทางระบบ LINE จะสะดวกมากกว่า โดยในการลงทะเบียนจะให้ผู้ลงทะเบียนนัดวันเวลาที่สะดวกเข้ารับวัคซีนด้วยตนเอง โดยแต่ละโรงพยาบาลจะมีการกำหนดไว้แล้วว่าสามารถฉีดได้วันละเท่าไหร่ช่วงเวลาไหน ซึ่งโรงพยาบาลขนาดใหญ่จะตั้งเป้า ไว้ที่วันละประมาณ 600 คน ส่วนโรงพยาบาลชุมชนจะฉีดได้วันละ 300 คน ไม่เว้นหยุดเสาร์อาทิตย์และช่วงพักเที่ยง เพราะจะต้องมีการสลับสับเปลี่ยนหน้าที่ของบุคลากร และเบื้องต้นจะยังไม่มีการฉีดวัคซีนในส่วนของ รพ. สต. เนื่องจากการฉีดวัคซีนมีระบบที่ต้องดูแลหลังการฉีดเพื่อเฝ้าระวังอาการอย่างใกล้ชิดอย่างน้อย 30 นาที