“ผบช.สตม.” แถลง “สืบ ตม.1” บุกรวบหนุ่มแขกขาวหนีเข้าเมืองซุกคอนโดกลางกรุงย่านสุขุมวิท ขยายผลจับกุมเพื่อนร่วมแก๊งพบโอเวอร์สเตย์ 7 ปีกว่า ปูมหลังพัวพันอาชญากรรมเพียบ
4 พฤษภาคม 2564 สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. , พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง , พล.ต.ต.ศิลปคมณ์ เอี่ยมวงศ์ รอง ผบช.สตม. , พล.ต.ต.ปิติ นิธินนทเศรษฐ์ ผบก.ตม.1 , พ.ต.อ.ยศเอก รักษาสุวรรณ รอง ผบก.ตม.1 และ พ.ต.อ.กีรติศักดิ์ ก้องเกียรติศิริ ผกก.สส.บก.ตม.1 ร่วมแถลงข่าวการจับกุมคนร้ายชาวต่างชาติ
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.ตม.1 รับทราบข้อมูลจากสายลับว่ามีชายต่างชาติลักษณะเป็นชาวตะวันออกกลาง ผิวขาว รูปร่างผอมสูง เข้ามาพักอาศัยอยู่ในคอนโดมิเนียมมีชื่อแห่งหนึ่ง ในย่านนานา กรุงเทพมหานคร โดยมีพฤติการณ์หลบซ่อนและระมัดระวังตัวเป็นที่น่าสงสัย เชื่อว่าน่าจะได้เข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือกระทำการอื่นใดที่ขัดต่อกฎหมาย เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้เดินทางไปตรวจสอบยังคอนโดมิเนียมดังกล่าว และกระจายกำลังดักซุ่มรอ
จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมพบชายชาวต่างชาติ มีตำหนิรูปพรรณตรงตามที่สายลับให้ข้อมูลไว้ ปรากฏตัวชั้นล่างของอาคาร จึงได้เข้าแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ขอตรวจสอบเอกสารประจำตัวหรือหนังสือเดินทาง แต่ผู้ถูกจับไม่สามารถนำหนังสือเดินทางหรือเอกสารอื่นใดมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ โดยอ้างว่าได้ทำหายไป เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเชิญตัวมาตรวจพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลผ่านระบบไบโอเมตริกซ์ จึงพบว่าชายคนดังกล่าวคือนาย MUHAMMAD อายุ 28 ปี สัญชาติซีเรียไม่ปรากฏข้อมูลการเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรผ่านช่องทางด่านตรวจคนเข้าเมืองแต่อย่างใด
นอกจากนี้ตรวจสอบข้อมูลย้อนหลังไปเป็นเวลากว่า 2 ปี พบว่านาย MUHAMMAD มีพฤติการณ์ เป็นธุระจัดหาหญิงไปเพื่อการอนาจาร เคยถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจับกุมครั้งหนึ่งแล้ว เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2562 ฐานเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย
ในส่วนของผลการสืบสวนขยายผลจากคำให้การของนาย MUHAMMAD ถึงขั้นตอนลักลอบกลับมาในประเทศไทยในครั้งนี้ ได้ข้อมูลว่า ระหว่างที่นาย MUHAMMAD อยู่ในขั้นตอนรอการดำเนินการส่งกลับไปยังประเทศต้นทาง เมื่อปี 62 นั้น ภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมายของนาย MUHAMMAD ซึ่งเป็นพลเมืองอุซเบกิสถาน ได้ยื่นคำร้องต่อสถานทูตอุซเบกิสถาน เพื่อให้ดำเนินการรับนาย MUHAMMAD กลับไปยังประเทศอุซเบกิสถานแทนประเทศซีเรีย เนื่องจากประเทศซีเรียอยู่ในภาวะสงคราม
หลังจากที่นาย MUHAMMAD ถูกส่งตัวกลับไปที่ประเทศอุซเบกิสถานแล้วไม่นาน นาย MUHAMMAD ได้เลิกรากับภรรยาคนดังกล่าว และซื้อตั๋วเครื่องบินเดินทางมาที่ประเทศกัมพูชา จากนั้นได้ทิ้งหนังสือเดินทาง แล้วอาศัยช่องทางธรรมชาติลักลอบหลบหนีมาในประเทศไทยอีกครั้ง โดยในครั้งนั้นนาย MUHAMMAD อ้างว่าได้เสียค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนเงินประมาณ 100,000 บาท ให้กับนายหน้าคนกลางที่ประเทศกัมพูชาในการพาเข้ามาในประเทศไทย
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้พยายามสืบสวนขยายผลเพิ่มเติม ถึงบุคคลที่น่าจะเป็นผู้ให้ความช่วยเหลือในการพำนักอยู่ในประเทศไทยของนาย MUHAMMAD จนได้ข้อมูลเพิ่มเติมว่านาย MUHAMMAD มีชาวต่างชาติกลุ่มหนึ่งคอยให้การช่วยเหลือ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงรวบรวมตำหนิรูปพรรณ และข้อมูลที่อยู่อาศัยของชาวต่างชาติกลุ่มนี้เพื่อเตรียมการขยายผลจับกุม ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาให้นาย MUHAMMAD ทราบว่า “เป็นบุคคลต่างด้าว เดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” ส่งพนักงานสอบสวน สน.ลุมพินีดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมเดียวกันนี้จึงได้ไปดักเฝ้ารอกลุ่มเป้าหมายตามคำบอกเล่าของนาย MUHAMMAD ที่คอนโดมิเนียมอีกแห่งหนึ่งในละแวกเดียวกัน จนพบชายหญิงชาวต่างชาติ 2 ราย มีตำหนิรูปพรรณตรงตามคำให้การของนาย MUHAMMAD กำลังขับขี่จักรยานยนต์ซ้อนท้ายกันออกจากคอนโดมิเนียมที่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้นำกำลังไปวางรอไว้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแสดงตัวขอตรวจสอบหนังสือเดินทาง
ผลการตรวจสอบพบว่าชาวต่างชาติทั้งสองคือ นาย SAEED อายุ 32 ปี สัญชาติซีเรีย และนางสาว HOUDA อายุ 23 ปี สัญชาติโมร็อคโค โดย นาย SAEED พบอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด (2,612 วัน) และมีประวัติก่อคดีชิงทรัพย์อยู่ในระหว่างปล่อยตัวชั่วคราวภายใต้คำสั่งศาลอาญากรุงเทพใต้ ส่วนนางสาว HOUDA พบอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุดเช่นกัน (750 วัน) ในเบื้องต้นทั้งสองอ้างว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับนาย MUHAMMAD เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงแจ้งข้อกล่าวหาให้ทั้งผู้ต้องหาทั้งสองทราบว่า “เป็นบุคคลต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด” นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป
ด้าน พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม./โฆษก สตม. , พ.ต.อ.ภัคพงศ์ สายอุบล รอง ผบก.ตม.1/รองโฆษก สตม. ร่วมกันเปิดเผยว่า การดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด
ทั้งนี้ สตม. จึงขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดต่างๆ รวมทั้งการดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนหรือ ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ หากประชาชนท่านใดพบเบาะแสในการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี