'อำเภอนาแก' จังหวัดนครพนม เสียความบริสุทธิ์โควิดเจาะไข่แดงติดเชื้อ 2 รายโชคดีฉีดวัคซีนเข็มแรกจึงรอดวิกฤต คลัสเตอร์รถตู้เที่ยวระทึกพบเพิ่มอีก 1
วันที่ 13 พ.ค.64 เมื่อเวลา 12.00 น. ที่ห้องประชุมพระธาตุพนม ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดนครพนม นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ประธานคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อฯ พร้อมด้วย นพ.มานพ ฉลาดธัญญกิจ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครพนม แถลงข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (covid-19) ซึ่งมีรายงานประจำวันว่าพบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อเพิ่ม 3 ราย รวมยอดสะสม 127 ราย รักษาหายแล้ว 96 ราย กำลังรักษาอยู่โรนงพยาบาล 29 ราย เสียชีวิต 2 ราย
ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า ผู้ติดเชื้อทั้ง 3 รายล้วนเดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง วันนี้ไม่มีศึกในแล้วมีแต่ศึกนอกคือผู้มาจากพื้นที่เสี่ยง แต่จะไปห้ามไม่ให้เขากลับบ้านก็ไม่ได้ โดยเฉพาะพี่น้องประชาชนคนนครพนม แต่เมื่อเข้ามาแล้วต้องไปรายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่สาธารณสุข เพราะเชื้อไวรัสตัวนี้ดุมากติดเร็ว และส่วนใหญ่ที่พบจะเป็นการติดเชื้อภายในบ้าน จึงให้นายอำเภอแต่ละอำเภอดูรีสอร์ท หรือโรงแรม เป็นสถานที่กักตัวก่อนเข้าบ้าน
นพ.มานพ กล่าวยืนยันว่าไม่มีผู้ติดเชื้อภายในแล้ว ขณะที่มีผู้เดินทางจากพื้นที่เสี่ยงเยอะมาก ส่วนใหญ่มีอาการมาก่อนแต่ไม่ยอมไปพบหมอ แต่ใช้วิธีเดินทางกลับบ้าน จึงได้ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อฯ ว่า จะปรับเปลี่ยนรูปแบบ โดยจะไม่ให้เข้าพื้นที่ทันที ต้องได้รับการตรวจค้นหาเชื้อก่อนทุกรายไป
นพ.มานพ กล่าวต่อว่า ในจำนวน 3 รายที่พบล่าสุดนี้ เป็นคลัสเตอร์รถตู้โดยสารที่รับผู้โดยสารมาจากพื้นที่เสี่ยงทั้งสิ้น คือ กทม. สมุทรปราการ ระยอง นนทบุรี และ ปทุมธานีจำนวน 15 ราย ซึ่งตรวจพบไปแล้ว 1 รายเป็นชายอายุ 21 ปีชาวอำเภอศรีสงคราม (ผู้ป่วยราย 124) และเมื่อนำตัวผู้โดยสารตรวจคัดกรองเชิงรุกอย่างละเอียด จึงพบว่าชายอายุ 22 ปีชาวอำเภอศรีสงคราม และเป็นเพื่อนกับผู้ป่วยที่พบก่อนหน้านี้ โดยทั้งคู่ทำงานในสถานที่เดียวกันในจังหวัดนนทบุรี หลังมีอาการก็ชักชวนกันกลับภูมิลำเนา โดยทั้งสองนั่งอยู่เบาะหลังสุด เมื่อเดินทางถึงบ้านก็ไปกักตัวเองที่เถียงนา กระทั่งมีเจ้าหน้าที่เข้ามาเก็บตัวอย่างส่งตรวจ RT PCR พร้อมเข้ารับการรักษาที่ รพ.ศรีสงคราม ผลตรวจพบเชื้อโควิด ซึ่ง สสจ.นครพนม กล่าวเพิ่มเติมว่าผู้โดยสารในรถตู้คันดังกล่าวที่เหลือ 13 คน มีโอกาสติดเชื้อเกือบทั้งคัน
ส่วนอีก 2 รายเป็นคู่สามีภรรยา (รายที่ 126-127) ประกอบอาชีพขายอาหารตามสั่งที่แฟลตเคหะบ่อนไก่ เขตปทุมวัน กทม.ซึ่งเป็นชุมชนแออัดใกล้กับชุมชนคลองเตย ระหว่างวันที่ 1-7 พฤษภาคมทั้งคู่มีอาการไข้จึงตรวจค้นหาเบื้องต้นไม่พบเชื้อ แต่วันที่ 8 พฤษภาคมได้เข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 ตามประกาศของรัฐบาล จากนั้นก็เดินทางกลับบ้านที่อำเภอนาแก ด้วยรถยนต์ส่วนตัวพร้อมครอบครัว 4 คน มีผู้นำชุมชน ร่วมกับ อสม.ออกติดตามให้คำแนะนำให้สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้นำทั้ง 4 คน เข้ารับการตรวจ Rapid test ที่โรงพยาบาลนาแก พบว่าภรรยาผลตรวจ Positive รักษาที่ห้องแยกโรค จึงเก็บตัวอย่างตรวจหาเชื้อโควิด ด้วยวิธี RT PCR ผลตรวจพบติดเชื้อ และสามีก็ตรวจติดเชื้อเพิ่มอีก 1 คน รวมเป็น 2 คน
สำหรับใน 2 รายคู่ผัวเมียนี้ นพ.มานพ กล่าวว่าทั้งสองมีความโชคดีอยู่มาก เพราะได้รับวัคซีนเข็มแรกเข้าไปสร้างภูมิต้านทาน แม้ทั้งสองมีการตรวจพบเชื้อในร่างกาย แต่ไม่มีอาการใดๆโดยรวมเหมือนคนปกติทั่วไป แต่อีกสองคนที่นั่งรถมาด้วยกันคือป้ากับหลานชาย ไม่มีประวัติว่าได้รับการฉีดวัคซีน จึงรอตรวจหาเชื้อครั้งที่ 2 อีกรอบ
ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ได้กล่าวถึงประเด็นการฉีดวัคซีนว่า เดิมคนไทยมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน มีอะไรก็จะช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ปัจจุบันมีการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย ทำให้ความรู้ความเข้าใจของประชาชน เกิดความเข้าใจไม่ถูกต้องในเรื่องของวัคซีน ทำให้แพทย์ พยาบาลทำงานหนักขึ้น จึงต้องลงพื้นที่เคาะประตูบ้าน ทำความเข้าใจให้ประชาชนทราบถึงผลกระทบการฉีดวัคซีนเป็นอย่างไร แต่ว่าหลังฉีดแล้วไม่ได้หมายความว่าจะไม่ติดเชื้ออีก แต่ยืนยันว่าถ้าติดเชื้อก็จะไม่เสียชีวิตแน่นอน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี