เมื่อวันที่ 27มิถุนายน นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวว่า วันที่ 28มิถุนายนนี้ ดีเอสไอจะเสนอต่อที่ประชุมร่วม 7 หน่วยงาน ให้ออกมาตรการดำเนินคดีหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากรกับผู้ครอบครองรถ ที่มีพฤติการณ์นำรถยนต์จดประกอบไปเปลี่ยนอุปกรณ์สำคัญบางชิ้นเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ว่า เป็นรถจดประกอบจริง ไม่ได้นำเข้าทั้งคัน ซึ่งผู้ถือครองที่นำรถไปดัดแปลงสภาพจะมีโทษหลีกเลี่ยงภาษี เท่ากับผู้ประกอบการที่เป็นตัวการในการหลีกเลี่ยงภาษีนำเข้ารถยนต์ จึงขอเตือนไปยังผู้ครอบครอบรถยนต์ว่า ดีเอสไอพยายามดูแลผู้ครองครองรถ ซึ่งสันนิษฐานว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ ถูกผู้ประกอบการหลอกลวง แต่ถ้าผู้ครอบครองไปหลงเชื่อผู้อื่นนำรถไปดัดแปลงสภาพ ข้อสันนิษฐานว่า เป็นผู้บริสุทธิ์จะตกไปและจะถูกดำเนินคดีฐานหลบเลี่ยงภาษี

นายธาริต กล่าวอีกว่า อยากขอให้ผู้ครอบครองนำรถนำรถเข้ามารับการตรวจสภาพและเอกสารการนำเข้าการจัดซื้อมามอบให้เจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบด้วย ซึ่งขณะนี้ทั้ง 7หน่วยอยู่ระหว่างการพิจารณาเพื่อหาแนวทางคลี่คลายความเดือดร้อนของผู้ครอบครองรถ โดยผู้ครอบครองจะต้องชำระภาษีในส่วนที่ขาดไปและนำคดีไปฟ้องไล่เบี้ยเอากับผู้ขาย ส่วนผู้ครอบครองรถที่หลบเลี่ยงภาษี ไม่แสดงตนนำรถเข้าตรวจสอบ สำหรับรถยนต์จดประกอบอีกกว่า 6,000คัน ที่ยังไม่นำรถยนต์เข้ามาให้ดีเอสไอตรวจสอบ หลังจากนี้ดีเอสไอคงไม่ไปติดตามจับกุม หรือยึดรถยนต์เป็นรายคัน แต่จะประสานให้กรมการขนส่งทางบก (ขส.ทบ.) ไม่อนุญาตให้ต่อทะเบียนประจำปี ซึ่งจะส่งผลให้รถจดประกอบหลีกเลี่ยงภาษีกลายเป็นรถผิดกฎหมาย หรือรถเถื่อน ไม่สามารถนำมาใช้บนท้องถนนได้ รวมทั้งไม่สามารถโอนขายรถยนต์ได้

ด้าน พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร ผู้บัญชาการสำนักปฏิบัติการคดีพิเศษภาค กล่าวว่า วันที่28มิถุนายนนี้ เวลา 13.00น.พนักงานสอบสวนนัด นายนฤนาท และนายธนันท์ ควรสวัสดิ์ 2 เสี่ยผู้ต้องหาคดีรถหรุถูกเพลิงไหม้ในท้องที่ สภ.กลางดง จ.นครราชสีมา เข้าให้ปากคำ โดยพนักงานสอบสวนจะสอบสวนขยายผลถึงความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับ นายธนธัส ขุนนุช ผู้ประกอบการร้านแอล ออโต้ ที่ครอบครองรถยนต์หรู 28คัน ซึ่งเกี่ยวข้องกับขบวนการปลอมแปลงหมายเลขเครื่อง นำไปยื่นจดทะเบียน รวมถึงผู้มีชื่อครอบครองรถหรูจำนวนมาก อาทิ นายพันธุ์วศิน วิไลแก้ว ซึ่งมีชื่อครอบครองรถหรูถึง 76คันและมีชื่อนำเข้ารถยนต์เบนลี่ที่ สน.บางกอกใหญ่ ตรวจยึดและส่งให้ดีเอสไอขยายผล ทั้งนี้ หากพนักงานสอบสวนมีพยานหลักฐานเพียงพอจะเร่งขออนุมัติหมายจับ เนื่องจากเป็นกลุ่มบุคคลที่มีพฤติการณ์นำเข้ารถหรูเลี่ยงภาษีรายใหญ่

ส่วนความคืบหน้าการตรวจสภาพรถหรูวันที่4  มีรถหรูจดประกอบเข้าตรวจสภาพ 8คัน  โดยสั่งยึดไว้ 1คันและปล่อยไป 7คัน ดีเอสไอสรุปผลตรวจสอบดังนี้ 1.รถเมอร์เซเดส-เบนซ์ ทะเบียน กต4580สระบุรี ของ นายณัฐพนธ์ แสงดีจริง มีเลขเครื่อง เลขเกียร์และเลขตัวถัง ตรงกับชิ้นส่วนที่ถูกติดตั้งมาจากโรงงานผลิต จึงสันนิษฐานว่าผู้ประกอบการอาจนำเข้ามาทั้งค้นแต่สำแดงว่านำเข้าชิ้นส่วนมาประกอบในประเทศ 2.รถพอร์ช ทะเบียน กย6725นนทบุรี ของ นายธรรมนูญ พรโรจนากูร มีเลขเครื่องยนต์ไม่ตรงกับที่ติดตั้งจากโรงงานผลิต 3.รถเมอร์เซเดส-เบนซ์ ทะเบียน กต4872สระบุรี ของ นายพิชัย อิศรัตน์ มีเลขเกียร์และเลขเครื่องไม่ตรงกับที่ติดตั้งจากโรงงานผลิต 4.รถเมอร์เซเดส-เบนซ์ ทะเบียน กท7253อยุธยา ของ นายพงษ์ภูวสิษฐ์ ศรีดาวเรือน มีเลขเกียร์และเลขเครื่องไม่ตรงกับที่ติดตั้งจากโรงงานผลิต 5.รถเมอร์เซเดส-เบนซ์ ทะเบียน  กท3751อยุธยา ของนายสุรินทร์ ลิ้มตระกูล มีเลขเกียร์และเลขเครื่องไม่ตรงกับที่ติดตั้งจากโรงงานผลิต 6.รถพอร์ช ทะเบียน กย2832นนทบุรี ของ นายสงวน คุรุเจริญพร มีเลขเกียร์และเลขเครื่องไม่ตรงกับที่ติดตั้งจากโรงงานผลิต 7.รถเมอร์เซเดส-เบนซ์ ทะเบียน กย1516นนทบุรี ของ น.ส.นันทพร พึ่งประยูร มีเลขเครื่องไม่ตรงกับที่ติดตั้งจากโรงงานผลิตและ8.รถเมอร์เซเดส-เบนซ์ ทะเบียน กย5981นนทบุรีของ น.ส.ริญรภัสร์ สุริยวสุรัฐกุล มีเลขเครื่องไม่ตรงกับที่ติดตั้งจากโรงงานผลิต