เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ในการประชุมคณะรัฐมนตรี สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ได้รายงานผลการบริการจัดการทรัพยากรน้ำของรัฐบาล โดยการขับเคลื่อนของคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ(กนช.) ภายใต้แผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี (พ.ศ. 2561-2580)
กนช.ชุดปัจจุบันมีรัฐมนตรีหลายท่านและผู้บริหารจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจำนวน 15 หน่วยงาน 9 กระทรวง ร่วมเป็นกรรมการ โดยมี “บิ๊กป้อม” พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานใครบอกว่า “บิ๊กป้อม” ไม่รู้ๆๆๆๆ ไม่น่าจะเป็นความจริง
โดยเฉพาะในเรื่องการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ พลเอกประวิตร ได้ให้ความสำคัญมากเป็นพิเศษ ล่าสุดได้สั่งเร่งรัดให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินงานให้เป็นไปตามเป้าหมายของแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี ที่กำหนดไว้ว่า “ทุกหมู่บ้านมีน้ำสะอาดเพื่อการอุปโภคบริโภค น้ำเพื่อการผลิตมั่นคง ความเสียหายจากอุทกภัยลดลง คุณภาพน้ำอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน และบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน ภายใต้การพัฒนาอย่างสมดุล โดยการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน”
ต้องยอมรับว่า ตั้งแต่มีการตั้ง สทนช. ขึ้นมา ทำให้การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศขับเคลื่อนได้อย่างเป็นระบบ และมีประสิทธิภาพมากขึ้นเกิดการบูรณาการทำงานร่วมกันของทุกหน่วยงาน ทั้งในส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และท้องถิ่น สามารถลดความซ้ำซ้อนของแผนงาน/โครงการที่ผ่านการพิจารณาตามกลไกของคณะกรรมการทรัพยากรน้ำจังหวัดและคณะกรรมการลุ่มน้ำ สะท้อนการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน สามารถแก้ไขปัญหาด้านน้ำได้อย่างตรงจุดและสอดคล้องกับความต้องการของประชาชนตามบริบทของลุ่มน้ำนั้นๆ ได้อย่างแท้จริง
ผลงานเป็นหลักฐานการยืนยันการทำงาน!!!
ดร.สมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการ สทนช. เปิดเผยว่า ตั้งแต่เริ่มใช้แผนแม่บทฯน้ำ 20 ปี ตั้งแต่ปี 2561 จนถึงปัจจุบันได้ดำเนินโครงการต่างๆกว่า 125,000 โครงการ มีแหล่งเก็บกักน้ำได้เพิ่มขึ้น 1,138 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ประชาชนได้รับประโยชน์กว่า 2.27 ล้านครัวเรือน ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 2.38 ล้านไร่ รวมทั้งยังเพิ่มประสิทธิภาพระบบประปาหมู่บ้านได้อีก 3,214 หมู่บ้าน พัฒนาน้ำบาดาลเพื่อการเกษตรและสร้างธนาคารน้ำใต้ดินได้ปริมาณน้ำมากกว่า 100 ล้าน ลบ.ม. ตลอดจนยังได้ดำเนินการรักษาระบบนิเวศฟื้นฟูป่าต้นน้ำ จำนวน 135,170 ไร่ และดำเนินโครงการเกี่ยวกับการจัดการน้ำท่วมรวมกว่า 226 แห่ง
นอกจากนี้ภายในปี 2566 ยังจะขับเคลื่อนโครงการสำคัญอีกจำนวน 526 โครงการแล้วเสร็จจะสามารถเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนได้ 3,172 ล้าน ลบ.ม. พื้นที่รับประโยชน์เพิ่ม 6.5 ล้านไร่ และผันน้ำได้ปริมาณน้ำเพิ่ม 3,841 ล้าน ลบ.ม. รวมทั้งการป้องกันน้ำท่วมในพื้นที่ได้เพิ่ม 4.3 ล้านไร่ และพัฒนาพื้นที่ลุ่มต่ำชะลอน้ำหลากได้อีกถึง 2,320 ล้าน ลบ.ม.
การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำที่ประสบผลสำเร็จอีกเรื่องก็คือ การบริหารจัดการน้ำท่วม-น้ำแล้งของกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ(กอนช.) ซึ่งมี รองนายกฯประวิตร เป็นผู้อำนวยการ กอนช. ในฤดูแล้งปี 2562/63 ที่ผ่านมา ไม่มีการประกาศภัยแล้งเลย ทั้งๆที่ปริมาณน้ำต้นทุนมีจำนวนจำกัด ในขณะที่ช่วงฤดูฝนเกิดความเสียหาย
จากภาวะน้ำท่วมน้อยมาก ปี 2562 มีความเสียหายแค่ 94 ล้านบาท ต่ำสุดหลังเกิดภาวะน้ำท่วมในปี 2544 และในปี 2563 มูลค่าความเสียหายเพียง 223 ล้านบาท ต่ำสุดเป็นลำดับที่ 3 ในรอบ 9 ปี
สทนช. นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้พลเอกประวิตร ดูแลรับผิดชอบโดยตรง และยังเป็นประธาน กนช.รวมทั้งยังนั่ง เป็น ผอ.กอนช.อีก
ไม่ได้เชียร์จนเกินจริงนะครับ แต่การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศที่ประสบผลสำเร็จ มีประสิทธิ ภาพมากขึ้นในขณะนี้ “รองนายกฯประวิตร” มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อน....
รัฐศักดิ์ พลสิงห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี