กรมฝนหลวงฯ พร้อมช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ไม่มีวันหยุด เชิญชวน ติดตามสถานการณ์ผ่านไลฟ์สดทาง Facebook กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ได้ทุกวัน เพื่อเตรียมการรับมือได้ทันท่วงที
แม้ว่าในขณะนี้จะเริ่มเข้าสู่ฤดูฝนแล้ว แต่บางพื้นที่ยังพบฝนทิ้งช่วง กรมฝนหลวงและการบินเกษตรจึงยังต้องมีการปฏิบัติการฝนหลวงอย่างต่อเนื่องไม่มีวันหยุด เพื่อช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนและเกษตรกร พร้อมเชิญชวนให้ติดตามสถานการณ์สภาพอากาศผ่านไลฟ์สดทาง Facebook กรมฝนหลวงและการบินเกษตรได้ทุกวัน เพื่อจะได้เตรียมการรับมือได้ทันท่วงที
นายสุรสีห์ กิตติมณฑล อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร เปิดเผยว่า ประเทศไทยมีพื้นที่ทำการเกษตรทั้งหมด 149 ล้านไร่โดยเป็นพื้นที่เกษตรอาศัยน้ำฝนกว่า 110 ล้านไร่ และเป็นพื้นที่การเกษตรในเขตชลประทาน จำนวน 30 กว่าล้านไร่ ซึ่งแม้ว่าขณะนี้ กรมอุตุนิยมวิทยาได้ประกาศเข้าสู่ฤดูฝนมาตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคมที่ผ่านมา แต่ก็ยังถือว่าเข้าสู่ฤดูฝนไม่เต็มที่ บางพื้นที่อาจมีลักษณะฝนทิ้งช่วง ยังคงมีฝนตกเป็นบางแห่ง และตกไม่กระจายตัวในทุกพื้นที่ ในขณะที่หลายๆ พื้นที่ของประเทศ โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือ ยังคงมีความต้องการน้ำเพื่อการเกษตร กรมฝนหลวงและการบินเกษตรจึงต้องเตรียมการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนและเกษตรกรอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในพื้นที่เกษตรที่ต้องอาศัยน้ำฝน จะต้องปฏิบัติการฝนหลวงเพื่อเติมเต็มให้กับพี่น้องเกษตรกรบรรเทาความเสียหายในการทำเกษตร โดยใช้ข้อมูลจากฐานข้อมูลของกรมฝนหลวงและข้อมูลที่ได้รับจากอาสาสมัครฝนหลวงในพื้นที่ มาวางแผนจัดลำดับความสำคัญในการให้ความช่วยเหลือ ซึ่งกรมฝนหลวงและการบินเกษตรได้บูรณาการ การทำงานร่วมกับกองทัพอากาศและกองทัพบก เปิดหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงมาตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564
ในขณะเดียวกัน เรื่องของการบริหารแหล่งน้ำต้นทุน ก็ได้ประสานงานใกล้ชิดกับกรมชลประทานและสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เพราะเป็นหน่วยงานหลัก ที่มีข้อมูลเรื่องของแหล่งน้ำต้นทุน ทั้งแหล่งน้ำขนาดใหญ่ ขนาดกลาง หากมีปริมาณน้ำใช้การน้อยกว่า 30% กรมฝนหลวงฯ ก็จะต้องวางแผนปฏิบัติการฝนหลวงเพื่อเติมน้ำให้กับพื้นที่ลุ่มรับน้ำเหล่านั้นต่อไป ซึ่งในปี 2564 พบว่าแหล่งน้ำหลายแห่งมีปริมาณน้ำน้อยกว่า 30% บ้างเป็นแหล่งน้ำขนาดใหญ่อยู่ 21 แห่ง แต่หลังจากกรมฝนหลวงฯ ได้ปฏิบัติการฝนหลวงส่งผลให้ขณะนี้ลดลงเหลือ 20 แห่ง แหล่งน้ำขนาดกลาง จากเคยขาดน้ำ 200 กว่าแห่ง ขณะนี้ลดลงเหลือ 100 กว่าแห่ง อีกทั้งในช่วงที่ผ่านมาเป็นรอยต่อของช่วงฤดูร้อนจะเข้าสู่ฤดูฝน ซึ่งมีโอกาสที่จะเกิดพายุฤดูร้อน ฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงค่อนข้างมาก กรมฝนหลวงและการบินเกษตรก็ได้ร่วมกับกองทัพอากาศในการที่จะช่วยบรรเทาและยับยั้งในเรื่องของปัญหาลูกเห็บด้วย
อย่างไรก็ดี เพื่อเป็นการเตือนภัยและสร้างการรับรู้ข่าวสารให้กับเกษตรกรและประชาชนทั่วไป กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ได้นำฐานข้อมูลที่มีทั้งหมด มาถ่ายทอดผ่านการไลฟ์สด ทาง Facebook กรมฝนหลวงและการบินเกษตร เป็นประจำทุกวัน ซึ่งหากเกษตรกรหรือประชาชนเข้ามารับชม ก็จะทราบถึงสภาพอากาศ ได้รับการอธิบายเงื่อนไขของสภาพอากาศว่าเป็นอย่างไร มีการแจ้งเตือนพื้นที่เสี่ยงโดยใช้ข้อมูลของกรมอุตุนิยมวิทยา ทั้งเรื่องฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง เพื่อจะได้เตรียมการรับมือได้อย่างทันท่วงที และหากพื้นที่ใดได้รับปัญหาก็สามารถประสานงานกับกรมฝนหลวงและการบินเกษตรได้ทันทีผ่านข้อความ โดยจะมีเจ้าหน้าที่ของกรมฝนหลวงและการบินเกษตรรับเรื่องและตอบปัญหาได้ทันที
“ผลจากการดำเนินงานมาต่อเนื่องตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ มีผลสัมฤทธิ์ถึง 90% ซึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่สูง หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา เนื่องจากสภาพอากาศค่อนข้างเอื้ออำนวยในระดับหนึ่ง แต่สิ่งที่ยังต้องให้ความสำคัญมากเป็นพิเศษคือพื้นที่ภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และตอนกลางของประเทศที่ยังประสบปัญหามีฝนน้อยกว่าที่อื่นๆ ส่วนพื้นที่ภาคใต้ที่ต้องให้ความสำคัญในช่วงเวลานี้คือพื้นที่ป่าพรุ ที่มีระดับน้ำลดลงพอสมควร ซึ่งมีโอกาสเกิดไฟไหม้ได้ อย่างไรก็ดี ต้องยอมรับว่า ในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศในปัจจุบัน ส่งผลให้การปฏิบัติการฝนหลวงทำได้ค่อนข้างยาก ดังนั้น สิ่งที่ดีที่สุดในการทำเกษตรคือการน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มาปฏิบัติ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน นั่นคือเกษตรกรจะต้องมีแหล่งน้ำสำรองในพื้นที่เกษตรของตัวเอง เพื่อจะได้สำรองน้ำไว้ใช้ในช่วงฝนทิ้งช่วงซึ่งจะช่วยบรรเทาได้ในระดับหนึ่ง ทั้งนี้ พี่น้องเกษตรกรและประชาชน สามารถขอรับบริการฝนหลวงและติดตามข้อมูลข่าวสารของกรมฝนหลวงและการบินเกษตรได้ที่ช่องทาง Facebook กรมฝนหลวงและการบินเกษตร Twitter Instagram Line OfficialAccount : @drraa_pr และหมายเลขโทรศัพท์ 0-2109-5100” อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ฝากทิ้งท้าย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี