ผบช.ภ.3 แถลงจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดรายสำคัญในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ ได้ผู้ต้องหา 21 คน โดยเฉพาะสองผัวเมีย เพิ่งพ้นโทษคดียาบ้ามาได้ไม่กี่เดือน รับจ้างขนลำเลียงยาบ้า ตามออเดอร์พ่อค้าชาวลาว ที่รู้จักกันตอนติดคุก ถูกรวบขณะกำลังวางยาบ้าให้ลูกค้าหน้าสนามบินบุรีรัมย์ ยึดยาบ้าร่วมแสนเม็ด ลุยขยายผลจับลูกค้าที่มารอรับยาบ้า พร้อมจับลูกค้าที่มารับยาบ้า จากทีมขนลำเลียงยาบ้าอีก 1 ทีม รวมจับผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 21 คน ยึดทรัพย์กว่า 2.5 ล้านบาท
วัยที่ 4 มิภุนายน 2564 เวลา 16.00 น. ที่หอประชุมชัยจินดา ตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผบช.ภ.3, พล.ต.ต.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย รอง ผบช.ภ.3 (หน.ปส), นายไชยวัมน์ จุนถิระพงศ์ รองผู้ว่าฯบุรีรัมย์ พล.ต.ต.รุทธพล เนาวรัตน์ ผบก.ภ.จว.บุรีรัมย์, พ.ต.อ.ก้องชาติ เลี้ยงสมทรัพย์ รอง ผบก.ภ.จว.บุรีรัมย์ และนายกันวลินทร์ เมืองแก้ว นายอำเภอสตึก แถลงข่าวผลงานการบูรณาการสนธิกำลังร่วมกันระหว่าง ตำรวจ ชป.ปส.ภ.จว.บุรีรัมย์ ,ตชด.215 ,ตชด.216 , สภ.เมืองบุรีรัมย์ ,สภ.คูเมือง, สภ.กระสัง, สภ.เฉลิมพระเกียรติ, เจ้าหน้าที่ส่วนปฏิบัติการข่าวและปราบปรามยาเสพติด 7 , ตำรวจ กก.สส.ภ.จว.อำนาจเจริญ ,ตำรวจ กก.3 บก.ป.ทหารสขว.กอ.กรมน., ทหารชุดปฏิบัติการข่าว ขกท.ศปก.ทบ.(มว.ขกส.2, ขกท.กกล.สุรนารี) และฝ่ายปกครอง อ.สตึก
หลังสามารถจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดรายสำคัญในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ ได้ผู้ต้องหา 21 คน ของกลางยาบ้า 87,441 เม็ด ตรวจยึดทรัพย์สินตาม พ.ร.บ.มาตรการฯ พ.ศ. 2534 รถยนต์ 4 คัน , รถจักรยานยนต์ 2 คัน และทรัพย์สินอื่นๆ รวมมูลค่าทรัพย์สินประมาณ 2,535,000 บาท
ทั้งนี้ สืบเนื่องจาก ตำรวจชุด ชป.ปส.ภ.จว.บุรีรัมย์ ได้รับการประสานข้อมูลจาก กก.สส.ภ.จว.อำนาจเจริญ ให้ข้อมูลว่า จะมีผู้ลำเลียงยาเสพติด จากแนวชายแดนนำยาบ้ามาส่งให้ลูกค้า ซึ่งอยู่ในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ พ.ต.ท.วิชาญ กระจ่างโพธิ์ รอง ผกก.ฯหัวหน้าชุด ชป.ปส.ภ.จว.บุรีรัมย์, ร.ต.อ.อลงกรณ์ ประจงเศรษฐ์, ร.ต.อ.ชัชวิน สิงหเสนี รอง สว.ฯชป.ปส., ร.ต.อ.วินัย แสงอรุณ หัวหน้าชุด ชปข.ตชด.215 และ นายพิชัย โชติเชื้อวงค์ ปลัดฝ่ายความมั่นคง อ.สตึก จึงได้บูรณาการกำลังร่วมกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง วางแผนทำการจับกุม ตามยุทธการ “พิฆาตทรชนคนค้ายาอีสานใต้” เพื่อดำเนินการกวาดล้างยาเสพติดในทุกมิติ เพื่อทำลายเครือข่ายตัดวงจรยาเสพติดทุกระดับ และสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดตามแนวชายแดน รวมถึงพื้นที่ชั้นใน รวมถึงดำเนินการปิดล้อมตรวจค้นยาเสพติด และสามารถจับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลางยาเสพติดได้ ในห้วงระหว่างวันที่ 31 พ.ค.-1 มิ.ย.64 ที่ผ่านมา
โดยสามารถจับกุมตัว นายไตรภพ หรือบอล หาญสุวรรณ อายุ 31 ปี ชาว อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ได้ในพื้นที่ อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ในข้อหาเสพยาเสพติด พร้อมรับสารภาพว่า ตนกำลังเดินทางมารอรับยาบ้า ที่จะมีผู้นำยาบ้ามาส่งให้จำนวน 5 มัด หรือประมาณ 10,000 เม็ด ที่บริเวณถนนหน้าสนามบินบุรีรัมย์ แต่ยังไม่ได้รับยาบ้ากลับมาถูกจับกุมได้เสียก่อน เจ้าหน้าที่จึงได้วางแผนดักจับกุมตามจุดต่าง ๆ ที่คาดว่าจะมีการนำยาบ้ามาวางไว้ให้ลูกค้า
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่สังเกตเห็น รถยนต์เก๋งยี่ห้อนิสสัน ทะเบียน กธ 3538 มหาสารคาม จอดอยู่บริเวณหลักกิโลเมตร และมีผู้ชายถือสิ่งของนำไปวางบริเวณหลักกิโลเมตรพอดี จากนั้นได้มีโทรศัพท์โทรติดต่อเข้ามาหานายไตรภพ พร้อมแจ้งว่าได้นำยาบ้าไปวางไว้ให้หลังหลักกิโลเมตร ริมถนนหน้าสนามบินบุรีรัมย์ ซึ่งเป็นจุดที่เจ้าหน้าที่สังเกตุเห็นพอดี เจ้าหน้าที่จึงสกัดจับรถยนต์คันดังกล่าว ได้ที่บริเวณแยกไฟแดงสนามบินบุรีรัมย์ พบเป็น 2 สามีภรรยากันคือ นายธนากร หรือตุ้ม สิงหปุรางกูร อายุ 49 ปี กับนางอรศรี หรือปุ๊ เรืองโสม อายุ 38 ปี ชาว อ.เขมราฐ จ.อุบลราชธานี พบของกลางยาบ้า 75,510 เม็ด โพยบัญชีลูกค้า และโทรศัพท์มือถือ วางซุกซ่อนอยู่ในรถคันดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงตรวจยึดไว้เป็นหลักฐาน และได้ทำการขยายผล เพื่อจับกุมลูกค้าที่ได้ติดต่อซื้อยาบ้า และจะมารอรับยาบ้าตามโพยบัญชีลูกค้าที่ตรวจพบ ซึ่งเป็นการจับกุมตามการส่งมอบภายใต้การควบคุมของเจ้าหน้าที่ CD ได้จำนวน 14 คน เป็นลูกค้าที่อยู่ในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ และ จ.สุรินทร์
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังสามารถจับกุมผู้ค้ายาเสพติดได้อีก 1 เครือข่าย จำนวน 4 คน โดยทั้งหมดเป็นลูกค้าชาว จ.บุรีรัมย์ ที่เดินทางมารับยาบ้า จากนักค้าที่ขนลำเลียงยาบ้ามาวางไว้ให้ลูกค้าตามจุดต่างๆ ก่อนหน้าที่ชุดจับกุมจะจับกุมสองผัวเมีย ที่เป็นผู้ขนลำเลียงยาบ้ามาให้กับลูกค้าอีก 1 เครือข่าย ร่วม 10,000 เม็ด จึงควบคุมตัวแยกไว้ดำเนินคดีตามกฎหมาย
นายธนากร หรือตุ้ม ให้การยอมรับสารภาพว่า ตนกับภรรยาเพิ่งพ้นโทษในคดียาเสพติด โดยตนพ้นโทษมาได้ 7 เดือน ส่วนเมียเพิ่งพ้นโทษออกมาได้ 5 เดือน และได้ติดต่อกับเพื่อนชาวลาวที่รู้จักกัน ตอนติดคุกในคดียาเสพติดด้วยกัน โดยเพื่อนชาวลาวพ้นโทษออกมาก่อนตนหลายปีแล้ว พอตนกับเมียพ้นโทษออกมา เพื่อนชาวลาวได้ติดต่อให้ตนขนยาบ้าไปส่งให้ลูกค้า ที่ได้ติดต่อซื้อขายไว้แล้วกับเพื่อนชาวลาว โดยตนกับเมียทำมาแล้วประมาณ 10 ครั้งๆ ละหลายสิบมัด ส่วนค่าจ้างรับเป็นค่าจ้างเหมาครั้งละ 50,000 บาท และครั้งนี้รับยาบ้ามาจำนวน 87 มัด ได้ทยอยนำส่งให้ลูกค้าตามโพยบัญชีรายชื่อ ในพื้นที่ จ. มหาสารคาม จ.กาฬสินธุ์ จ.ขอนแก่น ที่เหลือประมาณ 41 มัด หรือประมาณ 82,000 เม็ด มาส่งให้ลูกค้าในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ โดยตนกำลังวางยาบ้าให้ลูกค้าชาวบุรีรัมย์ ที่บริเวณริมถนหน้าสนามบินบุรีรัมย์ อ.สตึกได้เพียง 2 จุด ก็มีเจ้าหน้าที่เข้ามาทำการจับกุมตนกับเมีย พบยาบ้าส่วนที่เหลือ และโพยบัญชีรายชื่อ และได้ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ เพื่อจับกุมลูกค้าที่จะมารับยาบ้าในส่วนที่เหลือ และสามารถจับกุมได้ดังกล่าว
พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 กล่าวว่า ตำรวจภูธรภาค 3 ได้กำชับให้ทุกจังหวัดในพื้นที่รับผิดชอบดำเนินการกวาดล้างจับกุมแก๊งค้ายาเสพติด ซึ่งถือเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลที่ต้องการให้กวาดล้างปราบปรามผู้ค้ายาเสพติดอย่างเข้มข้นในทุกมิติ ซึ่งตำรวจภูธรภาค 3 ก็ได้ดำเนินการตามยุทธการ “พิฆาตทรชนคนค้ายาอีสานใต้” โดยการบูรณาการหลายภาคส่วน โดยเน้นการตรวจตราและจับกุมตามตะเข็บชายแดน แต่เนื่องจากตามแนวชายแดนมีช่องทางธรรมชาติเยอะ จึงมีการลักลอบขนยาเสพติดเล็ดลอดเข้ามาตามช่องทางต่างๆ ได้ ดังนั้น ทุกพื้นที่จึงได้สนธิกำลังตรวจตราจับกุมและบังคับใช้กฎหมายกับกลุ่มขบวนการค้ายาเสพติดในทุกมิติ
ซึ่ง จ.บุรีรัมย์ ก็สามารถจับกุมเครือข่ายค้ายาเสพติดรายสำคัญได้ถึง 9 เครือข่าย มากที่สุดในภาคอีสานตอนล่าง ถึงแม้จำนวนยาเสพติดของกลางอาจจะไม่มากเหมือนภาคอื่น แต่ก็ถือว่าสามารถตัดวงจรของขบวนการค้ายาเสพติด ที่เป็นภัยต่อสังคมและประเทศชาติได้ค่อนข้างมาก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี