ศาลอาญามีนบุรีสั่งจำคุกเจ้าแม่ใบ้หวย'เเม่น้ำหนึ่ง'เป็นเวลา 3 ปี สั่งปรับอีก 5 พันบาท คดีข้อหาฐานชักชวนเล่นพนันออนไลน์ เจ้าตัวยอมรับสารภาพลดกึ่งหนึ่งให้รอลงอาญา 2 ปี กำชับชัดห้ามกระทำลักษณะเดิมซ้ำไม่งั้นจำจริง

เมื่อวันที่ 15 มิ.ย.64 ที่ศาลอาญามีนบุรี  ถ.บุรานุกิจ อัยการสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญามีนบุรี 2 ได้เป็นโจทก์ฟ้อง  น.ส.ภิรดา ธนโชติจินดา หรือ แม่น้ำหนึ่ง อายุ 27 ปี  นักใบ้หวยชื่อดัง เป็นจำเลยต่อในความผิดฐาน ประกาศ โฆษณา ชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่นหรือเข้าพนันทายผลสลากกินรวบ (ทายผลสลากกินรวบออนไลน์) พนันเอาทรัพย์สินกันโดยไม่ได้รับอนุญาต

ตามฟ้องโจทก์สรุปว่า เมื่อวันที่ 1 มิ.ย.64 เวลากลางวัน จำเลยได้บังอาจประกาศ โฆษณา ชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่นหรือเข้าพนันทายผลสลากกินรวบ อันเป็นการพนัน ประเภทห้ามขาด ตามที่ระบุไว้ในบัญชี ข อันดับที่ 16 ท้ายพ.ร.บ.การพนัน พ.ศ.2478 กล่าวคือ  จำเลยได้จัดให้มีการถ่ายทอดสดผ่านทางแฟนเพจเฟสบุ๊ค ชื่อ "แม่น้ำหนึ่ง 88" ซึ่งเป็นเฟซบุ๊คของจำเลย แสดงการใบ้หวย(ตัวเลข) ในลักษณะจุดธูปปูเพื่อแนะนำเลขท้ายสองตัว และสามตัว ของรางวัลที่ 1 และเลขท้ายสองตัว และ เลขท้ายสามตัวของผลการออกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาลงวดประจำวันที่ 1 มิ.ย.64 และได้มีการซักชวนประชาชนผ่านทางแฟนเพจเฟสบุ๊คดังกล่าว ให้เข้าร่วมเล่นพนันทายผลสลากกินรวบกับเว็บไซต์ ซึ่งจัดให้มีการเล่นพนันสลากกินรวบออนไลน์ผ่านทางอินเตอร์เน็ต

โดยลูกค้าผู้เล่นจะต้องสมัครเป็นสมาชิกผ่านทางเว็บไซค์ เพื่อจะได้หมายเลขสมาชิกพร้อมรหัสผ่านที่ใช้ในการเข้าเล่นการพนัน พนันเอาทรัพย์สินกันโดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน โดยถือเอาเลขท้ายสองตัว และสามตัว ของรางวัลที่ 1 และเลขท้ายสองตัว และเลขท้ายสามตัวของผลการออกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาลงวดประจำวันที่ 1 มิ.ย.64 เป็นเลขถูกรางวัล โดยจำเลยช่วยประกาศโฆษณาและชักชวนเข้าเล่นการพนันกับเว็บไซค์ดังกล่าวโดยที่ไม่ใด้รับอนุญาตตามกฎหมาย เหตุเกิดที่แขวงลำผักชี เขตหนองจอก กรุงเทพมหานคร

ต่อมาวันที่ 15 มิ.ย.64 พนักงานสอบสวน สน.ลำผักชี แจ้งข้อหาแก่จำเลย ขอให้ลงโทษจำเลยตาม พระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 มาตรา ม. 4-6, 10 และ 12 ชั้นสอบสวนจำเลยให้การรับสารภาพ

ศาลพิเคราะห์แล้ว พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตาม พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ. 2478 มาตรา 12 (1) โดยลักษณะการกระทำความผิดเป็นการแพร่หลาย เล่นการพนันเป็นวงกว้าง เห็นควรลงโทษสูงสุดตามกฎหมาย จำคุก 3 ปี ปรับ 5,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกเป็นเวลา 1 ปี 6 เดือน และปรับ 2,500 บาท

แต่เนื่องจากจำเลยเป็นผู้หญิงและไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน เพื่อให้โอกาสจำเลยกลับตนเป็นพลเมืองดีและประกอบอาชีพสุจริตต่อไป โทษจำคุกจึงเห็นสมควรให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี และให้คุมความประพฤติของจำเลยไว้มีกำหนด 1 ปี โดยให้จำเลยไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 4 ครั้ง ตามเงื่อนไขและระยะเวลาที่พนักงานคุมประพฤติเห็นสมควร และห้ามจำเลยประกาศ โฆษณา ชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อม ให้ผู้อื่นเข้าเล่นหรือเข้าพนันทายผลสลากกินรวบหรือกระทำการอื่นใดที่มีลักษณะเช่นเดียวกัน

หากจำเลยกระทำการในลักษณะนี้อีก ศาลจะเพิกถอนการคุมประพฤติและนำโทษจำคุกที่รอการลงไว้ มาลงโทษจำเลยต่อไปตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 56