“ผบช.สตม.” นำแถลง “ตม.ระนอง” ขยายผลทลายเหี้ยน “แก๊งพม่า” รับปลอมพาสปอร์ต แฉสิ้นเส้นทางโยงใย รับนำต่างด้าวส่งเข้าพื้นที่ชั้นใน
17 มิถุนายน 2564 สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.สิทธิชัย โล่กันภัย รอง ผบช.สตม. , พล.ต.ต.สุเมธ เมฆขจร ผบก.ตม.6 , พ.ต.อ.สัญชัย โชคขยายกิจ , พ.ต.อ.ไพรัช พุกเจริญ , พ.ต.อ.ศุภชัชจ์ เปี่ยมมนัส , พ.ต.อ.ภาณุภาคยณ์ จิตต์ประยูรตี รอง ผบก.ตม.6 และ พ.ต.อ.สมชาย จิตสงบ ผกก.ตม.จว.ระนอง ร่วมแถลงข่าวการจับกุมขบวนการปลอมหนังสือเดินทางนำพาคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักร
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนปราบปราม ตม.จว.ระนอง ร่วมกับทหารชุดร้อย ร.2521 (จุดตรวจศิลาสลัก จปร.) ตั้งจุดตรวจจุดสกัดกั้นตรวจพบ นายไวเมียว อายุ 37 ปี สัญชาติเมียนมา ขับขี่รถยนต์กระบะทะเบียนชุมพร บรรทุก นายเนคา อายุ 15 ปี สัญชาติเมียนมา และนายโจเซลา อายุ 16 ปี สัญชาติเมียนมา จากการตรวจสอบพบว่าหนังสือเดินทางทั้ง 2 เล่ม ที่นำมาแสดงเป็นหนังสือเดินทางปลอม จึงจับกุมตัวและสืบสวนขยายผลทราบว่าหนังสือเดินทางดังกล่าวได้รับมอบมาจาก นายอาวปาย อายุ 30 ปี สัญชาติเมียนมา จึงได้เข้าปิดล้อมตรวจค้นบ้านพัก นายอาวปาย หมู่ 4 ต.จ.ป.ร. อ.กระบุรี จ.ระนอง พบหนังสือเดินทางปลอม เพิ่มอีกจำนวน 4 จึงจับกุมตัวนายอายปาย ข้อหา “มีหนังสือเดินทางปลอมไว้เพื่อจำหน่าย”
จากนั้นสืบสวนขยายผลโดยเข้าปิดล้อมตรวจค้นบ้านใน หมู่ 10 ต.ปากจั่น อ.กระบุรี จ.ระนอง จับกุม นางเลเลข่าย อายุ 36 ปี สัญชาติเมียนมา ข้อหา “รู้ว่าเป็นคนต่างด้าวเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้นหรือช่วยเหลือให้คนต่างด้าวนั้นรอดพ้นการจับกุม” และได้สืบสวนขยายผลกระทั้งสามารถออกหมายจับและจับกุมตัว นายสมศักดิ์ ข้อหา “ทำหนังสือเดินทางปลอม”
ทั้งนี้ จากการสืบสวนขยายผลการจับกุมขบวนการปลอมแปลงหนังสือเดินทาง ทราบว่า นายเนคา และ นายโจเซลา สัญชาติเมียนมา ต้องการเดินทางไปหาแม่ที่ จ.สุราษฎร์ธานี ได้ลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมายทางช่องทางธรรมชาติ และไปเข้าพักอาศัย หลบซ่อนอยู่กับ นางเลเลข่าย สัญชาติเมียนมา ที่เป็นน้าสาว ที่บ้านในหมู่ 10 ต.ปากจั่น อ.กระบุรี จ.ระนอง จากนั้น นางเลเลข่าย ติดต่อว่าจ้าง นางมะแง่ หรือโชสุ นายหน้าชาวเมียนมา ให้ดำเนินการช่วยเหลือลักลอบนำพา ขนส่ง เคลื่อนย้ายไปยัง จ.สุราษฎร์ธานี ค่าจ้างคนละ 11,000 บาท
นางมะแง่ หรือโชสุ จึงให้นางเลเลข่าย ถ่ายรูป นายเนคา และ นายโจเซลา ส่งไปให้ทางเฟสบุ๊กจากนั้นได้ส่งรูปภาพต่อไปให้นายอาวปาย ซึ่งได้ใช้เฟสบุ๊กส่งรูปภาพ นายเนคา นายโจเซลา และคนต่างด้าวอื่นๆไปให้นายสมศักดิ์ เพื่อดำเนินการทำหนังสือเดินทางปลอม โดยนายสมศักดิ์ ได้นำหนังสือเดินทางปลอม 6 เล่ม มามอบให้กับนายไวเมียว สัญชาติเมียนมาที่ กม.13 บ้านจันทร์ทึง ต.วังใหม่ อ.เมือง จ.ชุมพร เพื่อนำไปส่งต่อให้กับนายอาวปาย ที่ อ.กระบุรี จ.ระนอง
ต่อมานายอาวปาย ได้ว่าจ้างให้นายไวเมียว ให้นำพา ขนส่งนายเนคา และนายโจเซลา ไปส่งยังสถานี บขส.ชุมพร โดยได้มอบหนังสือเดินทางปลอม จำนวน 2 เล่ม ให้นายไวเมียว นำไปมอบให้นายเนคา และ นายโจเซลา เก็บไว้กับตัว เพื่อใช้แสดงกับพนักงานเจ้าหน้าที่ เมื่อถูกเรียกตรวจสอบระหว่างการเดินทาง และเมื่อเดินทางมาถึงที่เกิดเหตุ ก็ถูกชุดจับกุมตรวจสอบพบว่าเป็นหนังสือเดินทางปลอม จึงได้ทำการสืบสวนขยายผลจนสามารถจับกุมขบวนการปลอมแปลงหนังสือเดินทางครั้งนี้ทั้งขบวนการ
สำหรับกลุ่มเครือข่ายขบวนการปลอมแปลงหนังสือเดินทางของนายอาวปาย อายุ 30 ปี สัญชาติเมียนมา มีผู้ร่วมขบวนการเป็นบุคคลต่างด้าวสัญชาติเมียนมาทุกคน โดยเข้ามาอยู่อาศัยและได้รับอนุญาตให้ทำงานเป็นกรณีพิเศษ ประเภทกรรมกร การเกษตรและปศุสัตว์ ในพื้นที่ จ.ระนอง และ จ.ชุมพร
ขณะที่นายไวเมียว ยังให้การยอมรับว่า หลังจากมีใบอนุญาตให้ขับขี่รถยนต์ ได้หันรับจ้างบริการนำพาคนต่างด้าวเดิน-ทางไปกลับ จ.ระนอง-ชุมพร อยู่หลายครั้ง นอกเหนือจากการกรีดยางพารา ซึ่งที่ผ่านมาในการลักลอบนำพา ขนส่ง เคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายเข้าสู่พื้นที่ชั้นใน ต้องอาศัยความชำนาญเส้นทาง รู้เส้นทางรอง เส้นทางหลบเลี่ยงด่านตรวจ จุดตรวจจุดสกัดกั้นของเจ้าหน้าที่บ้านเมืองเป็นอย่างดี แต่เนื่องจากเครือข่าย ขบวนการกลุ่มนี้เป็นบุคคลต่างด้าวทั้งหมด ไม่ชำนาญเส้นทางในการลักลอบนำพา จึงใช้วิธีการปลอมแปลงหนังสือเดินทาง เพื่อให้แรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย นำมาแสดงกับเจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจจุดสกัดระหว่างการเดินทางเมื่อถูกเรียกตรวจสอบ โดยในครั้งนี้คิดว่าเจ้าหน้าที่คงไม่สามารถตรวจสอบหนังสือเดินทางปลอมได้จึงได้รับงาน และถูกจับกุมตัว
ทั้งนี้ ปฏิบัติในการบูรณาการทลายในเครือข่ายนี้ สามารถออกหมายจับผู้นำพาบุคคลต่างด้าวผิดกฎหมายหลบหนีเข้าเมืองได้ จับกุมได้จำนวน 1 คน และแจ้งข้อกล่าวหา จำนวน 1 คน อยู่ในระหว่างติดตามตัวเพื่อมาดำเนินคดี จำนวน 1 คน และสามารถจับกุมบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองสัญชาติเมียนมา ได้ จำนวน 6 คน
ด้าน พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม./โฆษก สตม. , พ.ต.อ.ภัคพงศ์ สายอุบล รอง ผบก.ตม.1/รองโฆษก สตม. ร่วมกันเปิดเผยว่า การดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด
ทั้งนี้ สตม. จึงขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดต่างๆ รวมทั้งการดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนหรือ ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ หากประชาชนท่านใดพบเบาะแสในการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี