‘ศาลอาญาคดีทุจริตฯ’สั่งจำคุก 2 ปี ‘อดีตอัยการ’เรียกเงินวิ่งคดีช่วยชาวจีน 5 แสน ส่วนผู้ต้องหาอีกรายให้การเป็นประโยชน์จำคุกคนละ 1 ปี 4 เดือน ไม่รอลงอาญา
21 ตุลาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อวันที่ 18 ส.ค.ที่ผ่านมา ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ย่านตลิ่งชัน มีคำพิพากษาลงโทษจำคุก 2 ปีว่าที่ร้อยตรี อภิสัคค์ พรหมสวาสดิ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งอัยการพิเศษฝ่าย สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีศาลแขวง 4 (ยานนาวา) และ นางสาวธัญญา เต็มชำนาญ จำเลยที่ 1-2
คดีนี้ ป.ป.ช.ชี้มูลว่า ระหว่างวันที่ 26 พ.ย. 2562 – 29 ม.ค. 2563 นางสาวธัญญา เต็มชำนาญ ได้ติดต่อกับญาติของผู้ต้องหาชาวจีนซึ่งถูกดำเนินคดีในความผิดฐานปลอมหนังสือเดินทางและใช้หนังสือเดินทางปลอมของสถานีตำรวจภูธรท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และนัดหมายให้พบกับว่าที่ร้อยตรี อภิสัคค์ พรหมสวาสดิ์ อัยการพิเศษฝ่าย สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีศาลแขวง 4 (ยานนาวา) สำนักงานอัยการสูงสุด ว่าที่ร้อยตรี อภิสัคค์ พรหมสวาสดิ์ ได้อ้างกับญาติของผู้ต้องหาว่าสามารถช่วยเหลือทางคดีได้ และเรียกรับเงินเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายจำนวน 5 เเสนบาท ญาติของผู้ต้องหาได้หลงเชื่อและจ่ายเงินจำนวนดังกล่าวให้ว่าที่ร้อยตรี อภิสัคค์ พรหมสวาสดิ์ ผ่านนางสาวธัญญา เต็มชำนาญ
การกระทำของว่าที่ร้อยตรี อภิสัคค์ พรหมสวาสดิ์ กับพวก จึงเป็นการเรียกรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด เพื่อเป็นการตอบแทนในการที่จะจูงใจเจ้าพนักงานของรัฐ โดยวิธีอันทุจริต หรือผิดกฎหมาย เพื่อให้กระทำการในหน้าที่อันเป็นคุณแก่ผู้ต้องหา คดีพนักงานอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตฯ ยื่นฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตฯ
ศาลอาญาคดีทุจริตฯ พิจารณาแล้ว เห็นว่าที่จำเลยต่อสู้ว่าคดีไม่อยู่ในอำนาจเห็นว่า เเม้จะไม่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของจำเลยที่ 1 และไม่ว่าจำเลยที่1 จะไปติดต่อพูดคุยกับเจ้าพนักงานตำรวจหรือพนักงานอัยการจริงหรือไม่ ถือว่าจำเลยที่ 1 มีเจตนาแสดงออกให้ผู้เสียหายเชื่อว่าจำเลยที่1 ติดต่อกับเจ้าพนักงานตำรวจและพนักงานอัยการที่เกี่ยวข้องกับคดีแสดงว่าเงิน 5 แสนบาท เป็นเงินให้เพื่อตอบแทนในการที่จะจูงใจเจ้าพนักงานโดยวิธีอันทุจริต กฎหมายให้กระทำการหรือไม่กระทำการในหน้าที่อันเป็นคุณแก่ผู้ที่ถูกดำเนินคดีอาญา ไม่ว่าจำเลยทั้งสองจะตั้งใจไปติดต่อกับพนักงานอัยการหรือตำรวจจริงหรือไม่หรือเป็นเพียงการเเสดงให้น่าเชื่อถือว่าได้ช่วยเหลือคดีแล้ว เมื่อจำเลยที่ 1และ2 ร่วมกันเรียกเงินและได้รับตามที่เรียกดังกล่าวแล้ว จึงเป็นความผิดตามฟ้อง
พิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 143 พรป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 175 ประกอบประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทแต่ละบทมีอัตราโทษเท่ากัน ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 143 เพียงบทเดียวตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 จำคุกจำเลยคนละ 2 ปี คำให้การในชั้นสอบสวนและชั้นพิจารณาของจำเลยทั้งสองเป็นประโยชแก่การ พิจารณาอยู่บ้างมีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้1ใน3ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78คงจำคุกจำเลยทั้งสองมีคนละ 1ปี 4เดือน ไม่รอลงอาญา
ต่อมาจำเลยทั้งสองยื่นคำร้อง พร้อมหลักทรัพย์ขอปล่อยชั่วคราวศาลพิจารณาเเล้วอนุญาตปล่อยชั่วคราว ระหว่างอุทธรณ์คดี
ผู้สื่อรายงานว่า ว่าที่ร้อยตรี อภิสัคค์ ก่อนหน้านี้คณะกรรมการอัยการ (ก.อ.)มีมติให้ออกจากราชการไว้ก่อนตั้งแต่ตอนที่อัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตฯมีคำสั่งยื่นฟ้องคดีต่อศาลอาญาคดีทุจริตฯแล้ว
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี