“อนุทิน”ทำพิธีตัดช่อดอกกัญชาไทย 4 สายพันธุ์ มอบเครือข่ายไปขยายการปลูก ต่อยอดทำผลิตภัณฑ์ต่างๆ สร้างประโยชน์ให้กับประเทศแข่งขันในตลาดโลก พร้อมวิจัยเร่งด่วนหลังพบว่ารากสามารถรักษาเนื้อเยื่อของปอดที่เสียหายจากการติดเชื้อโควิด-19 ได้ เตรียมขอขึ้นทะเบียนเพื่อเป็นมรดกชาติแล้ว
21 มิ.ย.64 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ได้เป็นประธานในพิธีตัดช่อดอกกัญชาพันธุ์ไทย 4 พันธุ์ ได้แก่ ได้แก่ หางกระรอกภูพานเอสที 1, หางเสือสกลทีที 1 , ตะนาวศรีก้านขาวดับเบิ้ลยูเอ 1และตะนาวศรีก้านแดงอาร์ดี 1 ซึ่งต้นกัญชาสายพันธุ์ไทยดังกล่าว ปลูกโดยสถาบันวิจัยสมุนไพร กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ภายในโรงเรือนแบบกรีนเฮ้าส์ (Green house) ที่มีระบบการปลูกในวัสดุทดแทนดิน (substrate culture) ให้น้ำและธาตุอาหารผ่านระบบน้ำหยด
ทั้งนี้ จะได้นำพันธุ์เหล่านี้ไปขยายปลูกให้กับเครือข่ายวิจัยร่วมกัน ได้แก่ มทร.อีสาน วิทยาเขตสกลนคร และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สกลนคร เพื่อเป็นแหล่งเมล็ดพันธุ์ให้เกษตรกร นำไปใช้ต่อยอดทำผลิตภัณฑ์ต่างๆ สร้างประโยชน์ให้กับประเทศ และการพัฒนากัญชาสายพันธุ์ไทยแข่งขันในตลาดโลก ลดการขาดดุลการค้ากับต่างประเทศ
"ขณะนี้อยู่ในระหว่างการขอหนังสือรับรองพันธุ์พืชกับกรมวิชาการเกษตร เพื่อขึ้นทะเบียนของกัญชาพันธุ์ไทยทั้ง 4 พันธุ์ คาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณเดือน ส.ค. นี้ เพื่อให้เกิดเป็นมรดกของชาติ และเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ สร้างประโยชน์ตามวัตถุประสงค์ของนโยบายกัญชาเสรีทางการแพทย์"รมว.สาธารณสุข กล่าว
พร้อมระบุว่า ส่วนรากของกัญชาเมื่อนำไปสกัดจากการศึกษา พบว่าอาจจะมีผลในการช่วยรักษาเนื้อเยื่อของปอด ซึ่งตรงกับเวลาในขณะนี้ คือผู้ที่ป่วยโควิด-19 ที่แม้จะหายแล้ว แต่เนื้อเยื่อปอดถูกทำลายไป ดังนั้นหากกรมวิทย์ฯ สามารถพัฒนาวิจัยศึกษาได้สำเร็จ ก็จะเป็นประโยชน์อันมหาศาลของวงการแพทย์
ด้าน นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า สถาบันวิจัยสมุนไพร ได้ศึกษากัญชาพันธุ์ไทยครอบคลุมทั้งลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ด้านเคมีและข้อมูลสายพันธุกรรม พบว่ากัญชาพันธุ์ไทยมีลักษณะเด่นถึง 3 แบบ คือ แบบที่ 1กัญชาให้สาร THC สูง ได้แก่ พันธุ์หางกระรอกสกลทีที 1 และพันธุ์ตะนาวศรีก้านขาวดับเบิ้ลยูเอ 1 แบบที่ 2 ให้สาร THC และ CBD สัดส่วน 1:1 ได้แก่ พันธุ์หางกระรอกภูพานเอสที 1 แบบที่ 3 ให้สาร CBD สูง ได้แก่ พันธุ์ตะนาวศรีก้านแดงอาร์ดี 1
นอกจากนี้ การถอดรหัสพันธุกรรมเพื่อเปรียบเทียบความแตกต่าง พบว่าทั้ง 4 สายพันธุ์ พบได้เฉพาะถิ่นเท่านั้นไม่ได้พบได้ทั่วไป จึงเป็นพันธุ์ที่หายาก ซึ่งกัญชาพันธุ์ไทยมีสารสำคัญในสัดส่วนที่ต่างกัน จึงมีการนำไปใช้ประโยชน์ข้อบ่งชี้ของโรคที่ต่างกัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี