“ครูกัลยา”ร่วมเสวนาทางวิชาการกับ “ จุฬา-สอศ-กสศ.”พัฒนาการเรียนการสอนลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ในทุกรูปแบบ
เมื่อเร็ว ๆ นี้ ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รมช.ศึกษาธิการ ร่วมเสวนา หัวข้อ “เปลี่ยนความต้องการพิเศษ เป็นพลังเพื่อสังคมแห่งการอยู่ร่วมกัน” 1st International Virtual Symposium on Vocational Education for All : Transforming Special Needs to Forces for Inclusive Society งานดังกล่าวจัดโดย กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) โดยโครงการทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูงสำหรับผู้เรียนที่มีความต้องการพิเศษ จัดประชุมวิชาการนานาชาติ ด้านการศึกษาสายอาชีพเพื่อคนทุกคน ครั้งที่ 1
ดร.คุณหญิงกัลยา กล่าวว่า กระทรวงศึกษาธิการเล็งเห็นความสำคัญของการศึกษาที่ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ทั้งผู้พิการหรือผู้ที่มีความต้องการพิเศษ โดย น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ ได้กำหนดนโยบายที่ส่งเสริมความเท่าเทียมในทุกกลุ่มพื้นที่และทุกคนรวมทั้งผู้ที่มีความต้องการพิเศษนับล้านคนที่ทุกคนจะได้รับการส่งเสริมทักษะวิชาชีพที่เหมาะสม ได้รับสิทธิและโอกาสในการประกอบอาชีพด้วยตัวเอง และจากภาคประชาสังคม
อย่างไรก็ตาม ต้องขอขอบคุณการดำเนินการในครั้งนี้ ซึ่งนับเป็นความร่วมมือของหน่วยงานด้านการศึกษา ทั้ง กสศ. สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา และ คณะครุศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งนับได้ว่าเป็นการวางแผนที่สอดประสานกับยุทธศาสตร์ 20 ปี ในการพัฒนาศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ การสร้างโอกาส เข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพของกลุ่มผู้ด้อยโอกาสทางการศึกษาและผู้เรียนที่มีความต้องการพิเศษตลอดทุกช่วงชีวิต หวังว่าจากการปะชุมวิชาการนานาชาติครั้งนี้จะได้ตกผลึกเป็นบทสรุปร่วมกันนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง ในการพิจารณาคุณภาพผู้เรียน ครู บุคลากร และระบบการบริหารจัดการสถานศึกษาให้เป็นแนวทางต้นแบบการปฏิบัติที่ดีให้กับการจัดการศึกษาเพื่ออาชีพ ของบุคคลที่มีความต้องการพิเศษในประเทศไทย
ด้าน รศ.ดร.ดารณี อุทัยรัตนกิจ กรรมการบริหาร กสศ. กล่าวว่า กสศ. ได้พัฒนาโครงการทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูงและได้ลงนามบันทึกความร่วมมือกับสำนักคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) และ กระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยมีแนวคิดที่จะให้การศึกษาเป็นเครื่องมือหนึ่งที่จะช่วยแก้ปัญหาความยากจนและความเหลื่อมล้ำจึงจะพัฒนาต้นแบบทำงานในลักษณะ social lab ผ่านการสนับสนุนทุนให้แก่นักเรียนที่มาจากครอบครัวยากจน 20% ล่างสุดของประเทศ และกลุ่มนักเรียนที่มีความพิการให้มีโอกาสเรียนต่อสายอาชีพชั้นสูงและมีงานทำทันทีเมื่อจบการศึกษาในสาขาที่ตลาดแรงงานของประเทศ
นอกจากนี้ โครงการนี้ยังให้การสนับสนุนทุนให้แก่สถานศึกษาเพื่อพัฒนารูปแบบหลักสูตรที่เป็นนวัตกรรม ส่งเสริมการเรียนรู้ให้มีทักษะรอบด้าน ความร่วมมือกับภาคเอกชนในลักษณะ Co-Funding และการส่งเสริมการมีงานทำ พัฒนาเป็นระบบต้นแบบ ที่จะส่งต่อให้หน่วยงานหลักในการขยายผลเชิงปฏิรูป โดยทางโครงการได้ดำเนินการมาตั้งแต่ ปี 2562 จนถึงปัจจุบัน ร่วมกับ 95 สถาบันกระจายตัวใน 43 จังหวัดทั่วประเทศ มีจำนวนนักศึกษาสะสม 6,262 คน ในจำนวนนี้ เป็นนักศึกษาที่มีความต้องการพิเศษ (พิการ) ทั้งกลุ่มร่างกาย สติปัญญา สองรุ่นรวม 197 คน ซึ่งดำเนินการร่วมกับสถานศึกษาอาชีวศึกษา 10 แห่ง ใน 7 จังหวัด การทำงานนี้มุ่งหวังว่าจะเป็นการสร้างต้นแบบช่วยพัฒนาให้ผู้เรียนที่มีความต้องการพิเศษให้มีโอกาสทางการศึกษาที่เท่าเทียมกับบุคคลทั่วไป ตามแนวคิด “สร้างความพิเศษเป็นพลัง”
ด้าน ดร.อรรถพล สังขวาสี รองเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) กล่าวว่า สอศ. มีนโยบายการจัดการศึกษาให้กับผู้พิการ ผู้ที่มีความต้องการพิเศษมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งระดับ ปวช. ปวส. หลักสูตรระยะสั้น รีสกิล อัพสกิล ให้ผู้เรียน ไปจนถึงการจัดการเรียนรวม บริการสนับสนุนทางการศึกษา เพื่อสร้างความเท่าเทียม ลดความเหลื่อมล้ำ เพิ่มคุณภาพการศึกษาให้กับผู้เรียน แม้จะมีความแตกต่างทางร่างกาย แต่คุณภาพต้องเท่ากัน ซึ่งที่ผ่านมา สอศ. ได้รับการสนับสนุน จากทั้ง กสศ. และ คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งได้เน้นส่งเสริมดูแลสวัสดิภาพ ความเป็นอยู่ ทักษะบุคลากร การจัดการเรียนการสอน การเตรียมความพร้อมสู่การมีงานทำร่วมกับสถาบันการศึกษาทั้ง 5 แห่ง ได้แก่ วิทยาลัยการอาชีพพุทธมณฑล วิทยาลัยเทคโนโลยีดอนบอสโก วิทยาลัยเทคโนโลยีพระมหาไถ่พัทยา วิทยาลัยสารพัดช่างเชียงใหม่ และวิทยาลัยสารพัดช่างสุรินทร์
น.ส.ธันว์ธิดา วงศ์ประสงค์ ผู้อำนวยการสำนักนวัตกรรมและทุนการศึกษา กสศ. กล่าวว่า โครงการทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูงสำหรับผู้เรียนที่มีความต้องการพิเศษ พยายามมุ่งเน้นการพัฒนาต้นแบบการศึกษาให้เด็กยากจนด้อยโอกาส ได้เรียนสูงกว่าระดับชั้น ม.6 ในสายอาชีวศึกษาและพยายามตอบโจทย์หลายเรื่องไปพร้อมกันร่วมทั้งการเปิดโอกาสให้น้องๆ ที่มีความต้องการพิเศษ ซึ่งถือเป็นการพัฒนาต้นแบบในลักษณะ social lab โดย กสศ.ต้องอาศัยความร่วมมือทางวิชาการกับหลายฝ่ายทั้ง คณะครุศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สอศ. ภาคนโยบายที่ดูแลสถานศึกษาที่ต้องทำงานไปด้วยกัน การมีผู้เชี่ยวชาญมาช่วยอย่างคณะครุศาสตร์จุฬา ฯ หรือมีวิทยากรจากต่างประเทศเข้ามาช่วยมาแลกเปลี่ยน ทำให้การเรียนการสอนทันสมัยสอดคล้องความต้องการของโลก
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ชนิศา ตันติเฉลิม หัวหน้าโครงการ ฯ คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่าเป้าหมายของงานครั้งนี้คือการนำเสนอผลงานที่ผ่านมาในรอบ 1 ปีของสถาบันต่าง ๆ และเป็นโอกาสอันดีที่จะทำให้เป็นวาระสำคัญเพื่อเชิญบุคลากรจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือและพัฒนาผู้เรียนที่มีความต้องการพิเศษทั้งภาครัฐและเอกชนมาพบกัน ซึ่งจะนำไปสู่การตกผลึกถึงแนวทางในการสนับสนุนผลักดันเรื่องการศึกษาและการมีงานทำสำหรับเยาวชนกลุ่มนี้ รวมถึงอีกประการหนึ่งยังเป็นการแลกเปลี่ยนบทเรียนจากต่างประเทศ โดยได้เชิญอาจารย์ที่ทำงานวิจัยด้านการจัดการศึกษาสำหรับผู้มีความต้องการพิเศษจากประเทศจีน ไอร์แลนด์ และออสเตรเลีย มานำเสนอบทเรียนที่น่าสนใจเพื่อพัฒนาแนวทางในการจัดการศึกษาให้ดียิ่งขึ้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี