หากให้กล่าวถึงมรดกวัฒนธรรมไทย มีมากมายจนผู้เขียนไม่อาจบอกเล่าได้หมดในระยะเวลาอันสั้น “กวีนิพนธ์” ถือเป็นเอกลักษณ์สำคัญของชาติ ด้านศิลปวัฒนธรรมไทย ที่ตกทอดเป็นมรดกให้อนุชนรุ่นหลังได้ศึกษาหาความบันเทิง และเป็นแบบฉบับเล่าเรียนเพิ่มพูนความรู้
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (พ.ศ. 2352-2367) นับเป็นช่วงเวลาที่ราชอาณาจักรไทยเริ่มเข้าสู่ความสงบและมีความเป็นปึกแผ่นมากกว่าสมัยที่ผ่านมา ด้วยเหตุนี้ แม้ว่าพระองค์จะยังทรงประกอบพระราชกรณียกิจในการบริหารราชการแผ่นดิน และทำนุบำรุงพระนครสืบต่อพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช พระบรมชนกนาถแล้ว ยังทรงให้ความสำคัญต่อการฟื้นฟูศิลปกรรมในแขนงต่างๆ อย่างดียิ่ง ทรงมีพระอัจฉริยภาพในงานศิลปะหลายสาขา ได้แก่ ด้านประติมากรรม ด้านกวีนิพนธ์ และด้านดนตรี แต่ด้วยพื้นที่อันจำกัดนี้ ผู้เขียนจึงขอยกเพียงด้านที่โดดเด่นที่สุด ได้แก่ ด้านกวีนิพนธ์มาเล่าสู่กันฟัง
ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ ๒ ถือเป็นยุคทองของวรรณคดีไทยสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ด้วยพระองค์ทรงเป็นกวีเอกที่ทรงสร้างสรรค์วรรณคดีอันทรงคุณค่าทางวัฒนธรรมไว้เป็นมรดกของชาติจำนวนมาก โดยตั้งแต่ครั้งแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกก็ได้ทรงรับหน้าที่ในหมู่จินตกวี มีพระราชนิพนธ์ปรากฏอยู่ในหนังสือที่ช่วยกันแต่งหลายเรื่องจนได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ทำนุบำรุงแบบและบทละครไทยให้ดีเด่นกว่าแต่ก่อน เพราะได้ทรงกวดขัน และฝึกหัดท่ารำจนใช้เป็นแบบอย่างของละครรำมาจนถึงปัจจุบันนี้
พระองค์มีพระราชนิพนธ์ที่เป็นบทกลอนมากมาย ทรงเป็นยอดกวี ถือเป็นแบบฉบับอันยอดเยี่ยมด้านการแต่งเสภา นิราศ กาพย์ ฉันท์ ลิลิต โคลงสี่สุภาพ บทละครทั้งละครใน และละครนอก มีหลายเรื่องที่มีอยู่เดิม และทรงนำมาแต่งใหม่เพื่อให้ใช้ในการแสดงได้ เช่น รามเกียรติ์ อุณรุท และอิเหนา โดยเรื่องอิเหนานี้ เรื่องเดิมมีความยาวมาก ได้ทรงพระราชนิพนธ์ใหม่ตั้งแต่ต้นจนจบ เป็นเรื่องยาวที่สุดของพระองค์ วรรณคดีสโมสรในรัชกาลที่ 6 ได้ยกย่องให้เป็นยอดบทละครรำที่แต่งดี ยอดเยี่ยมทั้งเนื้อความ ทำนองกลอนและกระบวนการเล่นทั้งร้องและรำ นอกจากนี้ยังมีละครนอกอื่นๆ เช่น ไกรทอง สังข์ทองไชยเชษฐ์ หลวิชัยคาวี มณีพิชัย สังข์ศิลป์ชัย ได้ทรงเลือกเอาของเก่ามาทรงพระราชนิพนธ์ขึ้นใหม่บางตอน และยังทรงพระราชนิพนธ์บทพากย์โขนอีกหลายชุด เช่น ชุดนางลอย ชุดนาคบาศ และชุดพรหมาสตร์ซึ่งล้วนมีความไพเราะซาบซึ้งเป็นอมตะใช้แสดงมาจนทุกวันนี้
บทละครที่ทรงพระราชนิพนธ์ขึ้นใหม่รวม ๗ เรื่อง คือ ๑.เรื่องอิเหนา ทรงแต่งแต่ต้นจนจบ รวม ๔๕ สมุดเล่มไทย ๒.เรื่องรามเกียรติ์ตั้งแต่หนุมานถวายแหวน จนถึงทศกัณฐ์ล้มตอน ๑ ตั้งแต่ฆ่าสีดาจนอภิเษกไกรลาสตอน ๑ รวม ๓๓ เล่มสมุดไทย ๓.เรื่องไชยเชษฐ์ตั้งแต่ไชยเชษฐ์ไปตามช้างจนไชยเชษฐ์กับนางสุวิญชาคืนดีกับไชยเชษฐ์รวม ๓ เล่มสมุดไทย ๔.เรื่องมณีพิชัย ตั้งแต่งูขบนางจันทรจนพระมณีพิชัยออกไปอยู่กับพราหมณ์ที่ศาลา รวม ๑ เล่มสมุดไทย ๕.เรื่องคาวีตั้งแต่ท้าวสันนุราชได้ผอบผมจนถึงคาวีฆ่าไวยทัต รวม ๔ เล่มสมุดไทย๖.เรื่องสังข์ทอง ตั้งแต่นางพันธุรัตได้พระสังข์มาเลี้ยง จนท้าวยศวิมลกับพระสังข์กลับจากเมืองสามล รวม ๑ เล่มสมุดไทย และ ๗.เรื่องไกรทอง ตั้งแต่ไกรทองอยู่ในถ้ำชาละวัน จนกลับตามนางวิมาลาลงไปในถ้ำ รวม ๒ เล่มสมุดไทย
นอกจากนี้ ยังได้ทรงพระราชนิพนธ์บทเห่เรือ เรื่องกาพย์เห่ชมเครื่องคาว หวาน ซึ่งมีความไพเราะและแปลกใหม่ไม่ซ้ำแบบกวีท่านใด เนื้อเรื่องแบ่งออกเป็น ๕ ตอน คือ เห่ชมเครื่องคาว เห่ชมผลไม้ เห่ชมเครื่องคาวหวาน เห่ครวญเข้ากับนักขัตฤกษ์ และบทเจ้าเซ็น ซึ่งบทเห่นี้เข้าใจกันว่าเป็นการชมฝีพระหัตถ์ในด้านการทำอาหารของสมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินีนั่นเอง
ส่วนด้านการส่งเสริม “ใครเป็นกวีก็โปรด” เป็นคำกล่าวขานในยุคที่วรรณคดีเฟื่องฟู ซึ่งในยุคนั้น นอกจากพระองค์แล้วยังมีกรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ (รัชกาลที่ 3), สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาเดชาดิศร, สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส,พระยาตรัง, นายนรินทร์ธิเบศ, และ สุนทรภู่ กวีเอกของโลก ผู้ได้รับการยกย่องให้เป็นมหากวีกระฎุมพีแห่งรัตนโกสินทร์ และบุคคลสำคัญของโลกจากองค์การ รวมอยู่ด้วยกันอีกด้วย
ปัจจุบันมีการสร้างอุทยานพระบรมราชานุสรณ์พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย เป็นโครงการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยของมูลนิธิพระบรมราชานุสรณ์พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยมีสมเด็จ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เป็นองค์ประธาน เพื่อเป็นการสนองพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นทั้งนักรบ นักปกครอง ศิลปิน กวีและช่าง ซึ่งได้พระราชทานศิลปวัฒนธรรมอันงดงามประณีตไว้เป็นมงคลแก่ชาติ และปรากฏพระเกียรติคุณแพร่หลายไปในนานาประเทศจนได้รับการยกย่องจากองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือยูเนสโก (UNESCO) ให้ทรงเป็นบุคคลสำคัญของโลก และได้ส่งเสริมให้มีการจัดงานเฉลิมพระเกียรติฉลองพระบรมราชสมภพครบรอบ ๒๐๐ ปี เมื่อพ.ศ. ๒๕๑๑ พร้อมจัดสร้างอุทยานพระบรมราชานุสรณ์ฯ ของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย โดยมีจุดประสงค์ให้เป็นศูนย์กลางศิลปวัฒนธรรมไทยในรัชสมัยของพระองค์ และเพื่อให้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของประชาชนในท้องถิ่นและจังหวัดใกล้เคียงนั้นด้วย
และในวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ซึ่งตรงกับวันคล้ายวันพระราชสมภพของพระองค์ ทางรัฐบาลยังได้กำหนดให้เป็นวัน “ศิลปินแห่งชาติ” เพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่ของผู้เป็นพระปฐมบรมศิลปินแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ถือเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรมไทยอีกพระองค์หนึ่งที่ต้องจารึกไว้กลางดวงใจลูกหลานไทยตราบนานเท่านาน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี