"ลุงเนวิน"ขอบคุณภาคเอกชน-ภาครัฐ"บุรีรัมย์" ร่วมใจทำโครงการ"อุ้มลูกหลานเซราะกราวกลับบ้าน" ผ่าน​คอลเซ็นเตอร์รับเรื่องตลอด 24 ชั่วโมง

เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2564 นายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ร่วมกับเจ้าหน้าที่ภาครัฐ และภาคเอกชน แถลงข่าวเปิดโครงการ "อุ้มลูกหลานเซราะกราวกลับบ้าน" เฉพาะคนบุรีรัมย์ ที่ติดโควิด ไม่มีที่รักษา จะมีรถไปรับมารักษาที่ จ.บุรีรัมย์ โดยทำการเปิดคอลเซ็นเตอร์รับเรื่องตลอด 24 ชั่วโมง ที่เบอร์ 02-576-5555

นายเนวิน ชิดชอบ กล่าวว่า "โครงการนี้เป็นโครงการที่ภาครัฐ และภาคเอกชนในจังหวัด ตั้งใจร่วมกันที่จะรับลูกหลานของชาวจังหวัดบุรีรัมย์ ที่ติดเชื้อโควิด-19 กลับบ้าน ซึ่งสถานการณ์ปัจจุบันเราทราบกันดีว่าในกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล รวมถึงจังหวัดสีแดง มีปัญหาเรื่องการรับภาระดูแลผู้ป่วยติดเชื้อ ทั้งเรื่องของเตียง และบุคลากรการแพทย์ เราเห็นว่าเพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระของกรุงเทพมหานคร และพื้นที่สีแดงเข้ม ซึ่งเราไม่ต้องการให้ลูกหลานของบุรีรัมย์ ที่อยู่ในพื้นที่ต่างๆ มีปัญหาการเข้าถึงการรับการรักษาพยาบาล จึงเกิดโครงการนี้ขึ้นมา ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายของภาคเอกชน ที่ตั้งใจร่วมกันจัดทำคอลเซ็นเตอร์ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อรอรับการติดต่อจากลูกหลานของชาวจังหวัดบุรีรัมย์ ทุกคน ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนในประเทศไทย"

นายเนวิน​ กล่าว​ต่อว่า​ "ที่ผ่านมาเราได้รับข้อมูลมาว่าลูกหลานของชาวจังหวัดบุรีรัมย์ ที่ติดเชื้อ มีปัญหาเรื่องการเข้าถึงเตียง และการเข้าถึงการรักษาพยาบาล ครั้นจะกลับมาบ้านก็มีปัญหาอีกว่า มีผู้ให้บริการคิดค่าบริการ 10,000 - 15,000 บาท ซึ่งสถานการณ์ปัจจุบัน นอกจากจะตกงานแล้ว เขาไม่มีโอกาสที่จะหาเตียง และหาค่ารถกลับบ้านได้ เราถึงได้บูรณาการกำลังจากทุกภาคส่วนในจังหวัดบุรีรัมย์

นอกจากเรามีคอลเซ็นเตอร์รับการติดต่อจากพี่น้องบุรีรัมย์ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อหาเตียง ประสานงานหารถไปรับ ภาคเอกชนยังได้ร่วมกันจัดตั้งกองทุน เพื่อเป็นเบี้ยเลี้ยงให้กับเจ้าหน้าที่รถพยาบาลที่จะไปรับคนป่วยอีกด้วย ส่วนองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นอื่นๆ ก็รับผิดชอบในฐานะที่เป็นเจ้าของรถ ดูแลในเรื่องของค่าน้ำมัน และค่าเบิกจ่ายต่างๆ ส่วนเบี้ยเลี้ยงพิเศษภาคเอกชนจะเป็นผู้ดูแล เพื่อให้ลูกหลานบุรีรัมย์ทุกคนที่ป่วยได้กลับมาบ้าน ฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย" นายเนวิน​ กล่าว​ และ​ว่า​

"ส่วนระบบการทำงานนั้นเมื่อเราไปรับผู้ป่วยกลับมาแล้ว เราจะนำไปส่งที่โรงพยาบาลในพื้นที่ ๆ เป็นบ้านของผู้ป่วย ใครอำเภอไหนก็ไปอำเภอนั้น เพื่อเข้าสู่กระบรวนการรักษาทางการแพทย์ต่อไป ในขณะเดียวกันผู้ป่วยที่เป็นสีเขียว จากโรงพยาบาลต่างๆ ก็จะถูกส่งเข้ามาสู้โรงพยาบาลสนาม เพื่อเปิดพื้นที่เตียงให้กับผู้ป่วยใหม่ ที่เป็นผู้ป่วยสีแดง และสีเหลือง ต่อไป"

นายเนวิน​ ยัง​กล่าว​อีกว่า​ ความร่วมมือนี้ต้องขอบคุณภาคเอกชน และทุกภาคส่วนในจังหวัดบุรีรัมย์ โรงแรมหลายโรงแรมยอมเสียสละโรงแรมของตัวเองเพื่อเข้าร่วมโครงการเปลี่ยนโรงแรมเป็นโรงพยาบาลสนาม แน่นอนสำหรับที่อื่นคงมองว่าเป็นเรื่องยุ่งยาก เพราะเจ้าของโรงแรมก็กลัวว่าเปิดโรงแรมเป็นโรงพยาบาลสนามจะนำไปสู่ปัญหาการติดเชื้อ หรือการให้บริการในอนาคต ซึ่งอาจจะกระทบกับเขาในระยะยาว แต่คนบุรีรัมย์เรามีหัวใจที่ยิ่งใหญ่ พอที่จะเสียสละโดยมองว่าชีวิตลูกหลานของชาวบุรีรัมย์ สำคัญกว่าธุรกิจของพวกเราทุกคน

"ภาคเอกชนไหนที่สนใจอยากมีส่วนร่วมก็ประสานงานได้ที่คณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดบุรีรัมย์ ผมว่าบ้านเมืองถึงเวลาที่ทุกฝ่ายต้องช่วยกัน สิ่งที่เราทำไม่ได้ทำเพื่อคนบุรีรัมย์เท่านั้น การไปรับผู้ป่วยกลับบ้านเป็นการแบ่งเบาภาระในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และปริมณฑลด้วย ผมคิดว่าถ้าทุกจังหวัดช่วยกัน ใครมีแรงเท่าไหร่ ใช้ระบบเดียวกันดึงผู้ป่วยกลับมาผมเชื่อว่าปัญหาเรื่องการขาดแคลนเตียง ปัญหาการเข้าถึงการรักษาพยาบาลที่ประสบอยู่ในปัจจุบันจะลดลง เพียงแค่เราช่วยกันคนละไม้คนละมือ บุรีรัมย์ เป็นเพียงหนึ่งจังหวัดในประเทศไทย มีประชากรเป็นอันดับที่ 6 ของประเทศ หากเราดึงลูกหลานกลับมาภาระของกรุงเทพมหานคร ก็จะหายไปส่วนหนึ่ง ถ้าทุกจังหวัดมีศักยภาพเพียงพอแล้วช่วยกัน ผมคิดว่าจะช่วยกันแก้ปัญหาโควิด-19 ได้เร็วขึ้น แล้วก็ทำให้ประเทศของเรากลับมาได้เร็วขึ้นครับ"  นาย​เนวิน​ กล่าว

นอกจากนี้ นายเนวิน ชิดชอบ ยังตอบคำถามสื่อมวลชนถึงการกักตัวของผู้ที่เดินทางกลับมาจากพื้นที่สีแดง ว่า "วันนี้มันถึงเวลาที่ทุกคนต้องวเคารพในกติกาของสังคม วันนี้ถึงเวลาที่ทุกคนต้องอยู่ในกฎกติกาเดียวกัน คุณบอกว่าอยากจะอยู่ที่บ้านทั้งที่มาจากพื้นที่เสี่ยง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เจ้าหน้าที่ต้องมาเหนื่อยดูคุณครอบครัวเดียว ทั้งที่มีสถานที่จัดไว้ให้จะทำให้เจ้าหน้าที่เหนื่อยน้อยลง ถ้าคุณอยากอยู่สบายผมว่าอย่ากลับมาครับ อยู่ในพื้นที่ๆ คุณคิดว่าอยู่แล้วสบาย กลับเข้ามาในพื้นที่ทุกคนต้องเท่ากัน ทุกวันนี้บุคลากรทุกภาคส่วนเหนื่อยมากพอ และมีภาระมากพอแล้วครับ ตอนนี้ตัวเลขของคนกลับมามากขึ้นในพื้นที่ นั้นหมายความว่าเจ้าหน้าที่สาธารณสุข บุคลากรทางการแพทย์ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฝ่ายปกครอง ตำรวจ ทุกคนต้องทำงานเต็มที่หมด ตัวเลขกลับมาสูงขึ้น เรายังคิดว่าตัวเลขหลักหมื่นของคนกลับมาจะสูงขึ้นภายในอาทิตย์นี้ ทำให้ตัวเลขของผู้ติดเชื้อของบุรีรัมย์ โตขึ้นทุกวัน เราถึงเตรียมการไว้ถึง 1,500 เตียง แต่เราก็ภาวนาว่าไม่ให้ถึง ซึ่งทุกอย่างมันคือการเตรียมการ และการเตรียมความพร้อมของเรา ทั้งภาคเอกชน และภาครัฐ"