วันอังคาร ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ในประเทศ
สถานีเกษตร-สิ่งแวดล้อม : กนช.กับการปฏิรูปทรัพยากรน้ำ

สถานีเกษตร-สิ่งแวดล้อม : กนช.กับการปฏิรูปทรัพยากรน้ำ

วันศุกร์ ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2564, 06.00 น.
Tag : สถานีเกษตร-สิ่งแวดล้อม
  •  

ภายใต้พระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) จะมีบทบาทสำคัญในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในระดับชาติ

ดร.สมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ(สทนช.) กล่าวว่า กนช.มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศในทุกมิติ ไม่ว่่าจะเป็นการจัดทำนโยบายและแผนแม่บทเกี่ยวกับการบริหารทรัพยากรน้ำที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ การพิจารณาและให้ความเห็นชอบในแผนปฏิบัติการของหน่วยงานของรัฐและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เกี่ยวกับทรัพยากรน้ำ


นอกจากนี้ยังพิจารณาแผนงบประมาณการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำแบบบูรณาการให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล รวมทั้งเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาในการจัดทำงบประมาณประจำปี การพิจารณาและให้ความเห็นชอบแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในเขตลุ่มน้ำต่างๆ ตามที่คณะกรรมการลุ่มน้ำเสนอ เป็นต้น

กนช.ในปัจจุบันยังเป็นชุดเดิม ที่มี พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน

อย่างไรก็ตามเมื่อ พระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. 2561 มีผลบังคับใช้ จำเป็นจะต้องมี กนช.ชุดใหม่ขึ้นมาบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ

กนช.ชุดใหม่จะประกอบด้วย นายกรัฐมนตรีเป็นประธานกรรมการ และรองนายกรัฐมนตรีที่นายกรัฐมนตรีมอบหมายเป็นรองประธานกรรมการ ส่วนกรรมการนั้นจะเป็นโดยตำแหน่งจากหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง 9 คน จากผู้ทรงคุณวุฒิ 4 คน และจากผู้แทนคณะกรรมการลุ่มน้ำอีก 6 คน โดยมีเลขาธิการ สทนช. ปฏิบัติหน้าที่กรรมการและเลขานุการ

จุดเปลี่ยนของ กนช.ชุดใหม่ คือ การให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมผ่านทาง กรรมการลุ่มน้ำทั้ง 6 คน ซึ่งจะทำให้สามารถตอบโจทย์การแก้ปัญหาทรัพยากรน้ำในพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยจะคัดเลือกมาจากกรรมการลุ่มน้ำทั้ง 22 ลุ่มน้ำ สทนช.ยืนยันว่า จะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2565

อย่างไรก็ตามก่อนที่จะได้ผู้แทนกรรมการลุ่มน้ำทั้ง 6 คนดังกล่าว จะต้องจัดตั้งคณะกรรมการลุ่มน้ำในแต่ละลุ่มน้ำให้แล้วเสร็จก่อน ซึ่งสทนช.จะดำเนินให้แล้วเสร็จภายในเดือนกันยายน 2564

เช่นเดียวกัน ก่อนที่จะได้คณะกรรมการลุ่มน้ำแต่ละลุ่มน้ำ จะองค์การผู้ใช้น้ำให้แล้วเสร็จก่อน เพราะในคณะกรรมการลุ่มน้ำแต่ละลุ่มน้ำนั้นจะต้องมีผู้แทนจากองค์กรผู้ใช้น้ำถึง 9 คน ร่วมเป็นกรรมการลุ่มน้ำด้วย

องค์กรใช้น้ำคือ ผู้ใช้น้ำในระดับรากหญ้า

“องค์กรผู้ใช้น้ำจะเข้าใจสภาพปัญหาและความต้องการใช้น้ำ สามารถสะท้อนแนวทางแก้ไขปัญหาตรงต่อตามความต้องการของประชาชนในพื้นที่อย่างแท้จริง และเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะเป็นฟันเฟืองสำคัญที่จะช่วยให้การพัฒนาทรัพยากรน้ำของประเทศครอบคลุมในทุกมิติมากยิ่งขึ้น” เลขาธิการ สทนช.กล่าว

ล่าสุดขณะนี้กลุ่มบุคคลที่สนใจยื่นคำขอจดทะเบียนก่อตั้งองค์กรผู้ใช้น้ำกว่า 2,674 องค์กรสทนช.อนุมัติแล้ว 2,487 องค์กร

ดังนั้น จะเห็นได้ว่า การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำยุคใหม่จะเกีี่ยวโยงกัน ตั้งแต่ระดับท้องถิ่น คือ องค์กรผู้ใช้น้ำ ต่อเนื่องมาระดับลุ่มน้ำ คือ คณะกรรมการลุ่มน้ำ จนถึงระดับชาติ คือ กนช.

จึงมั่นใจได้ว่าภายหลัง กนช.ชุดใหม่ เริ่มปฏิบัติหน้าที่ก็จะสามารถขับเคลื่อนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ พระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. 2561 ที่ต้องการให้การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศ เป็นไปบนพื้นฐานการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนอย่างแท้จริง สามารถนำมาใช้ในการวิเคราะห์ด้านการบริหารจัดการแหล่งน้ำแบบองค์รวมได้อย่างเต็มประสิทธิภาพครอบคลุมทุกมิติ และรวดเร็วทันต่อสถานการณ์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในปัจจุบัน รวมทั้งสามารถบริหารจัดการน้ำได้อย่างเบ็ดเสร็จในแต่ละลุ่มน้ำอย่างแน่นอน

นอกจากนี้ยังจะสามารถตอบสนองต่อการพัฒนาด้านเศรษฐกิจและสังคม การอนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตลอดจนยังช่วยเสริมศักยภาพในการพัฒนาและบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศอีกด้วย

จะเรียกว่า ปี 2565 เป็นปีเริ่มต้นทุนของการปฏิรูปการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศก็ว่าได้....

รัฐศักดิ์ พลสิงห์

 

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  

Breaking News

ชำแหละ‘ปาร์ตี้ลิสต์’ 4 พรรคหลัก สะท้อนบุคลิก มุมคิด ภาพลักษณ์

‘กต.’แถลงการณ์ 5 ข้อวงประชุมอาเซียนสมัยพิเศษ ย้ำ 3 เงื่อนไขนำสู่เจรจา‘หยุดยิง’

เตือนภัยสาว! เรียกรถผ่านแอปแบบใด'ไม่เสี่ยง'

เช็คอากาศวันนี้! ไทยตอนบนเย็นถึงหนาว-ภาคใต้ฝนน้อย

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved