“กลุ่มเยาวชน” ถือเป็นกำลังสำคัญของประเทศที่ต้องได้รับการพัฒนาไปสู่บุคลากรที่มีคุณภาพในอนาคต ซึ่ง “กลุ่มเยาชนอาชีวศึกษา” เป็นกลุ่มที่มีเอกลักษณ์และมีความสนใจไปในทิศทางเดียวกัน ชอบรรวมกลุ่มและทำกิจกรรมร่วมกันเป็นหมู่คณะ แต่มักจะมีความอ่อนไหวเรื่องปัจจัยเสี่ยงด้านสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาเสพติด อุบัติหตุจากการขับขี่ยานพาหนะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสูบบุหรี่ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญของเยาวชนกลุ่มนี้ จึงเป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการอย่างจริงจัง เพื่อป้องกันและแก้ไขปัจจัยเสี่ยงด้านสุขภาพ สร้าง "แนวร่วมใหม่" ให้เกิดการชักชวนเพื่อนเลิกบุหรี่ และสร้างแกนนำเยาวชนจิตอาสาลดปัจจัยเสี่ยงเพื่อขับเคลื่อนกิจกรรมร่วมกับชุมชน
ปลายปี 2563 สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จึงได้สนับสนุนให้มีการดำเนินโครงการสานพลังเครือข่ายเยาวชนอาชีวะลดปัจจัยเสี่ยงในสถานศึกษาและชุมชน 5 จังหวัดนำร่อง ได้แก่ จังหวัดตาก สุโขทัย อุตรดิตถ์ พิจิตร และพิษณุโลก โดยมีแนวคิดมาจากปัจจัยสามข้อ คือ 1. เพื่อพัฒนาความเข้มแข็งของเยาวชนให้มีความเข้าใจสถานการณ์การสูบบุหรี่และปัจจัยเสี่ยง มีวุฒิภาวะในการแสดงออกเพื่อรณรงค์กิจกรรมลดการสูบบุหรี่และปัจจัยเสี่ยงในกลุ่มอาชีวศึกษา 2.เพื่อให้สถาบันการศึกษาพัฒนานโยบายและมาตรการลดปัจจัยเสี่ยงในกลุ่มเยาวชนอย่างยั่งยืน
และ 3. เพื่อให้เกิดการสานพลังเครือข่าย ให้เยาวชนได้มีส่วนร่วมกับชุมชนและภาคส่วนอื่นที่เกี่ยวข้องมากขึ้น เพราะที่ผ่านมาในกลุ่มเยาวชนในสถาบันอาชีวศึกษา สามารถเข้าถึงบุหรี่และปัจจัยเสี่ยงได้ง่าย เนื่องจากเป็นวัยที่ใกล้เข้าสู่ผู้ใหญ่ และถูกสภาพแวดล้อมชักจูงและตกเป็นเหยื่อของบุหรี่และปัจจัยเสี่ยงได้โดยง่าย ซึ่งในส่วนของการลดจำนวนผู้สูบบุหรี่ในสถาบันอาชีวศึกษานั้น ได้ตั้งเป้าหมายไว้เบื้องต้นว่า จะต้องลดจำนวนผู้สูบบุหรี่ลงให้ได้ประมาณร้อยละ 20 และให้รับรู้ถึงสถานการณ์และความสำคัญของการงดสูบบุหรี่อีกร้อยละ 80
แม้กลไกของจังหวัดนำร่องทั้ง 5 จังหวัด จะแตกต่างกัน แต่จะมี "พี่เลี้ยง" ในระดับจังหวัด ซึ่งมีทั้งข้าราชการ เครือข่ายภาคประชาสังคม ที่มีบทบาทในการเป็นผู้ประสานงานกับสถานศึกษา ทำความเข้าใจกับผู้บริหารและคณาจารย์ในการนำทรัพยากรจากส่วนกลาง ทั้งงบประมาณ ข้อมูล สื่อการรณรงค์ เสริมสร้างให้เป็นกลไกหลักของสถานศึกษาต่าง ๆ ให้มีการกิจกรรมรณรงค์ที่เกิดจากกลุ่มเยาวชนเป็นหลัก สร้างความตระหนักรู้ให้เกิดขึ้นภายในสถานศึกษา ด้วยกระบวนการสร้างแกนนำในระดับเยาวชนจากสถาบันอาชีวศึกษา ให้เกิดระบบแบบเพื่อนช่วยเพื่อน และพร้อมขับเคลื่อนงานลดปัจจัยเสี่ยงในชุมชนด้วย และได้เห็นผลงานที่เป็นรูปธรรมมากขึ้นทั้ง 5 จังหวัด
นายชาติรัฐ เครือหงส์ ผู้ประสานโครงการฯ กล่าวถึงการขับเคลื่อนงานในสถานศึกษาและชุมชน 5 จังหวัดนำร่อง ว่า พื้นที่แรกคือจังหวัดพิจิตร เริ่มจากวางโครงสร้างในปีแรกโดยการสร้างแกนนำเครือข่ายเยาวชนลดปัจจัยเสี่ยงในสถาบันอาชีวศึกษา 3 แห่งคือ วิทยาลัยเทคนิคพิจิตร วิทยาลัยสารพัดช่างพิจิตร และวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีพิจิตร เพื่อให้เกิดเครือข่ายในการทำกิจกรรมร่วมกัน พร้อมสร้างกลไกคณะทำงานในวิทยาลัยแต่ละแห่ง ซึ่งจะมีทั้งผู้บริหารและกลุ่มนักศึกษาของวิทยาลัยเข้ามาทำงานร่วมกัน โดยได้รับการหนุนเสริมจากพี่เลี้ยงและผู้ประสานงานส่วนกลางอย่างต่อเนื่อง และจะเริ่มจัดเก็บข้อมูลที่เกี่ยวข้องตั้งแต่เดือนสิงหาคมนี้เป็นต้นไป ซึ่งเป็นช่วงเปิดภาคเรียน
พื้นที่ต่อมาคือจังหวัดตาก ซึ่งเป็นการต่อยอดการขับเคลื่อนงานเยาวชนอาชีวะลดปัจจัยเสี่ยงที่มีการดำเนินงานในพื้นที่อยู่แล้ว โดยในปีนี้มีการขับเคลื่อนในสถาบันอาชีวศึกษา 3 แห่ง คือ วิทยาลัยเทคนิคตาก วิทยาลัยการอาชีพบ้านตาก และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนาวิทยาเขตตาก ได้ยกระดับแกนนำของเยาวชนให้มากขึ้น พัฒนาศักยภาพการออกแบบเครื่องมือกิจกรรมให้มีแกนนำเยาวชนรุ่นที่สอง มีการถ่ายทอดข้อมูลจากรุ่นสู่รุ่นให้มีแกนนำที่ดำเนินกิจกรรมลดปัจจัยเสี่ยงกันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะรณรงค์ทำความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายของบุหรี่ กับร้านค้ารอบสถานศึกษา ร้านค้าในชุมชน และสถานที่ราชการในละแวกใกล้เคียง พร้อมกับการสื่อสารผ่านรายการสถานีวิทยุ ซึ่งเป็นเครือข่ายที่ได้รับการสนับสนุนจากมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ ดำเนินกิจกรรมแกนนำคนรุ่นใหม่ในพื้นที่จังหวัดตาก และพร้อมดำเนินงานร่วมกับชุมชนกลุ่มชาติพันธุ์ ในเรื่องการรณรงค์ลดละเลิกบุหรี่อีกด้วย
ส่วนในจังหวัดพิษณุโลก มีสถาบันอาชีวศึกษาที่สนใจเข้าร่วมโครงการ 3 แห่ง ได้แก่ วิทยาลัยสารพัดช่างพิษณุโลก วิทยาลัยเทคนิคสองแควพิษณุโลก และวิทยาลัยการอาชีพนครไทย ซึ่งได้พัฒนาความเข้มแข็งของกลุ่มเยาวชนให้แข็งแกร่งมากกว่าเดิม ให้กลุ่มเยาวชนในอาชีวศึกษาเป็นแกนนำของจังหวัดที่ช่วยรณรงค์ลดปัจจัยเสี่ยงที่ทำงานร่วมกับชุมชน ให้เกิดขับเคลื่อนงานร่วมกันนอกเหนือจากการดำเนินโครงการในสถานศึกษา มีการทำงานร่วมกันกับกลุ่มภาคีเครือข่ายในระดับอำเภอ สานพลังเครือข่ายชุมชนจากตำบลลดปัจจัยเสี่ยง ในพื้นที่ 4 ตำบลของอำเภอพรหมพิราม คือ ตำบลวังวน ศรีภิรมย์ หนองแขม และหอกลอง ทำให้เกิดนวัตกรรมขึ้น เช่น โครงการธนาคารลดปัจจัยเสี่ยงตำบลวังวน
ซึ่งในปีนี้จะมีการนำเยาวชนอาชีวะลดปัจจัยเสี่ยง เข้าไปแลกเปลี่ยนเรียนรู้และมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนมาตรการชุมชน ตลอดจนการขยายพื้นที่ชุมชนลดปัจจัยเสี่ยง และการสร้างคนต้นแบบ พร้อมกับนำเยาวชนเข้าร่วมโครงการการลงพื้นที่ชุมชนอำเภอพรหมพิราม รวมทั้งการชวนพระสงฆ์ลดละเลิกบุหรี่ เนื่องจากทราบข้อมูลในเบื้องต้นว่า พระสงฆ์ทั้งหมด 422 รูป มีพระสงฆ์ที่สูบบุหรี่ จำนวน 83 รูป และมีความประสงฆ์ที่จะเข้าสู่โครงการลดละเลิก จำนวน 35 รูป ซึ่งถือเป็นการต่อยอดโครงการจากกลุ่มเด็กและเยาวชนลงสู่ชุมชนอย่าเป็นรูปธรรมมากขึ้น
ขณะที่จังหวัดสุโขทัย ซึ่งผู้ประสานงานมีความสนใจด้านดนตรี จึงนำมาเป็นเครื่องมือในการรณรงค์ ใช้ความสนใจของแกนนำเยาวชนเป็นหลัก โดยมีเยาวชนจากวิทยาลัยการอาชีพศรีสำโรง และวิทยาลัยการอาชีพศรีสัชนาลัย ใช้ดนตรีเป็นสื่อ เล่นดนตรีเปิดหมวดตามตลาดนัดและถนนคนเดินในจังหวัดสร้างบรรยากาศ เพื่อเป็นการดึงดูดเยาวชนออกจากพื้นที่เสี่ยง เพื่อหลีกเลี่ยงบรรยากาศในร้านจำหน่ายสุราหรือร้านอาหารที่มีการสูบบุหรี่เป็นจำนวนมาก ให้หันมาเล่นดนตรีในพื้นที่สาธารณะแทน จะช่วยได้มากยิ่งขึ้น พร้อมกับมีรายได้และสร้างความภาคภูมิใจให้กับเยาวชนที่เข้าร่วมโครงการนี้
ซึ่งเงินที่ได้จากการเล่นดนตรีเปิดหมวกตามงานต่างๆ นั้น ได้นำไปบริจาคและให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ป่วยติดเตียงที่ได้รับผลกระทบจากการสูบบุหรี่ในพื้นที่อำเภอเมือง ศรีสำโรง ศรีสัชนาลัย สวรรคโลก ซึ่งโครงการนี้มีการปลุกจิตสำนึกสร้างความตระหนักทางอ้อมให้กับเยาวชนได้เป็นอย่างดี พร้อมกันนี้ยังมีการให้แต่งเพลงรณรงค์เพื่อให้เห็นถึงความสำคัญของการลดบุหรี่และสุรา ทั้งในกลุ่มเด็กปฐมวัยและเพื่อนวัยเดียวกัน ช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งของโครงการได้เป็นอย่างดี
ด้านจังหวัดอุตรดิตถ์ ได้เริ่มการขับเคลื่อนในสถาบัน 2 แห่ง คือ วิทยาลัยเทคนิคอุตรดิตถ์ และ วิทยาลัยเทคโนโลยีอุตรดิตถ์ ที่ได้ดำเนินงานด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดและบุหรี่ในเยาวชน (วิทยาลัยสีขาว) มาอย่างต่อเนื่อง เพราะถือเป็นนโยบายหลักของวิทยาลัยมาโดยตลอด โดยผู้ประสานงานได้เริ่มการสร้างจุดเชื่อมต่อการรณรงค์ของสถาบันทั้งสองแห่งให้เกิดความต่อเนื่อง โดยนำพาองค์ความรู้ ทรัพยากรด้านสื่อ และงบประมาณ ให้กับวิทยาลัยทั้งสองแห่ง ให้เกิดการดำเนินงานจนเป็นรูปธรรม
ที่ผ่านมามีโครงการให้เยาวชนเข้าสู่การบำบัดและเลิกเสพกัญชาได้ถึง 84 คน ซึ่งเป็นผลจากการต่อยอดโครงการของวิทยาลัย พร้อมกันนี้ ยังจะเชื่อมต่อกับโรงเรียนระดับมัธยมศึกษาให้ข้ามาเป็นเครือข่าย เนื่องจากมีกลุ่มเป้าหมายเยาวชนในอนาคต ที่จะเข้ามาเป็นนักศึกษาในสถาบันอาชีวศึกษาทั้งสองแห่งด้วยเช่นกัน โดยมีโรงเรียนที่สนใจนำร่องเข้ามาจำนวน 5 แห่งแล้ว
นายชาติรัฐ กล่าวด้วยว่า ผลตอบรับจากโครงการทั้ง 5 จังหวัด คือ วิทยาลัยอาชีวศึกษาแต่ละแห่ง ให้ความสนใจในประเด็นลดจำนวนผู้สูบบุหรี่มากขึ้น เพราะที่ผ่านมาโครงการลดจำนวนผู้สูบบุหรี่ในกลุ่มเยาวชน จะเน้นไปที่โรงเรียนมัธยมศึกษาเป็นหลัก ทำให้กลุ่มอาชีวศึกษาเข้าไม่ถึงโครงการที่ช่วยลดผู้สูบบุหรี่ แต่เมื่อมีโครงการเหล่านี้ก็ถือว่ามีส่วนช่วยได้มากขึ้น จากการจัดสรรทรัพยากรจากส่วนกลางที่ลงไปให้ความช่วยเหลือได้มากกว่าเดิม พร้อมระบุว่า สิ่งที่มีความสำคัญมากที่สุดของโครงการลดจำนวนผู้สูบบุหรี่ในสถาบันอาชีวศึกษา คือ ผู้บริหารต้องให้ความสำคัญอย่างจริงจัง ทำงานร่วมกับพี่เลี้ยงในระดับต่างๆ ได้เป็นอย่างดี พร้อมร่วมกับขับเคลื่อนโครงการต่างๆ ด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี