วันที่ 20 กรกฎาคม 2564 ที่ จ.อุทัยธานี นอกจากชาวบ้านจะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งเกิดขึ้นกับคนแล้ว ในขณะนี้ ยังเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสในพืช อีกด้วย โดยเกิดขึ้นในแปลงปลูกมันสำปะหลังของเกษตรกร ทำให้เกิดโรคใบด่าง ส่งผลให้ผลผลิตเสียลดลงหรือเสียหาย 80-100 เปอร์เซ็นต์ พบแพร่ระบาดแล้วใน 4 อำเภอ พื้นที่ระบาด 1,086 ไร่
ล่าสุดสำนักงานเกาตร จ.อุทัยธานี ได้นำ จนท.และผู้นำชุมชน รวมทั้งเกษตรกร ร่วมกันทำลายแปลงปลูกมันสำปะหลังของนายบรรทม มาขำ อายุ 63 ปี เกษตรกร อยู่บ้านเลขที่ 52 หมู่ที่ 3 บ้านใหม่คลองไทร ต.เมืองการุ้ง อ.บ้านไร่ ที่เป็นโรคใบด่าง บนเนื้อที่ 16 ไร่ ในขณะที่แปลงปลูกมันสำปะหลัง มีอายุเพียง 45 วัน เท่านั้น
จึงจำเป็นต้องทำลายทิ้งทั้งหมด เพื่อป้องกันแพร่ระบาดไปยังแปลงเกษตรกรรายอื่นๆ ส่วนวิธีการทำทำลายจะใช้รถไถนา ทำการไถทิ้งทั้งแปลงที่พบการแพร่ระบาด จากนั้นจะใช้โรตารี่สับต้นพันธุ์ให้ละเอียดไถกลบลงไปในดินอีกครั้งหนึ่ง รวมทั้งยังใช้วิธีถอนต้นทิ้ง นำใส่ถุงพลาสติก นำไปตากแดดอีก 7 วัน เพื่อฆ่าเชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรคพืช
ด้านนายบรรทม มาขำ เกษตรกร ผู้ปลูกมันสำปะหลัง ได้กล่าวว่า ปลูกมันสำปะหลังติดต่อกันมาเป็นปีที่ 3 แล้ว โดยซื้อท่อนพันธุ์มาจากเกษตรกรด้วยกันที่ อ.ห้วยคต จ.อุทัยธานี เป็นพันธุ์ 89 ในแต่ละปีจะให้ผลผลิตไร่ละ 4,000 กก. พร้อมกับจะเก็บท่อนพันธุ์ไว้ปลูกเอง แต่ในปีนี้ต้องประสบกับปัญหาการแพร่ระบาดของโรคใบด่าง เป็นปีแรก ทำให้ต้องตัดใจไถทำลายไถทิ้งทั้งหมด เพื่อตัดวงจรการแพร่ระบาด ไม่ให้ลุกลามไปยังแปลงของเกษตรกรรายอื่นๆ อีกทั้งหากปล่อยทิ้งไว้ก็จะไม่ได้ผลผลิต เนื่องจากผลผลิตจะเสียหาย 80-100 เปอร์เซ็นต์ ด้วยกัน ทำให้ต้องขาดทุน
เนื่องจากต้องลงทุนไร่ละ 4,000 บาทด้วยกัน ถ้าสภาพปกติไม่เกิดการแพร่ระบาดของโรคใบด่างก็จะมีรายได้จากการจำหน่ายหัวมันสำปะหลังสด ปีละ 120,000 บาท โดยภาคราชการจะชดเชยการช่วยเหลือเป็นเงินสดให้ไร่ละ 2,160 บาท รวมทั้งท่อนพันธุ์มันสำปะหลังปลอดโรค ให้อีก 500 ลำต่อไร่ ก็พึงพอใจกับมาตรการการช่วยเหลือในครั้งนี้
โดย นส.จุฑามาศ กลิ่นเกล้า นักวิชาการส่งเสริมการเกษตร ชำนาญการ สำนักงานเกษตรจ.อุทัยธานี ได้เปิดเผย ว่า ในฤดูการผลิตมันสำปะหลัง ปี 2564 จังหวัดอุทัยธานี มีพื้นที่ปลูกมันสำปะหลัง 380,000 ไร่ โดยปลูกใน 8 อำเภอ ถือเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของจังหวัด ที่สร้างรายได้ให้แก่เกษตรกร เนื่องจากเป็นพืชทนแล้ง ต้องการน้ำน้อย เป็นที่นิยมปลูกของเกษตรกร
ส่วนสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคใบด่าง เกิดขึ้นแล้วใน 4 อำเภอ ประกอบด้วย อ.บ้านไร่ อ.ลานสัก อ.ห้วยคต อ.ทัพทัน พื้นที่ 1,086 ไร่ จำนวน 102 แปลง ทำให้ต้องเร่งทำลายแปลงปลูกมันสำประหลัง อย่างเร่งด่วน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด ไม่ให้ขยายวงกว้าง ขณะนี้ได้เร่งทำลายไปแล้ว 894 ไร่ จำนวน 92 แปลง
ส่วนวิธีการทำลายที่แนะนำ ก็คือ 1.การถอนทำลายใส่ถุงดำ นำไปตากแดด 7 วัน เพื่อฆ่าเชื้อไวรัส 2.ใช้รถไถแล้วบดสับตากแดดทิ้งไว้ในแปลง 3.ขุดหลุมฝังกลบ ให้ลึกไม่น้อยกว่า 3 เมตร ส่วนมาตรการการช่วยเหลือของภาครัฐ จะชดเชยเป็นเงินสดให้เกษตรกรไร่ละ 2,160 บาท และการสนับสนุนท่อนพันธุ์มันสำปะหลังปลอดโรคให้แก่เกษตรกร ไร่ละ 500 ต้น ส่วนในฤดูกาลผลิตปี 2563 ที่ผ่านมา จ.อุทัยธานี ก็ประสบปัญหาการแพร่ระบาดของโรคใบด่าง เช่นกัน เป็นพื้นที่ 1,000ไร่
ส่วนสาเหตุของโรคใบด่างมันสำปะหลัง เกิดจากเชื้อไวรัสชนิดหนึ่ง ที่ติดมาจากท่อนพันธุ์ที่เป็นโรคใบด่าง ซึ่งเกษตรกรซื้อมา จากแหล่งที่มีการแพร่ระบาด พบประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ และเกิดจากแมลงหวีขาวยาสูบ เป็นพาหนะนำโรค ด้วยการไปดูดน้ำเลี้ยงจากต้นที่เป็นโรคแล้วนำเชื้อไวรัสไปแพร่เชื้อต้นอื่นๆ ภายในแปลงปลูกอีกครั้งหนึ่ง พบประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์
สำหรับแมลงหวี่ขาวยาสูบ เป็นแมลงปากดูด สามารถอพยพบินตามกระแสลม ไปได้ไกลหลายกิโลเมตร ส่วนลักษณะอาการของโรคใบด่างก็คือ ใบจะด่างเขียวซีดสลับเขียวเข้ม ด่างเหลืองสลับเขียว ใบหงิกใบย่อยบิดเบี้ยวหงิกงอ โค้งเสียรูปทรง ต้นแคระแกรน ไม่เจริญเติบโต ผลผลิตลดลง 80-100 เปอร์เซ็นต์
ผู้สื่อข่าว รายงานเพิ่มเติมมาด้วยว่า สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคใบด่างของประเทศ ขณะนี้พบการแพร่ระบาดของโรคใบด่างมันสำปะหลังแล้ว ในพื้นที่ 24 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดกาญจนบุรี กำแพงเพชร ขอนแก่น จันทบุรี ฉะเทริงเทรา ชลบุรี ชัยนาท ชัยภูมิ นครราชสีมา นครสวรรค์ น่าน บุรีรัมย์ ปราจีนบุรี เพชรบูรณ์ มหาสารคาม มุกดาหาร ระยอง ลพบุรี สุพรรณบุรี สุรินทร์ สระแก้ว สระบุรี อุตรดิตถ์ และอุทัยธานี จำนวน 187,508 ไร่
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี