เกษตรกรบ้านเกาะแกด ตำบลโพธิ์ไทร อำเภอโพธิ์ไทร จังหวัดอุบลราชธานี รวมตัวกันกว่า 100 ชีวิต เลี้ยงกระบือแบบประณีต เน้นการบริหารจัดการกลุ่มแบบมีส่วนร่วมของสมาชิก พัฒนาคุณภาพการเลี้ยงตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ให้เป็นที่ต้องการของตลาด ลดปัญหาถูกกดราคา สร้างรายได้ให้สมาชิกกว่า 60,000 บาทต่อรายต่อปี ส่งผลให้ได้รับรางวัลโล่พระราชทาน ประเภทกลุ่มเกษตรกรเลี้ยงสัตว์ดีเด่น ปี 2564
นายสุนทร ทองแสน ประธานกลุ่มเกษตรกรเลี้ยงสัตว์เกาะแกด เปิดเผยว่า กลุ่มจัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2548 ภายใต้การส่งเสริมของกรมส่งเสริมสหกรณ์ มีสมาชิกแรกตั้งจำนวน 30 คน ส่วนใหญ่มีอาชีพ ทำไร่ทำนา เป็นหลัก และเลี้ยงกระบือเป็นอาชีพเสริม โดยผู้ที่จะสมัครเข้ามาเป็นสมาชิกกลุ่มจะต้องชำระค่าแรกเข้า 30 บาท และจะต้องชำระเงินหุ้นปี 300 บาท เพื่อใช้สำหรับการบริหารจัดการกลุ่ม ซึ่งในระยะแรกของการตั้งกลุ่ม ได้รับความอนุเคราะห์กระบือแม่พันธุ์ 16 แม่พร้อมลูกติด จำนวน 16 ตัว จากงบประมาณCEO จังหวัดอุบลราชธานี โดยกลุ่มจะให้สมาชิกยืมกระบือแม่พันธุ์ไปเลี้ยง และเมื่อได้ลูกกระบือที่หย่านมแล้ว ลูกกระบือจะเป็นกรรมสิทธิ์ของสมาชิก ส่วนกระบือแม่พันธุ์จะคืนให้กับกลุ่ม เพื่อหมุนเวียนให้กับสมาชิกรายอื่นนำไปเลี้ยงต่อ
ต่อมาในปี 2559 ทางกลุ่มได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากกระทรวงมหาดไทยสำหรับจัดซื้อกระบือแม่พันธุ์เพิ่มเติมอีกจำนวน40 ตัว แต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของสมาชิก ทางกลุ่มจึงขอสนับสนุนงบประมาณเพิ่มเติมจากโครงการอนุรักษ์และพัฒนากระบือเพื่อให้สมาชิกกู้ในอัตราดอกเบี้ยต่ำรายละ100,000 บาท สำหรับนำไปซื้อกระบือแม่พันธุ์มาเลี้ยง โดยทางกลุ่มมีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบันมีสมาชิกเพิ่มขึ้นเป็น 169 รายและมีจำนวนกระบือ ทั้งสิ้น 415 ตัว (ข้อมูล ณ เดือนกรกฎาคม 2564)
รูปแบบการดำเนินงานของกลุ่ม จะจัดตั้งคณะกรรมการ และอนุกรรมการของแต่ละภารกิจ โดยมีกรมส่งเสริมสหกรณ์เป็นผู้ให้คำแนะนำในงานบริหารจัดการกลุ่มเพื่อความเข้มแข็ง โดยกลุ่มจะมีระเบียบข้อบังคับที่เอื้อต่อความสำเร็จของกลุ่มและสมาชิกทุกคนยอมรับ ส่วนคณะกรรมการบริหารกลุ่ม จะแบ่งหน้าที่ตามความถนัด มีการจัดทำแผนการดำเนินงานประจำทุกปี มีการกำหนดแผนมาตรฐานการดำเนินงานของกลุ่ม เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติงานของสมาชิก มีการประชุมใหญ่สามัญประจำปี เพื่อเลือกตั้งคณะกรรมการดำเนินการ และมีการกำหนดอำนาจหน้าที่ของกรรมการ ในการกำกับ ดูแล ควบคุมงานที่ชัดเจนและเหมาะสม มีการแบ่งแยกหน้าที่ระหว่างบุคคล โดยจัดให้มีการตรวจสอบความถูกต้องระหว่างกัน ไม่ให้บุคคลคนเดียวปฏิบัติงานตั้งแต่ต้นจนจบ เพื่อป้องกันความเสี่ยงต่อข้อผิดพลาด มีการแบ่งงานตามธุรกิจเพื่อลดช่องว่างและการทำงานซ้ำซ้อน มีการประชุมวางแผนการดำเนินงานประจำปีและกำหนดงบประมาณรายจ่ายประจำปี
นอกจากการบริหารจัดการกลุ่มที่ดีแล้ว นายสุนทรบอกว่าในเรื่องของการบริหารจัดการ การเลี้ยงกระบือ ก็เป็นอีกหัวใจหลักที่ทางกลุ่มให้ความสำคัญตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ด้วยการส่งเสริมให้
สมาชิกเลี้ยงกระบือแบบประณีต ซึ่งหมายถึงปรับเปลี่ยนจากการเลี้ยงแบบปล่อยธรรมชาติมาเข้าสู่ระบบฟาร์มปลอดโรคตามหลักการบริหารจัดการฟาร์มที่เหมาะสม มีแปลงปลูกหญ้าอาหาร มีหนองน้ำเพียงพอมีการจัดการด้านอาหารที่เหมาะสม รวมถึงมีหลักการพัฒนาปรับปรุงพันธุ์ที่ดี มีการคัดเลือกสายพ่อพันธุ์ดีจากเทคโนโลยีการผสมเทียมมาบริการสมาชิก ให้บริการดูแลรักษาสุขภาพกระบือของสมาชิก โดยอาสาปศุสัตว์ประจำกลุ่มที่ผ่านการอบรมจากกรมปศุสัตว์ และมีกองทุนยาเวชภัณฑ์เพื่อให้บริการด้านสุขภาพสัตว์ เช่น การฉีดวัคซีนป้องกันโรค การรักษากระบือป่วยเบื้องต้น การสนตะพาย เป็นต้น
ทั้งนี้ จากการดำเนินงานของกลุ่มที่เป็นระบบและเน้นการมีส่วนร่วมของสมาชิก ส่งผลให้กลุ่มสามารถผลิตกระบือที่มีคุณภาพและเป็นที่ต้องการของตลาด สามารถต่อรองราคากับพ่อค้าได้ โดยในแต่ละปี กลุ่มจะเปิดจำหน่ายกระบือเพียง 2 ครั้ง คือช่วงเดือนสิงหาคมและเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งจะเป็นกระบือเพศผู้และกระบือแก่ โดยมีอนุกรรมการกลุ่มด้านการตลาด เป็นผู้ตั้งราคากลางและเปิดให้ผู้รับซื้อประมูล ผู้รับซื้อรายใดให้ราคาประมูลสูงสุดจึงจะมีสิทธิ์ซื้อกระบือจากกลุ่มไป นอกจากนี้ กลุ่มยังมีการจัดตั้งธนาคารปุ๋ยมูลสัตว์ รวบรวมมูลกระบือจากสมาชิกที่เลี้ยง เพื่อนำไปผลิตปุ๋ยอินทรีย์คุณภาพ จำหน่ายให้กับสมาชิกและบุคคลทั่วไป เป็นการลดรายจ่ายเพิ่มรายได้ให้กับทั้งสมาชิกและกลุ่มอีกด้วย
สุนทร ทองแสน
“การบริหารจัดการกลุ่มที่เป็นระบบ และเน้นการมีส่วนร่วมของสมาชิก ที่ให้ความร่วมมือในการดำเนินงานของกลุ่มเป็นอย่างดีและมีการแบ่งหน้าที่ของกรรมการและคณะทำงานที่ชัดเจน ทำให้การบริหารกลุ่มมีความเข้มแข็งในอาชีพการเลี้ยงกระบือ จนสามารถสร้างรายได้ (กำไร) ให้กับสมาชิกได้ไม่น้อยกว่ารายละ 50,000-60,000 บาทต่อปี ถือเป็นรายได้ที่มั่นคง สามารถส่งลูกหลานเรียนหนังสือ มีคุณภาพชีวิตที่ดี ในขณะที่กลุ่มเองก็มีความมั่นคง มีรายได้ มีกำไร มีทุนดำเนินงานมีหุ้นและเงินออมทรัพย์เพิ่มมากขึ้น ตลอดจนทรัพย์สินของกลุ่มเกษตรกรก็เพิ่มขึ้นด้วยสามารถจ่ายเงินปันผลคืนให้กับสมาชิกได้ ทำให้สมาชิกเกิดความเชื่อมั่นและศรัทธาต่อกลุ่ม เกิดความร่วมมือกันในด้านอื่นๆต่อไป” นายสุนทร กล่าวทิ้งท้าย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี