เข้าเกณฑ์อภัยโทษ! ปล่อยนักโทษพ้นเรือนจำ 35,000 คน "สรยุทธ"ปลดกำไลอีเอ็มพรุ่งนี้ ด้าน"ตู่ จตุพร"พ้นคุกส.ค. ขณะที่แก๊งทุจริตจำนำข้าว"บุญทรง-ภูมิ-เสี่ยเปี๋ยง"ได้ลดวันต้องโทษ 1 ใน 3 เช่นเดียวกัน"จุฑามาศ-ลูกสาว"ได้ลดวันต้องโทษด้วย
เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2564 แหล่งข่าวจากกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่า สำหรับผู้ต้องขังที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ในวันที่ 28 ก.ค.จากเรือนจำ 143 แห่งทั่วประเทศ มีจำนวน 35,000 คน ซึ่งขณะนี้ทุกเรือนจำอยู่ระหว่างการตรวจสอบรายชื่อผู้ต้องขังที่อยู่ในเงื่อนไขได้รับพระราชทานอภัยโทษ เพื่อส่งให้คณะกรรมการตรวจสอบผู้ซึ่งได้รับพระราชทานอภัยโทษพิจารณาก่อนปล่อยตัว
ซึ่งครั้งมีคนดังที่เข้าเงื่อนไขได้รับพระราชทานอภัยโทษกรณี เป็นผู้ที่ได้รับการปล่อยตัวคุมประพฤติ คือ นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ซึ่งก่อนหน้านี้ นายสรยุทธ ได้รับพระราชทานอภัยโทษมาแล้ว 2 ครั้ง และเข้าเงื่อนไขการพักโทษเป็นกรณีพิเศษ จึงได้รับการติดกำไลอีเอ็ม เป็นเวลา 14 เดือน ตั้งแต่วันที่ 14 มี.ค.64 ถึง 20 พ.ค.65 และต้องรายงานตัวจนกว่าจะพ้นโทษ คือ วันที่ 26 ก.ค.66 รวม 2 ปี 4 เดือน ก็จะพ้นโทษและได้รับการปลดกำไรอีเอ็มทันที โดยพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ในวันพรุ่งนี้ (28 ก.ค.) นอกจากนี้ ยังมี นายจตุพร พรหมพันธุ์ ที่เข้าเกณฑ์เหลือโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี และจะได้รับการปล่อยในเดือนสิงหาคมนี้ หลังจากเข้ารับการอบรมโคกหนองนาโมเดล
อย่างไรก็ตาม นอกจากนี้ ยังมีผู้ต้องขังบิ๊กเนม ที่ได้รับการพระราชทานอภัยโทษ ลดโทษ เช่น นางจุฑามาศ ศิริวรรณ อดีตผู้ว่าการท่องเที่ยว ที่มีโทษจำคุก 50 ปี ได้ลดวันต้องโทษเหลือโทษจำคุก 17 ปี , น.ส.จิตติโสภา ศิริวรรณ บุตรสาวนางจุฑามาศ คดีรับสินบน 60 ล้านบาท จัดเทศกาลภาพพยนต์นานาชาติกรุงเทพ โทษจำคุก 40 ปี
นายภูมิ สารผล ผู้ต้องขังคดีทุจริตจำนำข้าว โทษจำคุก 38 ปี ได้ลงวันต้องโทษ 1 ใน 3 เหลือโทษจำคุก 13 ปี , นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ ผู้ต้องขังคดีจำนำข้าว โทษจำคุก 48 ปี แต่ได้ลดวันต้องโทษ 1 ใน 3 เหลือโทษจำคุก 16 ปี , นายครรชิต ทัพสุวรรณ อดีต ส.ส.ปชป.ได้ลดวันต้องโทษเหลือโทษจำคุก 11 ปี , นายอภิชาต จันทร์สกุลพร หรือเสี่ยเปี๋ยง โทษจำคุก 48 ปี คดีทุจริตจำนำข้าวได้ลดวันต้องต้องโทษ 1 ใน 3 เหลือโทษจำคุก 9 ปี
ทั้งนี้ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2564 พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานอภัยโทษแก่ผู้ต้องราชทัณฑ์ทั่วประเทศ ที่มีความประพฤติดีให้ได้รับการลดหย่อนผ่อนโทษ และปล่อยตัวตามพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ เพื่อให้โอกาสแก่บุคคลเหล่านั้นกลับประพฤติตนเป็นพลเมืองดีอันจะเป็นคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติสืบไป
โดยในครั้งนี้มีผู้ต้องราชทัณฑ์ที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษปล่อยตัว ตามพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ. 2564 คือ ผู้ต้องกักขัง ผู้ทำงานบริการสังคมหรือทำงาสาธารณประโยชน์แทนค่าปรับผู้ที่ได้รับการปล่อยตัวคุมประพฤติผู้ต้องราชทัณฑ์ที่เหลือโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี รวมถึงผู้พิการ ผู้ที่ป่วยเป็นโรคร้ายแรง และชราภาพ เป็นต้น และกลุ่มผู้ต้องราชทัณฑ์ที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษลดโทษ ได้แก่ ผู้ต้องราชทัณฑ์นอกเหนือจากกลุ่มแรก โดยจะได้การลดโทษในอัตราส่วนมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับชั้นและฐานความผิด
นอกจากนี้ พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ได้เพิ่มอาการของโรคที่เป็นเงื่อนไขสำหรับผู้เจ็บป่วยให้ครอบคลุมกับสภาวการณ์ปัจจุบันมากขึ้น โดยได้เพิ่มเติมถึงผู้ป่วยที่มีภาวะติดเตียงไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ รวมทั้งผู้เจ็บป่วยด้วยโรคอัมพาต โรคสมองเสื่อม โรคสมองพิการ โรคปอดอุดกั้นเรื้อรังขั้นรุนแรง โรคโลหิตจางจากไขกระดูกไม่สร้างเม็ดโลหิต และโรคตับวายเรื้อรัง เป็นต้น ตลอดจนให้ผู้เจ็บป่วยที่มีอายุไม่ต่ำกว่า 60 ปีบริบูรณ์ ที่จำเป็นต้องรักษาพยาบาลอย่างต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 1 ปี ในวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับให้อยู่ในข่ายได้รับการปล่อยตัวในครั้งนี้ด้วย
ในส่วนของผู้ต้องราชทัณฑ์ที่ไม่ได้รับพระราชทานอภัยโทษ ประกอบไปด้วย 1) ผู้กระทำความผิดซ้ำและไม่ใช่นักโทษเด็ดขาดชั้นเยี่ยม 2) นักโทษเด็ดขาดชั้นต้องปรับปรุงหรือชั้นต้องปรับปรุงมาก 3) ผู้กระทำความผิดในคดียาเสพติดรายใหญ่ ที่ได้รับโทษจำคุกภายหลังพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ.2564 (เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2563) และ 4) นักโทษประหารชีวิตที่เคยได้รับพระราชทานอภัยโทษแล้ว ทั้งนี้ พระราชกฤษฎีกานี้ ให้ใช้บังคับ ตั้งแต่วันที่ 28 กรกฎาคม 2564 เป็นต้นไป
โดยระบุให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 120 วัน นับแต่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับกรมราชทัณฑ์ได้ร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ และเอกชนองค์กรต่างๆ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมก่อนปล่อยให้กับผู้ต้องราชทัณฑ์ทุกคนที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษลดโทษ และจะพ้นโทษในคราวเดียวกันตามพระราชกฤษฎี กานี้จะต้องผ่านการอบรมโครงการเตรียมความพร้อมก่อนปล่อย โครงการพระราชทานในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว "โคกหนองนาแห่งน้ำใจและความหวัง กรมราชทัณฑ์" ที่มีการอบรมในหลัก สูตรฝึกปฏิบัติการเกษตรทฤษฎีใหม่ในพื้นที่ขนาดเล็กให้แก่ผู้ต้องขัง เพื่อให้มีความรู้ติดตัว สามารถนำไปประกอบอาชีพภายหลังพ้นโทษได้ ตลอดจนเป็นการเตรียมพร้อมรับความเปลี่ยนแปลงทางด้านต่างๆ รวมถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 อันจะเป็นพื้นฐานสำคัญในการเริ่มต้นชีวิตใหม่ และการใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวภายหลังพ้นโทษ
นอกจากนี้ ยังได้ร่วมมือกับเครือข่ายผู้ประกอบการ หรือห้างร้านบริษัทต่างๆ เพื่อเปิดใจและให้โอกาสผู้พ้นโทษที่ได้รับพัฒนาทักษะฝีมือเข้าทำงาน และร่วมเป็นหนึ่งพลังในการผลักดันให้ผู้พ้นโทษหลุดพ้นจากวังวนการกระทำผิด เกิดการพัฒนาตนเอง มีความหวัง และไม่หวนกลับไปกระทำผิดซ้ำอีก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี