กทม.แถลงสรุปสถานการณ์โควิดวิกฤตหนักผู้ป่วยเกิน 3 พันต่อวัน สั่งปรับเตียงรพ.สนามเป็นเหลืองทั้งหมด ทีม CCRT เร่งตรวจ ATK หาผู้ติดเชื้อเข้าระบบ HI เปิดศูนย์เบ็ดเสร็จที่กทม.2 ร่วมทหาร- สธ. บริหารจัดการเตียง ยอมรับอยู่ระหว่างการจัดซื้อวัคซีนโมเดอร์นา
29 ก.ค. 64 ร.ต.อ.พงศกร ขวัญเมือง โฆษกกรุงเทพมหานคร แถลงข่าว Online สถานการณ์โควิด-19 ในพื้นที่กรุงเทพฯ ร่วมแถลงข่าวโดยนพ.สุขสันต์ กิตติศุภกร ผู้อำนวยการสำนักการแพทย์ และ พญ.ป่านฤดี มโนมัยพิบูลย์ ผู้อำนวยการสำนักอนามัย
ร.ต.อ.พงศกร ขวัญเมือง โฆษกกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า สถานการณ์โควิด-19 ของกรุงเทพมหานคร วิกฤตตั้งแต่ต้นเดือนกรกฎาคมที่มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้น 2 วันที่ผ่านมา มีผู้ป่วยในพื้นที่กรุงเทพฯเพิ่มขึ้นเป็น 3,000 กว่าราย จากที่ช่วงก่อนหน้าอยู่ที่ 2,000 ราย ซึ่งในส่วนการรักษาผู้ป่วย กรุงเทพมหานครได้ขยายเพิ่มเตียงเหลืองแดง และศูนย์พักคอยฯ ที่ขณะนี้มี 59 ศูนย์ และเปิดไปแล้ว 30-40 ศูนย์ กรุงเทพมหานครทำงานร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขด้วยกันตลอดมาไม่ได้มีปัญหาขัดแย้งกัน การจัดการปัญหาโควิด-19 สำนักอนามัยโดยทีม CCRT จะต้องเร่งค้นหาผู้ป่วยเชิงรุกให้เร็ว สีเขียวเข้าระบบ HI : Home Isolation และแยกกัก สีเหลืองแดงนำส่งรักษา
ในส่วนของวัคซีนกรุงเทพมหานครได้รับแอสตราเซนเนก้าให้ระบบหมอพร้อม 1,220,000 โด๊ส ขณะที่ระบบไทยร่วมใจได้ล่าสุด 680,000 โด๊ส ซึ่งก่อนหน้าได้มา 2 แสน และ 5 แสนโด๊ส กรุงเทพมหานครมีความพร้อมฉีดวัคซีนให้ประชาชนตามที่ได้รับวัคซีนมา ซึ่งเป้าหมายในการควบคุมโรคให้ได้คือ ต้องฉีดให้ได้ 70% ทั้งนี้ ศักยภาพศูนย์ฉีดวัซีนของกรุงเทพมหานคร 25 จุด พร้อมฉีดได้วันละ 70,000 คน ไม่รวมกับโรงพยาบาล 132 แห่งที่บริการฉีดวัคซีนได้รวมวันละ 30,000 คน
ผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่กทม. จะจัดซื้อวัคซีนเอง ร.ต.อ.พงศกร กล่าวว่า สธ.แบ่งเป็น 2 กลุ่มคือวัคซีนที่รัฐจัดหา และวัคซีนทางเลือก กทม.มีความพร้อมและได้จัดซื้อวัคซีนทางเลือกแล้วบางส่วน อย่าง ซิโนฟาร์ม ใช้ในการฉีดในกลุ่มผู้ป่วยติดเตียง และอยู่ระหว่างการพูดคุยในเรื่องการจัดซื้อโมเดอร์นาในลำดับถัดไป ส่วนการกระจายวัคซีน คงไม่มีการปรับแผน โดยกทม.ทำตามนโยบายมาตลอด เร่งฉีดกลุ่มผู้สูงอายุและ7 กลุ่มโรค และผู้ที่มีความเสี่ยง และมีเป้าหมายฉีดให้ครอบคลุมร้อยละ 70 ซึ่งศักยภาพของศูนย์ฉีดได้ 7-8 หมื่นต่อวัน หากได้วัคซีนเพิ่มเราก็มีศักยภาพที่จะฉีดเพิ่มได้
ส่วนกลุ่มที่ไปรอฉีดสถานีกลางบางซื่อจำนวนมากจนเกิดภาพความแออัดในส่วนนี้กทม. สามารถเข้าไปช่วยได้หรือไม่นั้น ร.ต.อ.พงศกร กล่าวว่า กทม.เป็นแค่หนึ่งคณะกรรมการกระจายวัคซีน ไม่ได้มีอำนาจในการตัดสินใจ ว่าใครจะได้รับวัคซีนเท่าไร กทม.พร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือในการฉีดวัคซีน ในสถานีกลางบางซื่อซึ่งมีภาพความแออัด และอาจจะมีความเสี่ยงต่อการระบาด แต่ทั้งนี้อยู่ที่วิจารณญาณของสธ. ซึ่งเชื่อว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญที่สุดในการควบคุมการระบาด และรู้ว่าการกระจายวัคซีนและการบริหารจัดการควรเป็นอย่างไร เพื่อไม่ให้มีการแพร่ระบาด กทม. คงไปสั่งแทนไม่ได้ เพราะไม่มีอำนาจ แต่กทม.พร้อมเข้าไปช่วย
ด้าน พญ.ป่านฤดี มโนมัยพิบูลย์ ผู้อำนวยการสำนักอนามัย กล่าวว่า ขณะนี้ความรุนแรงของการแพร่ระบาดของโรคค่อนข้างคงที่ แนวโน้มจะไม่ขึ้นเป็นพีคสูงสุด แต่มีวิกฤตในทางการรักษา ซึ่งได้ปรับแผน เพิ่มระบบ CI ศูนย์พักคอย และระบบ (HI : Home Isolation) แยกกักตัวที่บ้าน โรงพยาบาลปรับแนวทางรักษาผู้ป่วย การจัดการปัญหาโควิด-19 ต้องเร่งค้นหาผู้ป่วยให้เร็ว เข้าระบบ HI เมื่อผลบวกติดเชื้อ เขียวจะให้ชุด HIดูแลตัวเองจ่ายยา และส่งอาหารให้โดยร่วมกับสมาคมภัตตาคารไทยจัดส่งอาหารให้ผู้ป่วย HI และนำส่งผู้ป่วยเหลืองแดงส่งรักษาให้เร็ว โดยทีมปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาโควิด-19 เชิงรุก Comprehensive Covid-19 Response Team (CCRT) ได้ลงพื้นที่ชุมชนค้นหาผู้ติดเชื้อ ตรวจหาเชื้อด้วยชุดตรวจ Antigen Test Kit (ATK) และฉีดวัคซีน แล้ว 1,800 ชุมชน จะลงครบ 2,016 ชุมชนตามที่จัดตั้ง ในสิ้นก.ค.นี้ และต้นส.ค. จะลงชุมชนที่ไม่ได้จัดตั้งตามทะเบียน รวมถึงกลุ่มผู้สูงอายุที่ต้องได้รับการดูแล นอกจากนี้ ยังคงติดตามควบคุมโรคในกลุ่ม แคมป์คนงานก่อสร้าง ยังมีระบาดใน 27 แคมป์ สำนักงานเขตได้ลงไปตรวจประเมินมาตรการ ผ่านเกณฑ์ 80-90% รวมถึงการควบคุมในตลาดยังคงติดตามอย่างเข้มงวด
นพ.สุขสันต์ กิตติศุภกร ผู้อำนวยการสำนักการแพทย์ กล่าวว่า ตามสถานการณ์ที่มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นมาก กรุงเทพมหานครได้ขยายศักยภาพเพิ่มเตียงแดง-เหลือง โดยโรงพยาบาลสังกัดกรุงเทพมหานครได้เพิ่มศักยภาพรักษาผู้ป่วยโควิด-19 เตียงแดงและเหลือง ขณะนี้ได้ใช้เกินศักยภาพเพิ่มเตียงไปหลายร้อยเตียง รวมถึง hospitel เกือบหมดแล้ว โดยได้ขยายศักยภาพโรงพยาบาลสนามของกรุงเทพมหานครทั้งหมด รวม 1,665 เตียงปรับเป็นเตียงเหลืองทั้งหมด ได้เพิ่มเครื่องผลิตออกซิเจนและทีมพยาบาลเข้าไปดูแลผู้ป่วย รวมถึงปรับศูนย์พักคอยฯ ให้เป็นโรงพยาบาลสนาม 1 ศูนย์ 1 กลุ่มเขต และโรงพยาบาลรามาธิบดีอีก 1 ศูนย์ รวมเป็น 7 ศูนย์ รับผู้ป่วยเหลืองเพิ่ม รวมแล้วจะเพิ่มเตียงเหลืองได้รวม 2,942 เตียง และขยายเตียงแดงในโรงพยาบาลผู้สูงอายุบางขุนเทียน และที่โรงพยาบาลสนามราชพิพัฒน์ รวม 37 เตียง
ทั้งนี้ จะมีการจัดตั้งศูนย์บริการจัดการจุดเดียว ที่ศาลาว่าการกทม.2 อาคารธานีนพรัตน์ บูรณาการความร่วมมือกรุงเทพมหานคร โดยสำนักการแพทย์ ศูนย์เอราวัณ สำนักอนามัย สำนักเทศกิจ กรมการแพทย์ และ หน่วยงานทหาร สปก. บริหารจัดการเตียงผู้ป่วย คัดกรองผู้ป่วย นำส่งรักษา ให้การดูแลและช่วยเหลือ โดยทุกหน่วยงานร่วมกันทำงานมุ่งให้ผู้ป่วยได้รักการรักษามากที่สุด โดยจะเปิดในเร็วๆนี้
"จากกระแสข่าวเครื่องผลิตออกซิเจนขาดแคลน ในส่วนโรงพยาบาลสังกัดกรุงเทพมหานคร สำนักการแพทย์ได้สั่งการจัดเตรียมสำรองออกซิเจนสำหรับผู้ป่วย ทุกโรงพยาบาลได้ดำเนินการมาร่วม 1 เดือนแล้ว ทั้งระบบจ่ายออกซิเจนผ่านระบบท่อนำส่ง และเครื่องผลิตออกซิเจน รวมถึงจัดซื้อเครื่องผลิตออกซิเจนไฟ้าใข้ในโรงพยาบาลสนามกทม. และสำรองถังออกซิเจนเพิ่มเติมทุกโรงพยาบาล ขณะนี้ไม่มีปัญหาออกซิเจนขาด"นพ.สุขสันต์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี