เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2564 นายแพทย์สุริยะ คูหะรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ประจวบคีรีขันธ์ ร่วมกับทีมแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลหัวหิน และทีม CDCU อำเภอหัวหิน ลงพื้นที่สำรวจความเหมาะสมของสถานที่เพื่อเตรียมพร้อมตั้ง รพ.สนาม ภายในแคมป์ก่อสร้างและที่พักคนงานของบริษัทพรีบิลท์ จำกัด (มหาชน) ซอยหัวหิน 94 เขตเทศบาลเมืองหัวหิน เพื่อรองรับการดูแลผู้ป่วยโควิด-19 ที่อาการน้อยหรือไม่รุนแรง ภายหลังตรวจพบคนงานติดเชื้อโควิด-19 แล้วทั้งสิ้นจำนวน 181 ราย จากแรงงานทั้งหมด 264 คน ก่อนที่ผู้ว่าราชการ จ.ประจวบฯ ประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดฯ มีคำสั่งปิดแคมป์คนงานดังกล่าวชั่วคราวรวม 14 วัน เพื่อควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 และทำความเข้าใจกับประชาชนที่อยู่ติดกับแคมป์ดังกล่าว

ขณะเดียวกัน พ.ต.อ.ไพทูล พรมเขียน ผกก.สภ.หัวหิน ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.จักรพัฒน์ จันทร์เที่ยง รอง ผกก.ป.สภ.หัวหิน พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจในชุดป้องกันโรคดำเนินการเคลื่อนย้ายตัวผู้ติดเชื้อโรคโควิด-19 จำนวน 2 คน จากแคมป์ก่อสร้างดังกล่าว นำส่ง รพ.สนาม รพ.หัวหิน เพื่อดำเนินการรักษาตัวต่อไป

พร้อมกันนี้ นายนพร วุฒิกุล นายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน มอบหมายให้ นายธงชัย เพ็ชรสงคราม สท.หัวหิน นำเจ้าหน้าที่กองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม ดำเนินการฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อบริเวณถนน สถานที่ราชการ ศูนย์อาหารบ้านคุณพ่อ และบ้านเรือนประชาชนที่อาศัยอยู่โดยรอบหรือใกล้เคียงแคมป์ก่อสร้างดังกล่าว เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน รวมถึงดำเนินการเรื่องน้ำเสียบริเวณกำแพงแคมป์คนงาน ขยะติดเชื้อที่กองไว้ด้านหน้าแคมป์นำไปจัดการอย่างถูกวิธี พร้อมกันนี้เจ้าหน้าที่กองสวัสดิการสังคม ลงพื้นที่ชุมชนโดยรอบแคมป์เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับการป้องกันตนเองในเบื้องต้น ทำการแจกหน้ากากอนามัยและเจลแอลกอฮอล์ และขอความร่วมมือประชาชนปฏิบัติตามมาตรการ D-M-H-T-T คือการเว้นระยะห่าง สวมหน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือ ตรวจวัดอุณหภูมิ และ สแกนแอปพลิเคชันไทยชนะเมื่อใช้บริการสถานที่ต่างๆ อย่างเคร่งครัด
สำหรับแคมป์คนงานบริษัทพรีบิลท์ จำกัด(มหาชน) ซอยหัวหิน 94 ได้ปิดเป็นการชั่วคราว ห้ามไม่ให้คนงานเข้า-ออกโดยเด็ดขาด ส่วนด้านหน้าแคมป์มีการปรับพื้นที่โดยโรงพยาบาลหัวหินได้ให้เจ้าหน้าที่มาติดตั้งห้องสุขาจำนวน 5 ห้อง เพื่อรองรับผู้ป่วยในโรงพยาบาลสนาม ขณะที่บริษัทฯติดตั้งเต้นท์พักให้บุคคลากรทางการแพทย์ และเจ้าหน้าที่เฝ้าติดตามอาการของแรงงานที่ติดเชื้อและกลุ่มเสี่ยงภายใน