วันที่ 6 สิงหาคม 2564 น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เปิดเผยว่า ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบให้ความช่วยเหลือบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาของ ในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือโควิด-19 ของโรงเรียนในสังกัด ศธ. และสังกัดอื่น ๆ เพื่อช่วยเหลือนักเรียน นักศึกษา ที่กำลังศึกษาอยู่ในสถานศึกษาสังกัด ศธ.ทั้งภาครัฐ และเอกชน ที่ได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐ และไม่ได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐ และสถานศึกษานอกสังกัด ศธ.ในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ชั้นอนุบาล-ม.6 และอาชีวศึกษา ในอัตรา 2,000 บาทต่อคน โดยจ่ายผ่านสถานศึกษา และให้สถานศึกษาจ่ายตรงให้นักเรียน นักศึกษา หรือผู้ปกครอง 11 ล้านคน วงเงิน 21,600 ล้านบาท นั้น ขณะนี้การดำเนินการต่าง ๆไม่มีปัญหาอะไร อยู่ระหว่างที่สำนักงบประมาณดำเนินการตรวจสอบรายละเอียดเพื่อทำการจัดสรรเงินให้กับศธ. ซึ่งตนมอบหมายให้นายสุภัทร จำปาทอง ปลัด ศธ. ไปดำเนินการเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด หากสำนักงานงบประมาณจัดทำรายละเอียดและจัดสรรเงินมาให้ ศธ.แล้ว จากนั้น ศธ.ก็จะทำการตรวจสอบข้อมูล เพื่อจัดสรรเงินงบประมาณลงไปยังสถานศึกษาทันทีคาดว่าภายในวันที่ 31 สิงหาคม – ต้นเดือนกันยายน นี้ สถานศึกษาจะได้รับเงิน และทำการโอนเงินเยียวยา จำนวน 2,000 บาท ให้นักเรียนและผู้ปกครองต่อไป
“ส่วนการจ่ายเงินนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กำชับมาว่า ศธ.ต้องเร่งดำเนินการลดความเดือดร้อนของนักเรียน และผู้ปกครองให้เร็วที่สุด ดังนั้น การจ่ายเงินจะต้องรวดเร็วด้วย ซึ่งศธ.ได้คิดหาวิธีการที่จัดส่งเงินให้รวดเร็วที่สุดแล้ว โดยพบว่าหากใช้ช่องทางการจ่ายเงินตามฐานข้อมูลของการจ่ายเงินอุดหนุนรายหัวของนักเรียน ซึ่งศธ.มีข้อมูลอยู่ ก็จะสามารถส่งเงินให้สถานศึกษาได้เร็วที่สุด” น.ส.ตรีนุช กล่าว
น.ส.ตรีนุช กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ทางสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้จัดทำแนวทางลดภาระครูและนักเรียน เพื่อจะลดภาระให้ครูและนักเรียนในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งเบื้องต้น จะลดเวลาการทำงานของครู ปรับลดโครงการต่าง ๆให้ครูปฏิบัติให้เหลือเพียง 1% จากเดิม สพฐ.มีโครงการให้ครูและโรงเรียนปฏิบัติหลายร้อยโครงการ หรือการนับเวลาเรียนรูปแบบใหม่ จากเดิมจะนับเวลาเรียนจากการเรียนในห้องเรียนเท่านั้น แต่ขณะนี้การเรียนการสอนเปลี่ยนไปหลายรูปแบบ เช่น ออนไลน์ ออนแอร์ เป็นต้น ดังนั้น การนับเวลาเรียนก็ต้องเปลี่ยนไปตามการเปลี่ยนแปลงด้วย
“นอกจากนี้จะมีการปรับเปลี่ยนเรื่องการใช้งบต่าง ๆโดยเฉพาะงบอุดหนุนรายหัวในบางรายการ ที่เดิมกำหนดไว้ชัดเจนว่าจะต้องใช้จ่ายเรื่องนี้เท่านั้น ก็ต้องปรับให้มีความยืดหยุ่นเพื่อให้สถานศึกษานำไปลดภาระครูต่อไป ซึ่งการปรับงบบางรายการต้องขออนุมัติจาก ครม. ดังนั้น ศธ.จะเร่งทำเรื่องให้ ครม.พิจารณาโดยเร็ว ส่วนงบไหนที่ ศธ.สามารถปรับแก้ระเบียบกันเองได้ ก็จะเร่งเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.)พิจารณาให้ความเห็นชอบโดยเร็ว เพื่อให้ครูมีความยืดหยุ่นสามารถปรับใช้พัฒนาการเรียนการสอนได้ทันที” น.ส.ตรีนุช กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี