เมื่อช่วงกลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา สำนักเลขานุการแอปเตอร์ ก็ได้มีโอกาสเข้าไปร่วมประชุมประจำปี 2021 ร่วมกับคณะกรรมการสำรองอาหารเพื่อความมั่นคงแห่งอาเซียน หรือ ASEAN Food Security Reserve Board: AFSRB พร้อมทั้งเสนอผลการดำเนินงานขององค์กรสำรองข้าวฉุกเฉินของอาเซียนบวกสามด้วย การประชุมของคณะกรรมการครั้งนี้ได้จัดโดยใช้ระบบทางไกลเช่นเคย ก็อย่างที่ผมได้เคยเขียนรายงานไปแล้วในคราวก่อนๆ เพราะได้มีการประชุมกันทุกปี
และฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการฯ ก็คือกรมการค้าต่างประเทศ ของกระทรวงพาณิชย์ไทยเรานี่เอง ปกติก็จะเวียนจัดไปตามประเทศต่างๆ ที่เป็นสมาชิกอาเซียนตามลำดับตัวอักษร ซึ่งก็เป็นแนวเดียวกับการประชุมคณะมนตรีแอปเตอร์นี่แหละ หากแต่เวทีนี้มีเฉพาะ 10 ประเทศอาเซียนล้วนๆ ไม่มีจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้เข้ามาร่วมด้วย
ความจริงในเรื่องของความมั่นคงทางอาหารนั้น ถือเป็นเรื่องสำคัญมากทั้งในระดับโลก และระดับอาเซียน เพราะประชากรของโลกยังมีฐานะยากจนอยู่เป็นจำนวนมาก รวมถึงประชากรของสิบประเทศในภูมิภาคอาเซียนด้วย ดังนั้นสำนักเลขาธิการอาเซียนที่ตั้งอยู่กรุงจาการ์ตา จึงกำหนดเป็นแผนงานและเร่งรัดผลักดันในอันที่จะแก้ไขปัญหานี้แต่กระนั้นก็ตาม จะว่าไปแล้ว ในการปฏิบัติตามแผนดังกล่าว กลไกที่จะช่วยดำเนินงานทั้งหลาย ทางฝ่ายเลขาธิการอาเซียนหาได้มีเป็นของตนเองแต่อย่างใด ต้องอาศัยกลไกปกติระดับประเทศ ซึ่งก็คือภาครัฐของประเทศสมาชิกเองเป็นตัวขับเคลื่อน จะมีก็เพียงบางองค์กรที่ทำหน้าที่ช่วยเหลือประชาชนในยามที่ประสบกับความขาดแคลนอาหาร เช่น AHA Center และ APTERR รวมทั้ง หน่วยรวบรวมวิเคราะห์ข้อมูลอย่าง AFSIS ซึ่งทั้งสามหน่วยในการปฏิบัติงาน จะว่าไปแล้วก็มักไม่เกี่ยวกับแผนที่ว่านั้นโดยตรงเท่าใดนัก คณะกรรมการสำรองอาหารเพื่อความมั่นคงแห่งอาเซียนเอง ฟังดูชื่อแล้ว ก็น่าจะมีบทบาทในด้านการบริหารแผนเกี่ยวกับความมั่นคงทางอาหาร ทว่าในการประชุมแต่ละปีก็ไม่มีประเด็นที่พูดถึงเลย ทั้งหมดเป็นการรายงานสถานการณ์การผลิตพืชอาหารทั้งในภาพรวมและในแต่ละประเทศเท่านั้น
ฟังดูแล้ว ประโยชน์ในการประชุมในความคิดเห็นส่วนตัวของผม รู้สึกว่ายังไม่มากเท่าที่ควร แต่ก็เป็นธรรมชาติขององค์การระหว่างประเทศแบบนี้ ที่ทำได้ก็เพียงกำหนดเป็นแผนไว้แบบกว้างๆ ส่วนประเทศสมาชิกใดจะทำหรือไม่ทำก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะจริงๆ แล้ว ทุกประเทศก็มักจะมีเป้าหมายพัฒนาประเทศเป็นที่สอดคล้องอยู่แล้ว คือ การขจัดความยากจน การพัฒนาการผลิตพืชอาหาร แต่การออกแบบวิธีการพัฒนาก็ต้องขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของสภาพสังคม เศรษฐกิจ การเมือง รวมทั้งงบประมาณของแต่ละประเทศ ยิ่งถ้าเป็นประเทศที่ร่ำรวยอย่างเช่น บรูไนดารุสซาลาม และสิงคโปร์ ถึงแม้ว่าแทบจะไม่มีพื้นที่ผลิตพืชอาหารในประเทศเลย แต่ก็แทบจะพูดได้ว่าทั้งสองประเทศไม่มีปัญหาด้านความมั่นคงทางอาหารเลย เพราะมีเงินที่จะซื้อหาเอาได้จากประเทศอื่นๆ ที่ผลิตได้ ไม่ว่าจะเป็น ข้าว ข้าวโพด ถั่วเหลือง หรืออ้อยน้ำตาล ในการประชุมครั้งนี้ แอปเตอร์เองก็ได้รายงานผลของการส่งข้าวสารไปช่วยเหลือประเทศสมาชิกที่ประสบภัยจนเกิดการขาดแคลนในปีที่ผ่านมา จำนวนกว่า 5,000 ตัน ซึ่งได้ช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาด้านความมั่นคงทางอาหารรวมทั้งได้สร้างความประทับใจให้แก่ประชาชนอาเซียนเป็นจำนวนเกือบล้านคนทีเดียวครับ
ชาญพิทยา ฉิมพาลี
chanpithya@apterr.org
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี