สุดทน ส.ส.ก้าวไกล นำเจ้าผู้ประกอบการธุรกิจนวด สปา กว่า 150 รายในกทม. และจังหวัดพื้นที่สีแดงรวมตัวเข้าชื่อฟ้อง ก.คลัง เรียกค่าเสียหาย 200 ล้าน บริหารงานผิดพลาดโดนสั่งปิด แต่ไม่ช่วยเหลือเยียวยา แถมยังโดนเรียกเก็บภาษีป้าย ภาษีโรงเรือน ค่าเช่าก็ยังต้องจ่าย วัคซีนก็ไม่ฉีดให้
วันที่ 17 สิงหาคม 2564 เวลา 10.00 น. ที่ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล นายสุเทพ อู่อ้น และนายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล และทีมทนาย ร่วมกันเป็นตัวกลางนำนายพิทักษ์ โยธา นายกสมาคมจารวีเพื่ออนุรักษ์นวดแผนไทย และน.ส.อักษิกา จันทรวินิจ หรือ "เพรียว" ตัวแทนกลุ่มธุรกิจร้านนวด-สปาในกรุงเทพ และผู้ประกอบการจังหวัดในเขตพื้นที่สีแดงเข้ม เข้าชื่อประมาณกว่า 150 ราย เป็นโจทก์ยื่นฟ้องกระทรวงการคลัง กับพวกเป็นจำเลยเรื่องละเมิดเรียกค่าเสียหายจำนวน ทุนทรัพย์ 200 ล้านบาทศษ
จากกรณีรัฐบาลได้มีคำสั่งสั่งปิดสถานประกอบการร้านนวดและสปาเกี่ยวกับมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดโรคโควิด 19 ซึ่งที่ผ่านมาได้เคยไปเรียกร้องมาหลายหน่วยงานแล้ว แต่ไม่ได้รับการดูแล
โดยน.ส.ศิริกัญญา ในฐานะเป็นตัวกลางยื่นฟ้องให้กลุ่มผู้ประกอบการ กล่าวว่า การฟ้องในครั้งนี้เป็นการฟ้องแพ่งแบบรวมกลุ่มหรือ Class Action ครั้งแรก ซึ่งอยากให้คดีนี้เป็นคดีแรก และเป็นคดีในประวัติศาสตร์ที่รัฐบาลจะตัองรับผิดชอบต่อชีวิตของประชาชน และความเสียหายที่เกิดขึ้นของผู้ประกอบการ ทั้ง ๆ ที่เป็นมาตรการที่รัฐบาลสั่ง แต่ไม่มีมาตรการที่จะมารองรับความเสียหายที่เกิดขึ้น ซึ่งขณะนี้ผ่านมากว่าหนึ่งปีแล้วที่ผู้ประกอบการร้านนวดเหล่านี้ยังไม่เคยได้รับการเยียวยาจากภาครัฐ แต่ถ้าหากจะมาเยียวยาตอนนี้ก็สายเกินไปแล้ว เพราะไม่ได้สัดส่วนของความเสียหายที่เกิดขึ้น เราคิดว่ามันสายเกินไปแล้ว ต้องมาพึ่งศาลว่าได้กระทำการละเมิดกับประชาชนในการบริหารจัดการสถานการณ์โควิด-19 ที่ผิดพลาดขนาดนี้ ก็ต้องชดใช้ค่าเสียหายให้กับประชาชน ซึ่งการฟ้องร้องในวันนี้เป็นคดีแรกของการฟ้องรวมกลุ่มของกลุ่มผู้ประกอบการร้านนวด และจะขยายไปยังกลุ่มผู้ประกอบการอื่น ๆ อีก เช่น ร้านอาหาร และผับ บาร์
ด้าน นายพิทักษ์ โยธา 1ในผู้เสียหายกล่าวว่า ตั้งแต่เกิดสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด ตั้งแต่รอบแรกจนปัจจุบันนี้ รัฐบาล ยังไม่เคยยื่นมือให้ความช่วยเหลือกับผู้ประกอบการ ถือว่าพวกเราไม่รับความเป็นธรรมจากการเยียวยาของรัฐบาลเลย พอเกิดการแพร่ระบาด เราก็โดนสั่งปิดมาตลอด อ้างว่าให้ช่วยหยุดเชื้อเพื่อชาติ แต่พวกเราไม่เคยได้รับเงินช่วยเหลือชดเชยเลย ขณะที่ยัง มีค่าใช้จ่ายต่างๆ ค่าเช่า ค่าภาษี ค่าแรง ไฟแนนซ์ ไม่อนุมัติเงิน กู้ธนาคารไม่อนุมัติสินเชื่อ ทำให้เราไม่มีที่ไป จึงต้องนำคดีมาฟ้องศาล ช่วย หาทางออกให้พวกเรา
ที่ผ่านมารัฐบาลฉีดวัคซีนให้พวกเราแค่ 200- 300 คนเท่านั้น บอกว่าต้องฉีดให้กับคนสำคัญก่อน ซึ่งยังไม่เพียงพอกับพวกเรา และหาว่าร้านนวด ร้านสปา เป็นกลุ่มเสี่ยงแพร่ระบาด ทั้งที่เราไม่เคยเป็นคลัสเตอร์ใหญ่มาก่อน คำสั่งของรัฐ ทำให้เรามีภาระหนี้สิน สิ้นเนื้อประดาตัว เราอดทนมาพอแล้ว รัฐบาลไม่เคยให้เรา คำสั่งของรัฐออกมา 38 ฉบับ และยังให้เราปิดกิจการจนถึง 31 ส.ค. นี้อีก ก็ยังไม่รู้ว่าจะเปิดอีกได้เมื่อไหร่ เราไปติดต่อไฟแนนซ์และธนาคาร เขาก็บอกว่านายกรัฐมนตรียังไม่มีคำสั่ง เป็นลายลักษณ์อักษรว่าให้ธนาคารงดเก็บหนี้งดเก็บดอก เราจึงยังต้องจ่ายอีกต่อไป
ส่วน น.ส.มณลภัส ไทยเจริญ เจ้าของร้านสปาแห่งหนึ่ง ย่านสุขุมวิท 101/1 บอกว่า ตนถูกสั่งปิดกิจการมานานกว่า 8 - 9 เดือนแล้ว มีหนี้สินอยู่หลายแสนบาท แล้วยังได้รับจดหมายทวงหนี้จากรัฐอีก ทั้งภาษีโรงเรือน ภาษีป้าย นอกจากนี้ยังต้องเสีย ค่าเช่าอีกเดือนละ 30,000 บาท คิดว่า คงเลิกทำอาชีพนี้แล้ว เพราะไม่มีกำลังจ่ายอีกต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับนางอักษิกา จันทรวินิจ ตัวแทนผู้ประกอบการธุรกิจนวดเพื่อสุขภาพและสปาขนาดกลางและขนาดเล็ก เเละ น.ส.จารวี ติสันโต เจ้าของร้านจารวี นวดแผนไทย ได้ยื่นฟ้อง กระทรวงการคลัง , กระทรวงสาธารณสุข,กระทรวงมหาดไทย โดยผู้ว่าราชการจังหวัดต่างๆ และกรุงเทพมหานคร เป็นจำเลยที่ 1-4 เรื่องละเมิดเรียกค่าเสียหายจำนวน 10,796,928 บาท
โดยคำฟ้องระบุพฤติการณ์สรุปว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการ ศบค. และประธานกรรมการวัคซีนมีอำนาจแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินฯ และได้ประกาศกฎหมายหลายฉบับ เเต่พล.อ.ประยุทธ์ เเละนายอนุทิน ชาญวีรกูร รมว.สาธารณสุข ดำเนินนโยบายผิดพลาดทำให้ประเทศไทยเข้าสู่วิกฤติสาธารณสุข และด้านเศรษฐกิจ มีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตจำนวนมาก เกิดจากการบริหารจัดการการแพร่ระบาดไวรัสโควิดล้มเหลวโดยสิ้นเชิง และนายกรัฐมนตรียังได้สั่งปิดสถานบริการต่างๆ ซึ่งรวมถึงสถานบริการนวดเพื่อสุขภาพ การกระทำของนายกรัฐมนตรี,นายอนุทินชาญ, ผู้ว่าราชการจังหวัดต่างๆและผู้ว่าการกรุงเทพมหานคร ที่ประกาศปิดสถานที่ดังกล่าว ซึ่งมีสาเหตุมาจากความประมาทเลินเล่อ ดำเนินนโยบายผิดพลาดล้มเหลว จึงต้องรับผิดชอบความเสียหายต่อโจทก์ทั้งสอง
โดยจำเลยทั้งสี่ต้องร่วมกันชดใช้แก่โจทก์ที่1เป็นเงิน 7,199,262 บาท ชดใช้โจทก์ที่2 เป็นเงิน 3,597,666 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ5
นอกจากนี้โจทก์ทั้งสองยังได้ยื่นขอฟ้องคดีเเบบกลุ่ม โดยแสดงให้เห็นถึงลักษณะเฉพาะที่เหมือนกันกับลักษณะของสมาชิกกลุ่มที่ชัดเจน เพียงพอเพื่อให้รู้ได้ว่าโจทก์ทั้งสองและสมาชิกกลุ่มเป็นกลุ่มบุคคลที่ประกอบกิจการร้านนวดเพื่อสุขภาพที่ได้รับความเสียหายจากการกระทำละเมิดของพล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี, นายอนุทิน ชาญวีรกูล รมว.สาธารณสุข, ผู้ว่าราชการจังหวัดต่าง ๆ และผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครนั้น โดยมีสมาชิกกลุ่มจำนวนมากกว่า150 คน ถือมีผู้เสียหายจำนวนมาก ซึ่งหากยื่นฟ้องคดีแบบสามัญแล้วจะทำให้เกิดความยุ่งยากและไม่สะดวกเพราะจะต้องสืบพยานบุคคลเป็นจำนวนมากหรืออาจต้องแยกฟ้องเป็นคดีใหม่อีกจำนวนหลายคดี เเละการดำเนินคดีแบบกลุ่มจะเป็นธรรมและมีประสิทธิภาพมากกว่าการฟ้องคดีแบบสามัญเนื่องจากคดีนี้เป็นการฟ้องร้องหน่วยงานของรัฐให้รับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจากการกระทำละเมิดของเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูงอาจต้องออกคำสั่งเรียกพยานเอกสารที่อยู่ในความครอบครองของรัฐหรือต้องออกหมายเรียกพยานบุคคลที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือนักวิชาการมาเป็นพยานในคดีซึ่งหากให้ประชาชนแต่ละบุคคลแยกกันไปฟ้องร้องอาจไม่สามารถต่อสู้คดีกับหน่วยงานของรัฐได้ดีเท่ากับการรวมกลุ่มกันฟ้อง
โดยโจทก์ทั้งสองยังยื่นคำร้องว่า เนื่องด้วยในปัจจุบันอยู่ในสถานการณ์การระบาดรุนแรงของโรคโควิด 19 การเดินทางมาดำเนินกระบวนพิจารณาคดีที่ศาลอาจเสี่ยงให้เกิดการติดเชื้อของคู่ความและบุคลากรของศาลได้ด้วย จึงขอให้ศาลมีคำสั่งให้พิจารณาคดีนี้โดยไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีแบบกลุ่มและนัดพิจารณาหรือสืบพยานโจทก์ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ทางเว็บไซต์ Google Meet เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อโควิด 19 ของคู่ความและบุคลากรของศาลด้วย ศาลแพ่งรับคำฟ้องและคำร้องขอดำเนินคดีเเบบกลุ่มไว้พิจารณา และนัดไต่สวนวันที่ 19 ต.ค.นี้เวลา 09.00 น.
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี