กยท.จับมือผู้นำเข้าแผ่นใยสังเคราะห์รายใหญ่ ลงนาม MOU ถ่ายทอดเทคโนโลยีงานวิจัยน้ำยางคอมพาวนด์ สำหรับนำไปเคลือบบนแผ่นใยสังเคราะห์เข้าสู่กระบวนการผลิต ยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน เพิ่มศักยภาพให้ทั้งภาคเอกชนและเกษตร และช่วยกระตุ้นการใช้น้ำยางในประเทศ สร้างเสถียรภาพให้ยางพารา
นายณกรณ์ ตรรกวิรพัท ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) กล่าวว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ กยท.ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ(MOU) กับ บริษัท เท็กเซ็ท จำกัด ในการนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ ภายใต้ “โครงการนำผลงานวิจัยการทำแผ่นกั้นน้ำที่ทำจากแผ่นใยสังเคราะห์ขยายผลสู่ผู้ประกอบการ” โดยการนำเทคโนโลยีการผลิตน้ำยางคอมพาวนด์ สำหรับนำไปเคลือบบนแผ่นใยสังเคราะห์เข้าสู่กระบวนการผลิตในเชิงพาณิชย์อุตสาหกรรม เพื่อเพิ่มศักยภาพการผลิตและการแข่งขัน
ทั้งนี้ บริษัท เท็กเซ็ท จำกัด เป็นบริษัทผู้นำเข้าแผ่นใยสังเคราะห์(Geotextile)รายใหญ่ของประเทศไทย เพื่อใช้ในงานวิศวกรรมและสิ่งแวดล้อม เช่น การสร้างเขื่อนการป้องกันชายฝั่งทะเล เขื่อนกักกั้นน้ำตามแหล่งน้ำธรรมชาติ การปรับภูมิทัศน์ การทำถนน เป็นต้น ในขณะที่ กยท. มีผลงานวิจัยเทคโนโลยีการผลิตน้ำยางคอมพาวนด์และการเคลือบน้ำยางคอมพาวนด์บนแผ่นใยสังเคราะห์ หากถ่ายทอดเทคโนโลยีดังกล่าวให้ภาคเอกชนที่มีศักยภาพนำไปพัฒนาต่อขยายผลในเชิงอุตสาหกรรมจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งภาคเอกชน และภาคการเกษตรเป็นอย่างยิ่ง
“โดยในส่วนของภาคเอกชนนั้น จะทำให้สามารถผลิตแผ่นใยสังเคราะห์ ที่มีคุณภาพ มีความทนทาน ไม่ฉีกขาดง่าย ช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน ในขณะที่ภาคการเกษตรที่ใช้แผ่นใยสังเคราะห์ในหลากหลายกิจกรรม เช่น ปูพื้นรองบ่อเลี้ยงสัตว์ ทำบ่อน้ำ ทำฝาย สร้างแหล่งกักเก็บน้ำ เป็นต้น ได้ใช้แผ่นใยสังเคราะห์ที่มีคุณภาพรับน้ำหนักแรงดันน้ำได้มากขึ้น ยิึดอายุการใช้งาน ซึ่งช่วยลดต้นทุนการผลิตให้เกษตรกรโดยตรง และที่สำคัญยังเป็นการส่งเสริมการใช้ยางพาราในประเทศ โดยผลงานวิจัยการเคลือบน้ำยางคอมพาวนด์บนแผ่นใยสังเคราะห์ในเบื้องต้นได้ผลว่า จะใช้น้ำยางธรรมชาติ 1 กิโลกรัมต่อพื้นผิว 1 ตารางเมตรยกตัวอย่าง การปูพื้นผิวอ่างเก็บน้ำขนาดมาตรฐาน 3,500 ตารางเมตร จะใช้ยางธรรมชาติประมาณ 3.5 ตัน เป็นต้น ซึ่งจะช่วยสร้างเสถียรภาพให้กับยางพาราอีกด้วย” นายณกรณ์กล่าว
ผู้ว่าการ กยท.กล่าวต่อว่า กยท.มีนโยบายสนับสนุนนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ได้จากการวิจัยยางพารามาอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นงานวิจัยที่จะสามารถช่วยลดต้นทุนการผลิต เพิ่มความได้เปรียบให้สถาบันเกษตรกร ผู้ประกอบการให้นำไปต่อยอดในเชิงพาณิชย์ได้ ในขณะเดียวกันยังช่วยเพิ่มปริมาณการใช้ยาง สร้างเสถียรภาพด้านราคาและเพิ่มมูลค่าให้ยางพารา ผลงานวิจัยที่ถูกนำออกไปใช้อย่างเป็นรูปธรรมจึงมีส่วนช่วยสร้างความมั่นคงให้อุตสาหกรรมยางในประเทศได้อย่างดี
“กยท.ยังคงศึกษาค้นคว้าวิจัยเชิงพาณิชย์เพื่อพัฒนารูปแบบการใช้ยางพาราไทยให้ได้ในหลากหลายวงการ เช่น ในงานก่อสร้าง งานวิศวกรรม อุปกรณ์การแพทย์ เป็นต้น เพื่อนำนวัตกรรมที่เราได้ออกไปช่วยสร้างรายได้ ช่วยยกระดับคุณภาพการใช้ชีวิต เพื่อจะขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมต่อไป เกษตรกร สถาบันเกษตรกร ผู้ประกอบการใดสนใจ ติดต่อได้ที่ฝ่ายอุตสาหกรรมยาง การยางแห่งประเทศไทย โทรศัพท์ 0-2940-5712” นายณกรณ์ กล่าว
ด้านนายสันติ สวัสดิศานต์ กรรมการบริษัท เท็กเซ็ท จำกัด กล่าวว่า การที่ กยท.ได้ถ่ายทอดเทคโนโลยีงานวิจัยในครั้งนี้ ทำให้เกิดการผสมผสานการระหว่างน้ำยางพาราและแผ่นใยสังเคราะห์ ภายใต้ชื่อผลิตภัณฑ์ว่า Rubber Seal Geotextile หรือ RST ซึ่งมีคุณสมบัติเหนียว ทน ยืดหยุ่นกว่าของเดิมอย่างแน่นอน ช่วยประหยัดน้ำ ประหยัดเงินให้กับผู้ที่ทำงานในภาคเกษตร ช่วยแก้ปัญหาน้ำขาดแคลน ประหยัดค่าใช้จ่ายให้งานวิศวกรรม งานชลประทาน ขณะนี้ผลิตภัณฑ์ RST อยู่ระหว่างกระบวนการทดสอบการผลิต คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จพร้อมออกสู่ตลาดภายในระยะเวลา 1-2 ปีนี้ โดยในเบื้องต้นคาดว่าภาคการเกษตรจะใช้ RST ราว 10,000 ตารางเมตรต่อปี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี