ส.ป.ก.แท็คทีม กยท.ประเดิมมอบโฉนดต้นไม้และโฉนดต้นยางพารา อัปสถานะต้นไม้เป็นสินทรัพย์ รับโอกาสเข้าถึงแหล่งทุนให้เกษตรกรไทย
วันนี้ (29 พ.ค.) สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ร่วมมือกับการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) Kick off โครงการมอบโฉนดต้นไม้และโฉนดต้นยางพารา ขึ้นอย่างเป็นทางการ ที่ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพเสริมนอกภาคการเกษตร อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 14 พ.ค.ที่ผ่านมา นับเป็นการเดินหน้าตามนโยบายสำคัญที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผลักดันขึ้น ในการนี้ได้รับเกียรติจาก ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.เกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงเกษตรฯ รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เจ้าหน้าที่สถาบันการเงิน ตัวแทนเกษตรกร และสื่อมวลชนเข้าร่วม โดยรับชม รับฟัง พร้อมกันทั้งประเทศ มีการถ่ายทอดสดไปยัง 144 จุดทั่วประเทศ รวมผู้เข้าร่วมกว่า 12,000 คน ไฮไลท์สำคัญการมอบโฉนดต้นไม้และโฉนดต้นยางพารา รวมกว่า 11,620 ฉบับ พร้อมกันนี้ 3 หน่วยงาน จรดปากกามีพิธีลงนามแสดงเจตจำนงระหว่าง ธ.ก.ส. ส.ป.ก. และ กยท.ในการขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าวให้เป็นแหล่งทุนใหม่สำหรับเกษตรกร พร้อมจัดกิจกรรมมอบต้นไม้ให้แก่เกษตรกรที่เข้าร่วมงานเป็นสัญลักษณ์แห่งความร่วมมือและการเริ่มต้นผลักดันนโยบาย
สำหรับโครงการโฉนดต้นไม้และโฉนดต้นยางพารา นำมาซึ่งโอกาสในการสร้างและพัฒนาศักยภาพของต้นไม้และต้นยางพาราให้สามารถนำไปใช้เป็นหลักประกันทางสินเชื่อกับสถาบันการเงินได้ อาทิ ธ.ก.ส. และสถาบันการเงินอื่นๆ ทำให้เกษตรกรสามารถเข้าถึงแหล่งทุนได้ง่ายขึ้น ลดข้อจำกัดและความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงสินเชื่อ ส่งเสริมการสร้างรายได้จากเนื้อไม้และกิจกรรมคาร์บอนเครดิต อันเป็นการยกระดับเศรษฐกิจของเกษตรกรและระบบการเกษตรอย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ นับเป็นก้าวสำคัญในการส่งเสริม สนับสนุน และสร้างแรงจูงใจให้เกษตรกรหันมาปลูกต้นไม้และต้นยางพาราในระบบการเกษตรมากยิ่งขึ้น ทั้งในรูปแบบเกษตรเชิงเศรษฐกิจและวนเกษตร ช่วยลดความเสี่ยงจากภาวะการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ควบคู่ไปกับการเพิ่มพื้นที่ป่าให้ได้ร้อยละ 40 ของพื้นที่ประเทศตามนโยบายป่าไม้แห่งชาติ โดย ส.ป.ก. มีเป้าหมายในการออกโฉนดต้นไม้ 392,562 แปลง 1.6 ล้านไร่ทั่วประเทศ และ กยท.มีเป้าหมายออกโฉนดต้นยางพารา 11.17 ล้านไร่ ภายใน 1 ปี
รมว.เกษตรฯ กล่าวว่า ต้นไม้เป็นทรัพยากรสำคัญของประเทศ ไม่เพียงแต่ในเชิงเศรษฐกิจที่สร้างมูลค่ารวมกว่า 350,000 ล้านบาทต่อปี แต่ยังมีบทบาทสำคัญต่อการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม ด้วยความสามารถในการดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ก่อให้เกิดภาวะโลกร้อน อีกทั้งยังช่วยสนับสนุนการบรรลุเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศไปสู่ Net Zero ภายในปี ค.ศ. 2065 ตามที่ได้ให้คำมั่นกับประชาคมโลก ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรฯ จะเดินหน้าขับเคลื่อนนโยบายนี้อย่างต่อเนื่องร่วมกับทุกภาคส่วน ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ พร้อมทั้งต่อยอดพัฒนาไปสู่การบริหารจัดการทรัพยากรอื่นในระบบการเกษตร เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรไทยอย่างยั่งยืน
015
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี