วันที่ 6 กันยายน 2564 น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) พร้อมด้วยนายอัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) นายสุภัทร จำปาทอง ปลัดศธ. และผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม โรงเรียนวัดธรรมศาลา โรงเรียนพระปฐมวิทยาลัย วิทยาลัยอาชีวศึกษานครปฐม และโรงเรียนสุคนธีรวิทย์ จ.นครปฐม เพื่อติดตามการดำเนินงานโครงการให้ความช่วยเหลือบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาของผู้ปกครองและนักเรียนในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รายละ 2,000 บาท โดยมี นายมติชน มูลสูตร ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครปฐม เขต 1 พร้อมด้วยผู้บริหารโรงเรียน ผู้อำนวยการวิทยาลัยอาชีวศึกษา และคณะครูอาจารย์ ให้การต้อนรับ
น.ส.ตรีนุช เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมสถานศึกษาในพื้นที่จังหวัดนครปฐม ว่า เพื่อติดตามการดำเนินงานโครงการให้ความช่วยเหลือการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษา เพื่อบรรเทาผลกระทบของผู้ปกครอง นักเรียน และนักศึกษา เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) โดยการจ่ายเงินเยียวยาให้กับผู้ปกครองและนักเรียน จำนวน 2,000 บาท ต่อนักเรียน 1 คน และทราบว่าขณะนี้ทุกสังกัดได้จ่ายเงินที่รัฐบาลอนุมัติจ่ายเงินกว่า 22,000 ล้านบาท เพื่อเยียวยา ผู้ปกครอง นักเรียน นักศึกษา ทุกสังกัด รวมประมาณ 11 ล้านคน ให้ขบวนการต่าง ๆมีการเร่งรัดและให้มีความโปร่งใส ยืดหยุ่นและสะดวกที่สุด โดยผู้ปกครองสามารถเลือกได้ว่าจะรับเงินสด หรือโอนเงินผ่านบัญชีธนาคาร
น.ส.ตรีนุช กล่าวต่อว่า การจ่ายเงินเยียวยาในสถานการณ์โควิด-19 โรงเรียนต้องมีมาตรการเข้มงวดจัดสรรเวลาให้นักเรียน ผู้ปกครองมารับเงิน เพื่อไม่ให้เกิดการแออัดมากเกินไป ซึ่งที่ผ่านมาพบอุปสรรคในการจ่ายอยู่เงินบ้าง เช่น ผู้ปกครองได้ทำการย้ายนักเรียนไปเรียนโรงเรียนอื่นในระหว่างที่รัฐบาลอนุมัติโครงการนี้ ทำให้ชื่อนักเรียนอาจจะไม่ได้อัพเดตตามการย้ายโรงเรียนของนักเรียน ดังนั้น โรงเรียนจะต้องประสานงานระหว่างกันเพื่อให้เงินไปถึงผู้ปกครองโดยเร็วที่สุด ส่วนกระบวนการตรวจสอบว่าเงินส่งถึงผู้ปกครองจริงหรือไม่นั้น ศธ.ต้องดำเนินการตามระเบียบที่กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลังกำหนด ซึ่งศธ.ต้องทำให้เรียบร้อย และโปร่งใสที่สุด โดยมีกระบวนการตรวจสอบตัวตน เอกสารในการรับเงิน ซึ่งศธ.ตั้งเป้าว่าเงินจะถึงมือผู้ปกครองทุกคนภายในวันที่ 7 กันยายน นี้ ขณะเดียวกันหากมีการตกหล่น นักเรียนไม่ได้รับเงินเยียวยาโรงเรียนต้องติดตามผู้ปกครองให้มารับเงินจำนวนนักกล่าว
"ดิฉันได้เน้นย้ำ นายสุภัทร จำปาทอง ปลัดศธ. และผู้บริหารทุกหน่วยงานในสังกัด ศธ. ว่า รัฐบาล และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ตั้งใจจะให้เงินจำนวนนี้ส่งถึงผู้ปกครองและนักเรียนเพื่อบรรเทาความเดือนร้อนและเยียวยาในสถานการณ์โควิด-19 ดังนั้น สถานศึกษาเอกชน ไม่สามารถหักเงินในจำนวนนี้ของนักเรียน ถึงแม้ผู้ปกครองจะค้างจ่ายค่าเทอมก็ตาม เพราะรัฐบาลต้องการส่งเงินจำนวนนี้ให้ถึงมือผู้ปกครองและนักเรียนทุกคน หากการโอนเงินพบปัญหาต้องจ่ายค่าธรรมเนียมการโอนต่างธนาคาร ผู้ปกครองก็สามารถติดต่อโรงเรียนเพื่อขอรับเป็นเงินสดได้" น.ส.ตรีนุช กล่าว
ด้านนายอัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมหารหารศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) กล่าวว่า สพฐ. มีจำนวนโรงเรียน 28,987 แห่ง มีนักเรียน 6,225,658 คน ได้รับเงิน 12,451.316 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ สพฐ.ได้ส่งเงินให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ทั้ง 245 แห่งเรียบร้อยแล้ว จากข้อมูลเมื่อวันที่ 4 กันยายน ที่ผ่านมา สทพ.ได้โอเงินให้โรงเรียน 90 เขต และยังไม่รายงานข้อมูล 155 เขต โดยโรงเรียนได้จายเงินให้ผู้ปกครองไปแล้ว 2,313,784 คน เป็นเงินจำนวน 4,627.57 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 37 ซึ่ง สพฐ.ได้โอนเงินลงไปให้เขตพื้นที่การศึกษา ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.2564 และวันที่ 2 เขตฯได้โอนเงินให้โรงเรียน และวันที่ 3 โรงเรียนก็ได้เริ่มจ่ายเงินให้ผู้ปกครอง
สำหรับบรรยากาศการจ่ายเงินเยียวยาให้ผู้ปกครองและนักเรียนของโรงเรียนธรรมศาลา ได้มีผู้ปกครองและนักเรียนจำนวนหนึ่งมารอรับเงินเยียวยา เนื่องจากวันนี้ทางโรงเรียนจะจ่ายเงินเยียวยาเป็นวันสัดท้ายเพราะได้ดำเนินการจ่ายเงินให้นักเรียนเกือบครบทุกคนแล้ว
โดยนางนัทธมน สระสมทรัพย์ คุณย่าของเด็กชายชานนท์ สงษ์ทอง นักเรียนชั้น ม.3/1 โรงเรียนวัดธรรมศาลา เดินทางมารับเงินเยียวยา กล่าวว่า รู้สึกดีใจมากที่ได้รับเงินเยียวยาทางการศึกษา จำนวน 2,000 บาท ก็จะเก็บไว้ซื้ออุปกรณ์ทางการศึกษาที่จำเป็น และซื้อชุดนักเรียนเพิ่มเติม สำหรับการเรียนออนไลน์ในช่วงนี้ได้เรียนผ่านมือถือ และจ่ายค่าอินเตอร์เน็ตเดือนละ 200 บาท ก็เพียงพอต่อการเรียน โดยเรียนออนไลน์วันละ 3-5 ชั่วโมง เพราะบางวิชาเรียนผ่านใบงานจึงไม่รู้สึกเคลียดกับการเรียนออนไลน์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี