กอนช.เตือน 17-19 กันยายนนี้ หลายภาคมีฝนตกหนัก อุตุฯเตือน 42 จังหวัดระวังเสี่ยงท่วม กรมชลฯเร่งบริหารจัดการน้ำ ส่วนปริมาณน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยา ยังทรงตัวด้านเขื่อนวังร่มเกล้า เร่งระบายน้ำแก้ปัญหา หวั่นอุทัยฯ จมบาดาล จ.เลย น้ำป่าห้วยน้ำหมาน ทะลักท่วมบ้านเรือนกว่า100หลัง
เมื่อวันที่ 17 กันยายน กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ(กอนช.) เตือนว่าในช่วงวันที่17–19 กันยายนนี้มีร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่งผลให้บริเวณดังกล่าว มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่อเตรียมการป้องกันและลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับประชาชน
ขณะที่กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ24ชั่วโมงข้างหน้าว่าร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยมีกำลังอ่อนลง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นบางพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคเหนือโดยมีทั้งหมด 42 จังหวัด ที่ได้รับผลกระทบจากฝนตกต่อเนื่อง
สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังอ่อนลง โดยทะเลอันดามันมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร และอ่าวไทยมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1-2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และควรหลีกเลี่ยงการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง
ขณะที่กรมชลประทานรายงานสถานการณ์น้ำลุ่มน้ำเจ้าพระยา ว่าปัจจุบันมีปริมาณน้ำท่าจากตอนบนไหลสู่แม่น้ำเจ้าพระยา เริ่มลดลง ทำให้มีปริมาณน้ำไหลผ่านสถานีวัดน้ำ C.2 อ.เมือง จ.นครสวรรค์ ในเกณฑ์ 1,754 ลูกบาศก์เมตร(ลบ.ม.)/วินาที จึงผันน้ำเข้าระบบชลประทาน 2 ฝั่ง รวม 498 ลบ.ม./วินาที พร้อมกับปรับลดปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา ให้อยู่ในเกณฑ์1,338 ลบ.ม./วินาที ส่งผลให้ปริมาณน้ำในพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำน้อยนอกคันกั้นน้ำ ต.บ้านกระทุ่ม ต.หัวเวียง อ.เสนา และ ต.ท่าดินแดง อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา ลดลงตามไปด้วย
ส่วนสถานการณ์อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศมีปริมาณน้ำรวมทั้งสิ้น 43,112 ล้านลบ.ม.คิดเป็น 57% ของความจุอ่างรวมกัน สามารถรับน้ำได้อีก32,348 ล้าน ลบ.ม.เฉพาะ 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำรวมกันประมาณ 9,804 ล้าน ลบ.ม.คิดเป็น 39% ของความจุอ่างรวมกัน เป็นน้ำใช้การได้ 3,108 ล้าน ลบ.ม. ขณะที่ทั้งประเทศมีการทำนาปีรวม 15.01 ล้านไร่ คิดเป็น 89%หลังจากนี้จะเตรียมพื้นที่หน่วงน้ำต่อไป
อย่างไรก็ดี เนื่องจากฝนที่ตกส่วนใหญ่ยังอยู่ในพื้นที่ท้ายอ่าง ทำให้จำเป็นต้องเก็บกักน้ำไว้ในพื้นที่ตอนบนให้ได้มากที่สุด กรมชลประทานจึงสั่งการโครงการชลประทานในพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยา เร่งเก็บกักน้ำในแหล่งน้ำธรรมชาติ อาทิ แก้มลิง หนอง บึง ให้ได้มากที่สุด และประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรรับทราบ
ทั้งนี้กรมชลประทานยังเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด พร้อมบริหารจัดการน้ำอย่างเต็มศักยภาพเตรียมพร้อมด้านเครื่องจักรเครื่องมือ และเจ้าหน้าที่ประจำจุดเสี่ยงพร้อมปฏิบัติงานได้ตลอดเวลาโดยบูรณาการ่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในลุ่มเจ้าพระยาตอนล่าง
ด้าน สถานการณ์น้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยา ที่ อ.เมือง จ.ชัยนาท ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระดับน้ำยังทรงตัวอยู่ที่ระดับ 16.5 เมตร โดยน้ำผันเข้าระบบชลประทานเหนือเขื่อนฝั่งตะวันตกและตะวันออก รวมกัน 460 ลบ.ม./วินาที เช่นเดียวกับระดับน้ำบริเวณท้ายเขื่อน ส่วนถนนเลียบริมแม่น้ำเจ้าพระยา พื้นที่หมู่ 2 ต.ธรรมามูล ช่วงโค้งแม่น้ำซึ่งตลิ่งเคยทรุดตัวจากน้ำท่วมยังไม่ได้รับการซ่อมแซม เมื่อมีน้ำหลากจึงเกิดการทรุดตัวเป็นทางยาวกว่า 30 เมตร โดยแขวงทางหลวงชนบทชัยนาท ได้นำแบริเออร์วางกั้นแนวถนนแล้ว
ที่ จ.อุทัยธานี จากสถานการณ์ฝนที่ตกหนักติดต่อกันหลายวันทางตอนเหนือลุ่มน้ำตากแดดทำให้ปริมาณน้ำไหลหลากสู่เขื่อนวังร่มเกล้าซึ่งกั้นแม่น้ำตากแดด ใน ต.ทุ่งใหญ่ อ.เมือง จ.อุทัยธานี โดยมีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว มีระดับน้ำเหนือเขื่อน 4.86 ล้าน ลบ.ม.หรือคิดเป็น 104.74%เจ้าหน้าที่ต้องยกประตูระบายน้ำขึ้นเพื่อระบายน้ำไปทางท้ายเขื่อน ในอัตรา 85.49 ลบ.ม./วินาที เพื่อลดปัญหาน้ำท่วมบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร ใน อ.ทัพทัน และ อ.สว่างอารมณ์ ซึ่งอยู่เหนือเขื่อน ส่วนน้ำที่ระบายไปท้ายเขื่อนไหลลงสู่แม่น้ำสะแกกรัง ทำให้มีปริมาณน้ำในแม่น้ำดังกล่าวเพิ่มสูงขึ้น เจ้าหน้าที่ได้แจ้งเตือนชาวแพที่แม่น้ำสะแกกรัง ให้เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด
อย่างไรก็ดี ปริมาณน้ำที่ไหลหลากส่งผลดีต่อโครงการแก้มลิงเหนือเขื่อนวังร่มเกล้า ที่มีความจุ 22.24 ล้าน.ลบ.ม.โดยมีน้ำไหลเข้า 15.59 ล้าน.ลบ.ม.หรือ 70.10% ได้เก็บกักไว้เป็นน้ำต้นทุนช่วงฝนขาดช่วง
นายฐกรกาญจน์จิรเดช ผอ.โครงการชลประทาน จ.อุทัยธานี เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำในเขื่อนทับเสลา อ.ลานสัก มีน้ำเก็บกัก 57.39 ล้าน ลบ.ม. หรือ 35.87% มีน้ำใช้การได้ 40.39 ล้าน ลบ.ม.หรือ 28.24% มีฝนตกทำให้น้ำไหลเข้า 0.96 ล้าน ลบ.ม.ไม่มีการระบายน้ำ และฝนตกที่ท้ายเขื่อนเป็นส่วนใหญ่ ขณะที่เขื่อนห้วยขุนแก้ว อ.ห้วยคต มีน้ำเก็บกัก 20.33 ล้าน ลบ.ม.หรือ 39.10% ใช้การได้ 18.16 ล้าน ลบ.ม.หรือ 36.44% ระบายน้ำ 85.49 ลบ.ม./วินาที
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังเกิดฝนตกหนักจนเกิดน้ำป่าจากห้วยน้ำหมาน เอ่อเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎร และพื้นที่ทำการเกษตร บ้านกกทอง หมู่ 4 ต.กกทอง อ.เมือง จ.เลย ฝ่ายปกครองและกู้ภัย ได้เร่งเข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ว เบื้องต้น พบว่า มีบ้านเรือนเสียหายประมาณ 100 หลังคาเรือน เสาไฟฟ้าหัก 3 ต้น คอสะพานถูกน้ำซัดพังเสียหาย 1 แห่ง พื้นที่เกษตรของชาวบ้าน ถูกน้ำท่วมจนขยายวงกว้าง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี