ฝุ่นพิษจากหมอกควัน-ไฟป่า เชียงใหม่ วิกฤต พุ่งกว่า 407 ไมครอน อากาศแย่อันดับ 5 ของโลกภาคเหนือพบจุดความร้อน 435 จุดกรมอุตุฯเตือนทั่วไทยร้อนจัด ขณะที่38 จว.ระวัง “พายุฤดูร้อน” ถล่ม

เมื่อวันที่ 29 มีนาคม ที่ จ.เชียงใหม่ ผู้สื่อข่าวรายงานถึงสถานการณ์ปัญหาหมอกควันไฟป่า ฝุ่น PM2.5 ว่ากลับมาวิกฤตอีกระลอก โดยมลพิษปกคลุมหนาแน่นทั่วพื้นที่ วัดค่า PM2.5 เฉลี่ยรายชั่วโมงจากเว็บไซต์ cmuccdc.org ของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พบว่าสูงสุดอยู่ที่ 407 ไมโครกรัม ที่ อ.สันป่าตอง รองลงมาอยู่ที่ อ.เชียงดาว 327 ไมโครกรัม ขณะที่เขตเทศบาลนครเชียงใหม่ วัดได้ 200 ไมโครกรัม เป็นผลพวงจากการเผาไหม้ที่เกิดขึ้นทั้งในและรอบนอกพื้นที่ โดยมีจุดความร้อน หรือ hotspot เกิดขึ้น 312 จุด กระจายเกือบทุกอำเภอโดยเฉพาะทางตอนใต้ของจังหวัด

เช่นเดียวกับข้อมูลจาก https://www.iqair.com/th/thailand/chiang-mai ระบุค่าเฉลี่ยดัชนีคุณภาพอากาศอยู่ที่ 180 โดยความเข้มข้น PM2.5 ในภาพรวมของ จ.เชียงใหม่ ขณะนี้เป็น 22.2 เท่าของค่าแนวทางคุณภาพอากาศประจำปีขององค์การอนามัยโลก และยังแนวมีแนวโน้มพุ่งสูงขึ้น ส่งผลให้ จ.เชียงใหม่ มีคุณภาพอากาศแย่เป็นอันดับ 5 ของโลก

ด้านสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สุขภาพ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ระบุว่า ค่ามลพิษทางอากาศที่ปกคลุมภาคเหนือของไทยเวลานี้ พบสารพิษแขวนลอยในมลพิษที่มีปริมาณเข้มข้นสูง เป็นอันตรายต่อสุขภาพมากโดยเฉพาะประชาชนกลุ่มเสี่ยง ควรงดทำกิจกรรมกลางแจ้งในช่วงนี้ อีกทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเพิ่มการดูแลสุขภาพให้ประชาชนในห้วงวิกฤตนี้อย่างทั่วถึง

ขณะที่ศูนย์ปฏิบัติการไฟป่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ส่วนหน้าภาคเหนือ) รายงานข้อมูล hotspot จากดาวเทียม Suomi NPP (ระบบ VIIRS) รอบเช้า พบไฟป่าในพื้นที่ จ.แม่ฮ่องสอน สูงสุดในภาคเหนือ คือพบจุดไฟป่า 435 จุด ประกอบด้วย อ.ปาย 50 จุด , อ.ปางมะผ้า 7 จุด , อ.เมือง 68 จุด , อ.ขุนยวม 67 จุด , อ.แม่ลาน้อย 38 จุด, อ.แม่สะเรียง 134 จุด และอ.สบเมย 71 จุด จากสถานการณ์ไฟป่าที่ยังคงรุนแรงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ค่าปริมาณฝุ่น PM2.5 พุ่งสูงขึ้น โดยวัดได้ 242.2 ไมโครกรัม ค่าเฉลี่ย 150.4 สูงที่สุดของภาคเหนือ และส่งผลกระทบต่อประชาชนอย่างหนัก สำหรับไฟป่าในวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา พบจุดไฟป่ารวม 562 จุด ถือว่าหนักมากที่สุดของภาคเหนือเช่นกัน

นายพรเทพ เจริญสืบสกุล ผอ.สำนักบริหารอนุรักษ์ที่ 16 สาขาแม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า จากการที่รัฐบาลได้พิจารณางบกลาง ในการจัดจ้างพี่น้องประชาชน ร่วมกันเฝ้าระวังการลอบเผาป่าก็ถือว่าจะเป็นการควบคุมไฟป่าได้มากกว่าเดิม โดยในส่วนของกรมอุทยานของแม่ฮ่องสอน ได้รับงบประมาณ ตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคมที่ผ่านมา ได้ว่าจ้างประชาชนในพื้นที่ เข้าร่วมปฏิบัติงานในการดับไฟป่า 1,359 คน มีการแบ่งกำลัง ออกเป็นชุดๆ มีชุดเฝ้าตรวจ ชุดลาดตระเวน และชุดดับไฟป่า ทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่อุทยานฯ แต่ละพื้นที่ตลอด 24 ชั่วโมง แต่ไฟป่าที่เกิดขึ้นบางจุดเป็นเทือกเขาสูงชัน ไม่สามารถขึ้นไปดับไฟได้ จึงใช้วิธีการบริหารจัดการ ส่วนสาเหตุยอมรับว่าเกิดจากคนต่างด้าวที่แฝงเข้ามาอาศัยในพื้นที่ป่าสาละวิน จำนวนมาก ซึ่งคนพวกนี้ใช้วิธีการเดินเท้าที่คล่องแคล่ว เดินหาของป่า มีการเผาป่าเป็นบริเวณกว้าง

อีกด้านหนึ่งนายกฤษฏิ์ พูนเกษม หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.นครราชสีมา กล่าวว่า ช่วงเย็นวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา เกิดวาตภัยใน 3 อำเภอ 4 ตำบล 1 เทศบาลเมือง 8 หมู่บ้าน มีบ้านเรือนได้รับผลกระทบ 39 หลังคาเรือน ขณะนี้ได้ส่งเจ้าหน้าที่ประสานงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือชาวบ้านแล้ว

กรมอุตุนิยมวิทยาวิเคราะห์สาเหตุการเกิดพายุฤดูร้อน (ฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ลูกเห็บ) บริเวณภาคอีสาน (จ.เลย อุดรธานี บึงกาฬ หนองคาย ร้อยเอ็ด นครราชสีมา) เมื่อวานที่ผ่านมา (28/3/67) เนื่องมาจากลมในระดับบนยังมีกระแสลม/คลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกยังพัดปกคลุมประเทศไทยตอนบน ส่วนลมในระดับล่างเป็นลมทิศใต้ ตะวันออกเฉียงใต้ (พัดนำความชื้นจากอ่าวไทยเข้ามา) ประกอบอากาศบริเวณประเทศไทยในขณะนี้มีอากาศร้อนถึงร้อนจัดบางพื้นที่ จึงทำให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว และวันนี้ (29/3/67) ยังต้องเฝ้าระวังอีก 1 วัน หลังจากนั้นจะร้อนและร้อนจัดหลายพื้นที่

ขณะเดียวกัน กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศว่า ความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีอากาศร้อนจัดบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนถึงร้อนจัดในระยะนี้ ส่วนลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากอ่าวไทยและทะเลจีนใต้เข้ามาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออก ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง สำหรับลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามัน ทำให้ภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทย ภาคเหนือ อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน และมีอากาศร้อนจัดบางแห่งโดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากที่ จ.พิษณุโลก และเพชรบูรณ์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 20 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากที่ จ.บึงกาฬ สกลนคร นครพนม ชัยภูมิ

ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มหาสารคาม ร้อยเอ็ด มุกดาหาร ยโสธร นครราชสีมา บุรีรัมย์ และสุรินทร์

ภาคกลาง อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากที่ จ.ลพบุรี สระบุรี และพระนครศรีอยุธยา ส่วน กทม.และปริมณฑล อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ภาคตะวันออก อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 20 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากที่ จ.นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ระยอง จันทบุรี และตราด

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) อากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากที่ จ.นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี และนราธิวาส ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) อากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากที่ จ.พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล