วันอังคาร ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ในประเทศ
บทความพิเศษ : ภาคเกษตรยังมีความหวัง

บทความพิเศษ : ภาคเกษตรยังมีความหวัง

วันอังคาร ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2564, 06.00 น.
Tag : บทความพิเศษ
  •  

ผลการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลระหว่างวันที่ 31 สิงหาคม 2564 และลงมติวันที่ 4 กันยายน 2564 ไม่เกินความคาดหมายของทุกฝ่าย คือ ฯพณฯ ท่านนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอีก 5 ท่านทุกท่านได้รับความไว้วางใจ คะแนนมากบ้างน้อยบ้าง ต่างกันไม่กี่คะแนน แต่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้รับคะแนนไว้วางใจมากที่สุด 270 คะแนน พวกเราที่อยู่ในแวดวงการเกษตรและพี่น้องเกษตรกรก็ขอแสดงความยินดีกับท่านด้วย

แต่ถ้าพิจารณาถึงผลงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในช่วงที่ผ่านมาพบว่าปัญหาของเกษตรกรมากมายหลายประการที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขโดยเฉพาะปัญหาปัจจัยการผลิตที่มีราคาสูง ราคาผลผลิตเกือบทุกชนิดตกต่ำ รวมทั้งปัญหาภัยธรรมชาติโดยเฉพาะน้ำท่วมพื้นที่การเกษตรในบริเวณภาคเหนือตอนล่างและภาคตะวันออกเฉียงเหนืออีกหลายจังหวัด


ปัญหาปัจจัยการผลิตที่มีราคาสูงโดยเฉพาะปุ๋ยเคมีที่ราคาปรับตัวสูงขึ้นทุกชนิดประมาณ 30% ถึงแม้กระทรวงพาณิชย์พยายามออกมาตรการขอความร่วมมือ สมาคมที่เกี่ยวข้องกับปุ๋ยเคมีให้สมาชิกของสมาคมนำปุ๋ยเคมีสูตรที่ได้รับความนิยมจากเกษตรกรมาจำหน่ายในราคาถูกกว่าท้องตลาด โดยจำหน่ายผ่านกลุ่มสหกรณ์ หรือสถาบันเกษตรกร ซึ่งกลุ่มสหกรณ์และสถาบันเกษตรกรที่จะร่วมโครงการต้องติดต่อผ่านหน่วยงานของกระทรวงเกษตรฯ คือ กรมส่งเสริมการเกษตร และกรมส่งเสริมสหกรณ์ เป็นมาตรการที่ดูเหมือนจะช่วยเกษตรกรโดยตรง แต่เกษตรกรที่เข้าถึงปุ๋ยราคาดังกล่าวมีจำนวนเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับจำนวนเกษตรกรทั้งประเทศเพราะมีจำนวนปุ๋ยที่อยู่ในมาตรการดังกล่าวเพียง 4.5 ล้านกระสอบเท่านั้น

ไม่เพียงแต่ปุ๋ยเคมีปัจจัยการผลิตอื่นๆ เช่น เมล็ดพันธุ์ วัสดุเพาะกล้า เช่น พีทมอส อุปกรณ์เพื่อการเกษตร เช่น ถาดหลุม ถุงพลาสติก กระถาง รวมไปถึงพลาสติกสร้างโรงเรือน พลาสติกปูแปลงและเหล็กที่ใช้ในการก่อสร้างโรงเรือน ล้วนแต่พากันปรับราคาสูงขึ้นจนเกษตรกรไม่ทันตั้งตัว

ที่สำคัญคือ สารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืช และวัชพืชโดยเฉพาะสารกำจัดวัชพืชที่ห้ามใช้ อย่างพาราควอต ยังมีการลักลอบขายด้วยราคาที่สูงกว่าเดิมเกือบ 2 เท่า ที่พาราควอตยังแอบขายได้แม้ราคาสูงขึ้น เพราะเป็นสารเคมีกำจัดวัชพืชที่มีประสิทธิภาพ และไม่ได้เป็นอันตรายอย่างที่กล่าวหากัน ผิดกับ กลูโฟซิเนต ที่ประกาศว่าเป็นสารทดแทน ทั้งจำหน่ายในราคาที่สูง และไม่มีประสิทธิภาพในการกำจัดวัชพืชตามที่เกษตรกรต้องการ และมีข่าวว่าได้มีบริษัทกำลังขอขึ้นทะเบียนสารกำจัดวัชพืชตัวใหม่ที่มีชื่อการค้าว่า“ไดควอต”ซึ่งนักวิชาการหรือผู้มีความรู้เกี่ยวกับสารกำจัดวัชพืชได้บอกว่าเป็นสารชนิดเดียวกันกับพาราควอต หากกรมวิชาการเกษตรอนุญาตให้ขึ้นทะเบียนได้จะเป็นเรื่องใหญ่ที่อาจมีผลตามมาอย่างที่คาดไม่ถึง

การที่ปัจจัยการผลิตปุ๋ยเคมี สารเคมีป้องกันกำจัดโรงแมลงศัตรูพืช เมล็ดพันธุ์ วัสดุปลูก อุปกรณ์ในการเกษตรทุกชนิดที่มีราคาสูงขึ้น บริษัทผู้ลิต นำเข้า และจำหน่ายปัจจัยการผลิตเหล่านี้ไม่เดือดร้อน เพราะสามารถโยนภาระให้กับเกษตรกรได้ ส่วนเกษตรกรจะโยนภาระให้ผู้บริโภคด้วยการขึ้นราคาผลผลิตก็คงทำได้ยากในสถานการณ์เศรษฐกิจอย่างปัจจุบัน ซึ่งอย่าว่าแต่ขึ้นราคาเลย แค่ขายให้ได้ราคาเดิมก็ยากแล้ว

นำมาซึ่งอีกปัญหาหนึ่งที่สำคัญ คือ ราคาผลผลิตตกต่ำทั้งยางพารา พืชผัก ผลไม้หลายชนิด ที่เกษตรกรพยายามช่วยเหลือตัวเองด้านการตลาด ด้วยการขายออนไลน์บ้าง แปรรูปบ้าง แต่ก็ทำได้ในระดับหนึ่ง เพราะกลไกตลาดได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ที่รุนแรง ทั้งตลาดชุมชน ตลาดนัด ร้านอาหาร ภัตตาคาร โรงแรม ซึ่งเป็นแหล่งระบายผลผลิตของเกษตรกรยามปกติถูกปิดไปเป็นจำนวนมากทุกพื้นที่

ในสถานการณ์ความรุนแรงของโรคติดเชื้อโควิด–19 เกษตรกรไม่ตกงานเพราะทำงานในเรือกสวนไร่นาของตนเองได้ตามปกติ แต่ต้องลงทุนสูงขึ้น เพราะปัจจัยการผลิตแทบทุกตัวขึ้นราคา มิหนำซ้ำผลผลิตที่เกิดจากน้ำพักน้ำแรงกลับขายไม่ได้ราคา....ภาพเกษตรกรชาวสวนลำไยโค่นลำไยทิ้ง เพราะราคาตกต่ำ และสู้ค่าแรงงานเก็บลำไยไม่ไหว กระทรวงเกษตรฯ เห็นภาพนี้แล้วรู้สึกอย่างไรไม่รู้ แต่สำหรับผมซึ่งเคยรับราชการอยู่ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และได้ผันตัวมาเป็นเกษตรกรในปัจจุบัน ได้รับประสบการณ์ตรงเผชิญกับปัญหาร่วมกับพี่น้องเกษตรกรรู้สึกหดหู่และสิ้นหวังกับภาคเกษตรไทย

การแก้ปัญหาของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์โดยเฉพาะปุ๋ยเคมีที่มีราคาสูงขึ้น โดยขอความร่วมมือกับบริษัทค้าปุ๋ยที่ได้กล่าวมาแล้ว และยังมีนโยบายให้เกษตรกรทำปุ๋ยอินทรีย์ใช้ทดแทน และมีเป้าหมายว่าในปี 2565 จะมีพื้นที่เกษตรอินทรีย์เพิ่มขึ้น 1.3 ล้านไร่ (จากพื้นที่การเกษตรทั้งประเทศ 149 ล้านไร่) แต่ท่านทราบหรือไม่ว่าการทำปุ๋ยอินทรีย์มีองค์ประกอบที่สำคัญคือปุ๋ยคอก เช่น มูลวัว, มูลไก่, มูลสุกร,แกลบดำ, แกลบดิบ, ขุยมะพร้าว ฯลฯ ซึ่งองค์ประกอบที่สำคัญเหล่านี้ล้วนมีราคาสูงขึ้นประมาณ 10-20%เกือบทุกชนิด เพราะผมเป็นผู้หนึ่งที่ได้ทำปุ๋ยอินทรีย์เพื่อใช้ปลูกผักอินทรีย์ตามระบบเกษตรอินทรีย์ และใช้รวมกับปุ๋ยเคมีตามระบบ GAP

นอกเหนือจากปัญหาปัจจัยการผลิตที่มีราคาสูงขึ้นเกือบทุกชนิดอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ราคาผลผลิตตกต่ำ ภัยธรรมชาติอันเกิดจากน้ำท่วม ที่พี่น้องเกษตรกรประสบอยู่ในขณะนี้ ยังมีปัจจัยการผลิตอีกอย่างหนึ่งที่เกษตรกรต้องใช้สำหรับขับเคลื่อนเครื่องจักรกลการเกษตรคือน้ำมันดีเซลซึ่งปัจจุบันราคาลิตรละ 29 บาทเศษ ติดต่อกันมานานแล้วเกือบแตะเพดานราคาควบคุมที่รัฐบาลกำหนดไว้ลิตรละ 30 บาท

ปัญหาเหล่านี้พรรคประชาธิปัตย์ซึ่งรับผิดชอบนโยบายทั้งด้านการผลิตและการตลาด โดยมีเจ้ากระทรวงทั้งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพาณิชย์ อยู่ในพรรคเดียวกันน่าจะเป็นโอกาสดีที่ทำให้ปัญหาการผลิต และการตลาดของผลผลิตทางการเกษตร ซึ่งสั่งสมมานานได้รับการแก้ไขอย่างเป็นระบบ ช่วยเหลือเกษตรกร และเศรษฐกิจของประเทศได้อย่างยั่งยืน

ว่างๆ ท่านลองจับมือกันลงพื้นที่ ค้นหาปัญหาที่เกิดขึ้นด้วยตนเองโดยไม่ต้องรอให้ใครรายงาน..จริงใจและจริงจังในการบูรณาการนโยบายของทั้ง 2 กระทรวงเพื่อแก้ปัญหาให้ตรงประเด็น ซึ่งอาจจะจุดประกายความหวังให้เกษตรกรไทยได้บ้าง “ภาคเกษตรยังมีความหวัง”

อนันต์ ดาโลดม

นายกสมาคมพืชสวนแห่งประเทศไทย

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  

Breaking News

‘สีหศักดิ์’เมินกัมพูชาเล่นแง่ ขอเปลี่ยนไปมาเลเซีย ย้ำถกจีบีซี 24 ธ.ค.ที่‘จันทบุรี’

เอกอัครราชทูต สปป.ลาว มอบ 2 แสนเหรียญสหรัฐ ช่วยฟื้นฟูอุทกภัยใต้

‘อนุทิน’ยังไม่เปิด 3 แคนดิเดตนายกฯ‘ภท.’ 24 ธ.ค. เผยครม.ถกกรอบ‘งบเลือกตั้ง’ 8 พันล้าน

‘พลพีร์’ซัดเดือด‘มนพร’ ยัน‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ล้มสมัยรัฐบาลอิ๊งค์ ไม่เกี่ยวรัฐบาลเสียงข้างน้อย

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved