25 กันยายน 2564 รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Thira Woratanarat เกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 มีเนื้อหาดังนี้...
สถานการณ์ทั่วโลก 25 กันยายน 2564...
ตุรกีแซงฝรั่งเศสขึ้นมาเป็นอันดับที่ 6 ของโลกได้แล้ว
เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่ม 477,271 คน รวมแล้วตอนนี้ 231,843,098 คน ตายเพิ่มอีก 8,009 คน ยอดตายรวม 4,750,105 คน
5 อันดับแรกที่มีจำนวนติดเชื้อต่อวันสูงสุดคือ อเมริกา สหราชอาณาจักร อินเดีย ตุรกี และรัสเซีย
อเมริกา ติดเชื้อเพิ่ม 115,417 คน รวม 43,652,481 คน ตายเพิ่ม 1,717 คน ยอดเสียชีวิตรวม 705,006 คน อัตราตาย 1.6%
อินเดีย ติดเพิ่ม 29,580 คน รวม 33,623,072 คน ตายเพิ่ม 291 คน ยอดเสียชีวิตรวม 446,690 คน อัตราตาย 1.3%
บราซิล ติดเพิ่ม 19,438 คน รวม 21,327,616 คน ตายเพิ่ม 645 คน ยอดเสียชีวิตรวม 593,663 คน อัตราตาย 2.8%
สหราชอาณาจักร ติดเพิ่ม 35,623 คน ยอดรวม 7,601,487 คน ตายเพิ่ม 180 คน ยอดเสียชีวิตรวม 135,983 คน อัตราตาย 1.8%
รัสเซีย ติดเพิ่ม 21,379 คน รวม 7,376,374 คน ตายเพิ่ม 828 คน ยอดเสียชีวิตรวม 202,273 คน อัตราตาย 2.7%
อันดับ 6-10 เป็น ตุรกี ฝรั่งเศส อิหร่าน อาร์เจนติน่า และโคลอมเบีย ติดกันหลักพันถึงหลายหมื่น
หากรวมทวีปเอเชีย ยุโรป และอเมริกาเหนือ พบว่ามีสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 92.06 ของจำนวนติดเชื้อใหม่ทั้งหมดต่อวัน
แถบสแกนดิเนเวีย บอลติก และยูเรเชีย ก็มีการติดเชื้อเพิ่มขึ้นหลักร้อยถึงหลักพัน
แถบตะวันออกกลางส่วนใหญ่ยังติดเพิ่มหลักร้อยถึงหลักพัน ยกเว้นอิหร่านติดเพิ่มหลักหมื่นอย่างต่อเนื่อง
ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย ติดเพิ่มกันหลักหมื่น
เวียดนาม ญี่ปุ่น เมียนมาร์ อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย สิงคโปร์ และเกาหลีใต้ ติดกันหลักพัน กัมพูชา และลาว ติดเพิ่มหลักร้อย ส่วนจีนติดเพิ่มหลักสิบ ในขณะที่ฮ่องกง ไต้หวัน และนิวซีแลนด์ ติดเพิ่มต่ำกว่าสิบ
...ณ ปัจจุบัน สถานการณ์ของประเทศส่วนใหญ่ทั่วโลกดูดีขึ้น
ฝั่งทวีปยุโรป หากไม่นับสหราชอาณาจักร รัสเซีย และยูเครนแล้ว ประเทศต่างๆ ล้วนคุมการระบาดได้ในระดับหลักร้อยถึงพันต้นๆ
ฝั่งทวีปอเมริกาเหนือนั้น ไปหนักที่อเมริกา และเม็กซิโก
แต่ทวีปเอเชีย หนักเกินหมื่นถึง 7 ประเทศ รวมถึงประเทศไทย
...สถานการณ์ไทยเรา
เมื่อวานจำนวนติดเชื้อเพิ่ม สูงเป็นอันดับ 10 ของโลก
แต่หากรวม ATK ด้วย จะเขยิบขึ้นเป็นอันดับ 8 ของโลก
ระลอกสามเริ่มตั้งแต่เมษายน จนถึงบัดนี้ รวมแล้วเกือบ 6 เดือน และยังไม่สามารถลงสู่ baseline ได้
หากเปรียบกับสมัยระลอกก่อนๆ มีหลายประเทศที่มีการระบาดยาวนานมาก เช่น อินเดียระลอกแรกตั้งแต่พฤษภาคม 2020 ถึงมกราคม 2021 และเริ่มระลอกสองราวมีนาคม หลังจากมีระยะเวลาคงที่ได้ราว 4 สัปดาห์
ประเมินแล้วไตรมาสสุดท้ายไปถึงต้นปีหน้า มีแนวโน้มที่จะเป็นช่วงที่ยากลำบาก เพราะปัจจัยพื้นฐานของเรายังไม่เข้มแข็ง ดังที่บอกไปคือ จำนวนติดเชื้อแต่ละวันอยู่ในระดับสูง กระจายไปทั่ว ระบบการตรวจคัดกรองโรคมาตรฐานทำได้จำกัด วัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูงมีจำกัด และนโยบายและมาตรการต่างๆ ที่เพิ่มความเสี่ยง
ดังนั้นจึงต้องช่วยกันดำเนินชีวิตด้วยความไม่ประมาท ป้องกันตัวเสมอ วางแผนจัดการความเสี่ยงไว้ด้วย
การที่ประชาชนแต่ละคนจะมีสวัสดิภาพและความปลอดภัยในชีวิตได้นั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยสามประการหลักคือ
หนึ่ง ความใส่ใจสุขภาพเพื่อลดพฤติกรรมเสี่ยงในการดำเนินชีวิตประจำวัน (Health conscious)
สอง การตัดสินใจรับวัคซีนทั้งชนิดและวิธีการที่ถูกต้องเหมาะสมโดยใช้ความรู้ที่ถูกต้อง (Evidence-based decision making)
และสาม ศักยภาพของคนที่จะสามารถเข้าถึงวัคซีนกระแสหลักของสากลที่เป็นวัคซีนทางเลือกของประเทศ (Accessibility and affordability to highly effective vaccines)
ด้วยรักและห่วงใย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี