‘กสม.’เผย‘ตร.-ป.ป.ส.’รับข้อเสนอปรับปรุงแนวทางตรวจค้น หลังถูกร้องเลือกปฏิบัติด้านเพศสภาพ
7 ตุลาคม 2564 ในการแถลงข่าวประจำสัปดาห์ของสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) นายชนินทร์ เกตุปราชญ์ รองเลขาธิการ กสม. เปิดเผยว่า กสม. ได้รับเรื่องร้องเรียนจำนวน 20 เรื่องในปี 2563 เกี่ยวกับการตรวจค้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ประจำด่านตรวจในหลายจังหวัดทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยผู้ร้องอ้างว่า ในการตรวจค้นยานพาหนะ หรือตรวจหาสารเสพติด พบเจ้าหน้าที่ไม่แสดงบัตรประจำตัวเจ้าพนักงาน ไม่แจ้งเหตุอันควรสงสัย ไม่มีห้องน้ำสำหรับการจัดเก็บปัสสาวะที่มิดชิด
ตลอดจนมีการเลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งเพศ เช่น มีการเลือกตรวจหาสารเสพติดเฉพาะบุคคลเพศชาย ปฏิบัติหน้าที่โดยใช้วาจาไม่เหมาะสมต่อบุคคลหลากหลายทางเพศ หรือไม่มีห้องน้ำเฉพาะสำหรับบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ ซึ่งในการประชุม กสม. ด้านการคุ้มครองและมาตรฐานการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน เมื่อวันที่ 16 มี.ค. 2564 กสม. มีข้อเสนอแนะในประเด็นสำคัญไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
โดยเสนอให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) จัดทำแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการจัดพื้นที่ที่เหมาะสมในส่วนที่เกี่ยวกับการตั้งด่านตรวจ จุดตรวจ หรือจุดสกัด เพื่อให้การตรวจค้นและการตรวจหาสารเสพติดมีการปฏิบัติโดยคำนึงถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ รวมถึงอัตลักษณ์ทางเพศของบุคคล และในส่วนของการตรวจหาสารเสพติดในปัสสาวะควรจัดให้มีสถานที่มิดชิด
นอกจากนี้ ยังเสนอให้ สตช. และสำนักงาน ป.ป.ส. ปรับปรุงวิธีการในการตรวจหรือทดสอบสารเสพติดของเจ้าหน้าที่ให้มีความเหมาะสม โดย สตช. ควรกำกับดูแลการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เป็นไปตามระเบียบและมาตรการปฏิบัติที่ถูกต้องของ สตช. อย่างเคร่งครัด รวมทั้งกำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจัดทำบันทึกการค้นไว้ทุกครั้งเพื่อเป็นหลักประกันให้เกิดความโปร่งใสและตรวจสอบได้
ล่าสุดเมื่อเดือน ก.ย. 2564 ที่ผ่านมา พม. มีหนังสือแจ้งมายังสำนักงาน กสม. ระบุว่า พม. โดยกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว ป.ป.ส. และ สตช. ได้ประชุมหารือร่วมกันเพื่อดำเนินงานตามข้อเสนอแนะของ กสม. ในกรณีนี้ สรุปได้ดังนี้ 1.ป.ป.ส. จะดำเนินการโดยเร่งด่วนในการปรับปรุงแก้ไขอนุบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับวิธีการและเงื่อนไขการตรวจหาสารเสพติดในร่างกาย ซึ่งจะมีการกำหนดให้มีสถานที่ตรวจหรือห้องน้ำที่มิดชิดโดยคำนึงถึงอัตลักษณ์ทางเพศ เพศสภาพ เพศสภาวะ และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ รวมทั้งการใช้กิริยาวาจาในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ที่ต้องสุภาพและละเว้นการล้อเลียนหรือดูหมิ่นในความแตกต่างทางเพศของบุคคล
2.สตช. ได้มีหนังสือแจ้งไปยังตำรวจภูธรภาค 3 และภาค 4 ซึ่งเป็นพื้นที่เกิดเหตุให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามข้อเสนอแนะของ กสม. โดยแจ้งแนวปฏิบัติในบริเวณจุดตรวจที่ไม่มีห้องน้ำให้มีการนำผู้ได้รับการตรวจไปยังบริเวณใกล้เคียงที่มีห้องน้ำหรือนำไปที่สถานีตำรวจ ให้มีการบันทึกภาพเคลื่อนไหวการปฏิบัติหน้าที่บริเวณจุดตรวจ และให้ใช้กิริยาวาจาที่สุภาพในการปฏิบัติหน้าที่ตรวจค้น
ทั้งนี้ สตช. และ ป.ป.ส. จะนำแนวปฏิบัติด้านการส่งเสริมความเสมอภาคและขจัดการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ ตาม พ.ร.บ.ความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. 2558 ไปปรับใช้เพิ่มเติมในการจัดทำแนวปฏิบัติการตรวจหาสารเสพติดและแนวปฏิบัติสำหรับเจ้าหน้าที่ผู้ทำการตรวจหาสารเสพติดเพื่อให้การปฏิบัติงานคำนึงถึงการเคารพในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์อันสอดคล้องตามข้อเสนอแนะของ กสม. ต่อไป
“การตรวจค้นสามารถทำได้ แต่ต้องสุภาพและระมัดระวัง ไม่ให้กระทบต่อสิทธิเสรีภาพ แม้ว่าจะมีอำนาจในการตรวจค้นได้แต่ก็ต้องระมัดระวัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงนี้ก็จะเป็นช่วงสถานการณ์โควิด หรือช่วงที่ผ่านมาก็อาจจะต้องเข้าไปดำเนินการอะไรบางอย่างเพื่อรักษาความสงบหรือความปลอดภัย” รองเลขาธิการ กสม. กล่าว
ด้าน นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กล่าวเสริมในประเด็นที่สื่อมวลชนมีข้อสงสัยว่า แนวปฏิบัติดังกล่าวจะใช้กับกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจขอตรวจค้นบุคคลต้องสงสัยที่ไม่ได้อยู่ ณ ด่านตรวจด้วยหรือไม่ ว่า เจ้าหน้าที่อาจตรวจค้นได้ในกรณีสงสัยหรือมีเหตุผลอันควรให้ตรวจค้น เช่น เมื่อวันที่ 5 ต.ค. 2564 ที่ผ่านมา มีกรณีตำรวจขอตรวจค้นบุคคลในบริเวณที่ถูกระบุว่ามีปัญหาการซื้อ-ขายยาเสพติด ซึ่งแนวปฏิบัตินั้นเจ้าหน้าที่ต้องขอตรวจค้นด้วยความสุภาพ ในขณะที่ผู้ถูกตรวจค้นหากเห็นว่าไม่ได้รับการปฏิบัติที่ถูกต้องก็สามารถร้องเรียนได้
“เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (5 ต.ค. 2564) มีการร้องเรียนเข้ามา กสม. ก็ได้พิจารณาแล้วเห็นว่าเจ้าหน้าที่ตรวจค้นโดยสุภาพและได้ขออนุญาตก่อน และไม่ได้มีการละเมิดอย่างกรณีที่เกิดขึ้น” นายวสันต์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี