9 ตุลาคม 2564 ว่าที่ พ.ต.ต.ปภินวิทย์ อุดมพร สว.กก.1 บก.ป. ร.ต.อ.ธีรพงษ์ ตาบัวตูม ร.ต.ท.พรหมธาดา ฮามคำไพ รรท.รอง สว.กก.1 บก.ป.พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ป. นำกำลังร่วมกันจับกุม นายพลกร (สงวนนามสกุล) อายุ 28 ปี ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามตามหมายจับของศาลอาญาธนบุรี ที่ 500/2564 ลงวันที่ 4 ตุลาคม 2564 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน "ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น, โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อบุลคลใดบุคคลหนึ่ง และไม่มีสิทธิสวมเครื่องแบบหรือประดับเครื่องหมายของเจ้าพนักงานหรือใชัยศตำแหน่ง เครื่องราชอิสริยาภรณ์ หรือสิ่งที่หมายถึงเครื่องราชอิสริยาภรณ์เพื่อให้บุคคลอื่นเชื่อว่าตนมีสิทธิ" โดยจับกุมได้ที่อพาร์ทเมนท์ย่านซอยกอไผ่ ถนนเทพประสิทธิ์ ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี
คดีนี้ สืบเนื่องมาจากเมื่อประมาณต้นเดือนพฤศจิกายน 2563 นายพลกร ได้อ้างตัวเป็นตำรวจกองปราบหลอกลวงผู้เสียหายให้ร่วมลงทุนทำธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่มกับผู้ต้องหา โดย ผู้ต้องหาอ้างกับผู้เสียหายว่าตนเองได้ไปเซ้งร้านอาหารแห่งหนึ่งมา และต้องการให้ผู้เสียหายร่วมลงทุนทำธุรกิจร้านอาหารดังกล่าวด้วย เนื่องจากมีผลตอบแทนที่ดี ผู้เสียหายจึงหลงเชื่อตกลงร่วมลงทุนกับผู้ต้องหา
ต่อมาเมื่อผู้เสียหายสอบถามถึงผลตอบแทนในการลงทุน ผู้ต้องหากลับขอผัดผ่อนการจ่ายผลตอบเเทนเรื่อยมา โดยมักจะใช้กลอุบายหลอกให้ผู้เสียหายหลงเชื่อต่างๆ นานา เช่น หลอกว่าตนเองรู้จักสนิทคุ้นเคยกับ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางคนปัจจุบัน ทำให้ตนเองมีความน่าเชื่อถือ และทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อว่าผู้ต้องหาเป็นตำรวจกองปราบจริง โดยผู้ต้องหาจะส่งหลักฐานการพูดคุยระหว่างไลน์ที่ใช้ชื่อว่า “ผู้การกองปราบ”, “พี่ก้อง”, “THE KONG” กับไลน์ของผู้ต้องหาให้ทางผู้เสียหายดูเพื่อให้ผู้เสียหายเข้าใจว่าผู้ต้องหาพูดคุยกับ พล.ต.ท.จิรภพ จริง โดยหลักฐานการพูดคุยดังกล่าว เป็นหลักฐานที่ผู้ต้องหาสร้างขึ้นมาเองทั้งหมด โดยมีทั้งการใช้ชื่อและภาพของพล.ต.ท.จิรภพ มาตั้งเป็นรูปโปรไฟล์ไลน์ และนอกจากนี้ผู้ต้องหายังมีการแอบอ้างอีกว่าตนเองเป็นหลานของนายทหารระดับสูง ซึ่งตนเองกำลังจะได้รับมรดกจากนายทหารคนดังกล่าว ยืนยันว่าตนเองสามารถนำเงินผลตอบเเทนมาคืนให้กับผู้เสียหายได้อย่างแน่นอน
โดยในระหว่างที่ผู้ต้องหาขอผัดผ่อนเงินผลตอบเเทนของผู้เสียหายเรื่อยมานั้น ผู้ต้องหายังคงใช้กลอุบายอื่นๆ หลอกลวงผู้เสียหายอีก ไม่ว่าจะเป็นการหลอกผู้เสียหายให้เชื่อว่าตนเองมีเคราะห์กรรมร่วมกับผู้ต้องหา และพล.ต.ท.จิรภพ หลอกให้ผู้เสียหายโอนเงินมาเพื่อทำพิธีแก้กรรมสะเดาะเคราะห์, หลอกลวง ผู้เสียหายให้เชื่อว่าผู้ต้องหากำลังประสบปัญหาทางด้านการเงิน เนื่องจากก่อนหน้านี้ได้หย่ากับภรรยาและได้นำทรัพย์สินไปจำนำกับบุคคลอื่น จึงจำเป็นต้องขอยืมเงินผู้เสียหายเพื่อนำไปไถ่ถอนทรัพย์สินดังกล่าวออกมา และภายหลังจากที่ผู้เสียหายโอนเงินให้กับทางผู้ต้องหาไปแล้วนั้น ผู้ต้องหากลับขาดการติดต่อกับผู้เสียหาย เมื่อทางผู้เสียหายพยายามติดต่อกลับไปหาผู้ต้องหา ก็ไม่สามารถติดต่อได้แต่อย่างใด ผู้เสียหายจึงเชื่อว่าตนเองถูกหลอก จึงได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีตามกฎหมาย จากกลอุบายที่ผู้ต้องหาใช้หลอกลวงผู้เสียหาย เป็นเหตุทำให้ผู้เสียหายโอนเงินไปให้กับผู้ต้องหาเป็นจำนวนทั้งสิ้น 162 ครั้ง เป็นเงินจำนวนกว่า 1.6 ล้านบาท
ตำรวจสอบสวนกลาง โดยกองบังคับการปราบปราม จึงได้ทำการสืบสวนสอบสวน และรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหาตามหมายจับดังกล่าวต่อมาวันที่ 8 ตุลาคม 2564 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้ทำการสืบสวนติดตามตัวผู้ต้องหา จนกระทั่งทราบว่าผู้ต้องหาได้หลบหนีมาพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้เดินทางไปตรวจสอบ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจพบผู้ต้องหาอยู่บริเวณอพาร์ทเมนท์ในซอยกอไผ่ ถนนเทพประสิทธิ์ ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเข้าจับกุมพร้อมตรวจยึดของกลางรวม 11 รายกลาง ดังนี้
1. สิ่งเทียมอาวุธปืน (ปืนอัดลม) จำนวน 2 กระบอก
2. สิ่งเทียมอาวุธปืน (ปืนไฟแช็ก) จำนวน 1 กระบอก
3. เครื่องหมายขีดความสามารถหลักสูตรรบพิเศษแขนงการลาดตระเวนสะเทินน้ำสะเทินบก และจู่โจมนาวิกโยธิน
4. แหวนสัญลักษณ์ตราแผ่นดิน
5. แหวนสัญลักษณ์โรงเรียนนายร้อยตำรวจ
6. เสื้อกันกระสุน
7. เสื้อกั๊กสีดำมีตรากองบังคับการปราบปราม
8. ภาพถ่ายเคียงธงโรงเรียนนายร้อยตำรวจ
9. ซองปืนคาดเอวแบบพกซ่อน
10. โทรศัพท์มือถือ จำนวน 3 เครื่อง
11. เอกสารให้มีและใช้อาวุธปืน นำส่งพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
จากการสอบถามผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา จากการตรวจสอบประวัติการกระทำความผิดของผู้ต้องหาพบว่า ผู้ต้องหายังคงมีหมายจับที่ยังต้องการตัวอีก 2 หมายจับ ดังนี้ 1. หมายจับศาลแขวงพระนครเหนือ ที่ 635/2563 ลงวันที่ 13 พฤศจิกายน 2563 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ฉ้อโกง” และ 2. หมายจับศาลแขวงดุสิต ที่ 40/2564ลงวันที่ 10 มีนาคม 2564 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ฉ้อโกง”
-001
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี