ปลอบใจผับ-บาร์-สถานบันเทิง
‘บิ๊กตู่’ขอให้รอไปก่อน
หากด่วนเปิดกระทบคนหมู่มาก
รอประเมินปัจจัยเสี่ยงโควิดให้ชัด
ติดเชื้อเพิ่ม6,073รายตายอีก32ศพ
นายกฯ เห็นใจผู้ประกอบการสถานบันเทิงประเมินพบปัจจัยเสี่ยงหลายมิติ ชี้หากเร่งเปิดเร็ว กระทบสังคมหมู่มากจึงต้องรอบคอบ ย้ำขอให้เคร่งครัดมาตรการ COVID Free Settingเตรียมประเมินขึ้นทะเบียนก่อนเปิดดำเนินการ ส่วนความก้าวหน้า 4 วัคซีนสัญชาติไทย อยู่ในขั้นทดสอบในมนุษย์ ยันรัฐบาลหนุนงบประมาณเพื่อการวิจัยและพัฒนาแล้ว กว่า 4.8 พันล้าน ขณะที่ยอดติดเชื้อรายวันอยู่ที่6,073 ราย เสียชีวิต32 ศพ
เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2564 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เห็นใจสถานประกอบการ สถานบันเทิง ธุรกิจกลางคืน ตามที่ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ครั้งที่ 19/2564 ยังคงมติเปิดดำเนินการตามกำหนดเดิม (16 มกราคม 2565) ไปก่อน แม้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศจะมีสัญญาณดีขึ้น จำนวนผู้ติดเชื้อลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่เนื่องจากกิจการสถานบันเทิงยังถือว่ามีปัจจัยความเสี่ยงหลายมิติ เช่น เป็นสถานที่ปิด ต้องเปิดแมสดื่ม-กิน-พูดคุย ร่วมกันเป็นเวลานาน หากเกิดคลัสเตอร์แพร่ระบาดจะส่งผลกระทบต่อสังคมหมู่มาก จึงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบหลายด้าน ในระหว่างนี้จึงขอให้สถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ เคร่งครัดในมาตรการ COVID Free Setting เพื่อเตรียมความพร้อมในการเปิดดำเนินการ
แจงมาตรการ COVID Free Setting
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมถึงมาตรการ COVID Free Setting สำหรับสถานบันเทิง ที่ต้องดำเนินการอย่างเคร่งครัดมีดังนี้ 1.ผู้ประกอบการ ต้องเร่งรัดให้พนักงานทุกคนได้รับวัคซีน 100% คัดกรองด้วย ATK ปรับปรุงสภาพแวดล้อม ระบบระบายอากาศ เน้นการทำความสะอาดพื้นที่และอุปกรณ์ที่มีการสัมผัสร่วมกัน 2.จัดระยะห่างระหว่างโต๊ะอย่างน้อย 1 เมตร กรณีเล่นดนตรีเป็นวง มีระยะห่างระหว่างเวทีกับโต๊ะอาหาร อย่างน้อย 5 เมตร
3.มีพื้นที่ให้บริการ 1 คน ต่อ 4 ตารางเมตร และติดป้ายแสดงจำนวนผู้ใช้บริการให้เห็นชัดเจน โดยจำกัดจำนวนผู้ใช้บริการ หากเป็นพื้นอาคารปิด มีระบบปรับอากาศ จำกัดจำนวนผู้ใช้บริการไม่เกินร้อยละ 50 หากพื้นที่เปิดโล่ง อากาศถ่ายเท จำกัดจำนวนผู้ใช้บริการไม่เกินร้อยละ 75 4.จัดพื้นที่สำหรับสูบบุหรี่ด้านนอกอาคาร 5.เปิดประตู หน้าต่าง หรือเปิดพัดลมระบายอากาศ เป็นเวลา 2 ชั่วโมง ก่อนและหลังให้บริการ 6.มีแสงสว่างเพียงพอ และเหมาะสมกับการใช้งาน และ 7.ห้ามกระทำการอื่นใดที่ผิดกฎหมาย เช่น ยาเสพติด การพนัน ค้ามนุษย์ การลักลอบเข้าเมืองของแรงงานต่างด้าว
กำชับให้ติดตาม-ประเมินผลใกล้ชิด
ทั้งนี้ มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข และคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด/กทม. กำกับติดตาม จัดทีมประเมินสถานบันเทิง และซักซ้อมความเข้าใจมาตรฐานที่กำหนดไว้ เพื่อขึ้นทะเบียนและออกใบอนุญาต (ในกรณีผ่านการประเมิน) เป็นการให้สถานบันเทิงเตรียมความพร้อม ดำเนินการคู่ขนานไปกับการประเมินสถานการณ์โควิด-19 ในแต่ละวันอย่างใกล้ชิด หากจำนวนสถานบันเทิงที่ผ่านการประเมินมีจำนวนมากก็จะมีการพิจารณาห้วงเวลาการเปิดกิจการที่มีความเหมาะสมเป็นระยะ
สั่งหาทางเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ
“นายกรัฐมนตรีมีความเห็นใจผู้ประกอบการและ พนักงาน ลูกจ้างกิจการสถานบันเทิง สั่งการให้กระทรวงแรงงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งพิจารณาหาแนวทางช่วยเหลือเยียวยา เพิ่มเติม นอกเหนือจากมาตรการที่ดำเนินการอยู่แล้ว การดำเนินการต่างๆ ต้องเป็นไปด้วยความรอบคอบ อยากให้คนไทยมีความสุขได้เฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง การเร่งเปิดกิจกรรมบันเทิงมีปัจจัยเสี่ยงหลายมิติ หากเกิดเป็นคลัสเตอร์ขึ้นจะกระทบต่อสังคมหมู่มากได้ ในช่วงนี้จึงขอความร่วมมือจากสถานบันเทิง เคร่งครัดในมาตรการ COVID Free Setting เพื่อเตรียมความพร้อมในการเปิดดำเนินการไปก่อน” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว
รบ.เผยความก้าวหน้า4วัคซีนสัญชาติไทย
นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 (ศบค.) เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรี ได้ติดตามความก้าวหน้าการวิจัยวัคซีนในประเทศไทย ซึ่งได้รับการรายงานว่า ขณะนี้ทั้ง 4 วัคซีนกำลังอยู่ในขั้นทดสอบในมนุษย์ และได้รับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อใช้ในการพัฒนาเป็นระยะ รวมวงเงิน 4.8 พันล้านบาท กล่าวคือ
วัคซีน NDV-HXP-S ที่พัฒนาโดยองค์การเภสัชกรรม (อภ.) ร่วมกับมหาวิทยาลัยมหิดลได้รับงบประมาณจากรัฐบาลผ่านสถาบันวัคซีนแห่งชาติ (สวช.) แล้ว 45.88 ล้านบาท ทดสอบในมนุษย์ระยะที่ 2 แล้วตั้งแต่ 16 สิงหาคม 2564 คาดว่าจะทราบผลภายในเดือนธันวาคม 2564 อยู่ระหว่างทำคำของบประมาณเพื่อรับการสนับสนุนสำหรับการทดสอบระยะที่ 3
วัคซีน Chula-Cov19 พัฒนาโดยศูนย์วิจัยวัคซีน คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้รับงบประมาณจากรัฐบาลผ่านสถาบันวัคซีนแห่งชาติ (สวช.) จำนวน 375 ล้านบาท ทดสอบในมนุษย์ระยะที่ 2 เริ่มสิงหาคม 2564 คาดว่าจะทราบผลภายในเดือนธันวาคมนี้ และสำหรับการทดสอบทางคลินิกระยะที่ 3 และการผลิตเพื่อขึ้นทะเบียนวัคซีนเพื่อใช้ในภาวะฉุกเฉิน ครม.ได้อนุมัติงบประมาณจาก พรก.เงินกู้กรอบวงเงิน 2,316 ล้านบาท เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
วัคซีน Baiya SARS-CoV-2Vax พัฒนาโดยบริษัท ใบยา ไฟโตฟาร์ม ซึ่งเป็นบริษัทสตาร์ทอัพ ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้รับงบประมาณจาก พรก.เงินกู้ฯ 160 ล้านบาท ในช่วงต้น ขณะนี้อยู่ในช่วงทดสอบในมนุษย์ ระยะที่ 1 เริ่ม ตั้งแต่ ต.ค. 64 และล่าสุด ครม.ได้อนุมัติกรอบวงเงิน 1,309 ล้านบาท จากพรก.เงินกู้ เพื่อใช้ในการวิจัยและพัฒนาวัคซีนในส่วนของการทดสอบในมนุษย์ระยะที่ 3 ด้วย
และวัคซีนโควิเจน โดยบริษัท ไบโอเนท-เอเชีย ได้รับงบประมาณจาก พรก. เงินกู้แล้ว 650 ล้านบาท ได้ทำการสอบในมนุษย์ ระยะที่ 1 แล้วตั้งแต่วันที่ 25 มิ.ย. 64 เพื่อศึกษาความปลอดภัยและการกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ขณะนี้ อยู่ระหว่างการเตรียมการทดสอบในระยะที่ 2
นายกฯสนับสนุนเต็มที่
“นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญและพร้อมสนับสนุนงบประมาณในการวิจัยและพัฒนาวัคซีนสัญชาติไทยในทุกขั้นตอน ตั้งแต่กระบวนการ R &D การทดสอบประสิทธิภาพ การขึ้นทะเบียนเพื่อให้สามารถนำมาใช้ได้ครบวงจร เสริมความมั่นคงทางวัคซีนของประเทศ ถือเป็นอีกความหวังในการควบคุมการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 และเป็นการเพิ่มศักยภาพด้านการจัดการสาธารณสุขของประเทศในระยะยาวด้วย” นางสาวรัชดา กล่าว
เข้าคิวรับวัคซีนที่ศูนย์ฯบางซื่อคึกคัก
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อว่า ตั้งแต่ช่วงเช้าได้มีประชาชนซึ่งลงทะเบียนขอรับวัคซีนโควิด-19 ผ่านค่ายโทรศัพท์มือถือ เดินทางมาเข้าคิวขอรับการฉีดวัคซีน เข็ม 1 เข็ม 2 และ Booster เข็ม 3 อย่างต่อเนื่อง โดยวันนี้เป็นวันที่ 2 ที่ทางศูนย์ฯ เปิดให้ประชาชน ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ และโมเดอร์นา เข็ม 1 และเข็ม 3 โดยพบว่า ผู้ที่ลงทะเบียนขอรับการฉีดวัคซีนเข็ม 1 และเข็ม 3 เป็นโมเดอร์นา ส่วนใหญ่ เป็นกลุ่มคนที่ลงทะเบียนรับวัคซีนโมเดอร์นาไว้กับโรงพยาบาลเอกชน แต่วัคซีนล่าช้า จึงตัดสินใจลงทะเบียนขอรับวัคซีนจากกระทรวงสาธารณสุขแทน
ขอให้มาตามเวลานัด-ยังไม่เปิดWalk-in
ขณะที่ พญ.มิ่งขวัญ วิชัยดิษฐ ผอ.สถาบันโรคผิวหนัง ในฐานะ ผอ.ศูนย์ฉีดวัคซีนสถานีกลางบางซื่อ กล่าวว่า ในวันนี้ ได้นัดผู้ลงทะเบียนไว้ 3 หมื่นคน เป็นเข็ม 3 จำนวน 1 หมื่นคน เข็ม 2 จำนวน 1.5 หมื่นคน และกลุ่มเด็กอายุ 12-18 ปี อีก 5 พันคน ปัญหาที่พบในวันนี้คือผู้ลงทะเบียนรับวัคซีนเข็ม 1 และเข็ม 3 จากโมเดอร์นา เปลี่ยนใจขอรับวัคซีนเป็นไฟเซอร์แทน จึงทำให้เกิดความวุ่นวายเล็กน้อย รวมถึงคนที่นัดหมายเวลาไว้ในช่วงบ่ายแต่กลับเดินทางมาขอรับวัคซีนในช่วงเช้า ซึ่งเป็นการลัดคิวคนลงทะเบียนช่วงเช้า เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องให้คนนัดเช้าก่อน ทำให้กลุ่มคนช่วงบ่ายต้องรอคิวนาน จึงอยากขอร้องให้ประชาชนที่ลงทะเบียนไว้ เดินทางมาให้ตรงเวลาตามที่นัดหมายไว้เท่านั้น พร้อมย้ำว่าศูนย์ ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ รับฉีดวัคซีนให้กับคนที่ลงทะเบียน ผ่านค่ายมือถือเท่านั้น โดยไม่รับผู้ที่ Walk-in เข้ามา
ไทยพบติดเชื้อใหม่6,073เสียชีวิต32
ศูนย์ข้อมูล COVID-19 สรุปรายงานยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ประจำวันเสาร์ที่ 27 พฤศจิกายน 2564 รวม 6,073 ราย จำแนกเป็น ผู้ป่วยจากระบบเฝ้าระวังฯ 5,633 ราย ผู้ป่วยจากการค้นหาเชิงรุก 214 ราย ผู้ป่วยภายในเรือนจำ/ที่ต้องขัง 169 ราย ผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ 57 ราย ผู้ป่วยสะสม 2,072,096 ราย (ตั้งแต่ 1 เมษายน) หายป่วยกลับบ้าน 6,538 ราย หายป่วยสะสม 1,973,076 ราย (ตั้งแต่ 1 เมษายน) ผู้ป่วยกำลังรักษา 79,780 ราย และเสียชีวิต 32 ราย
กทม.ป่วยเกิน700ราย-สงขลายึดที่2แน่น
ศูนย์ข้อมูล COVID-19 รายงานสถานการณ์ 10 อันดับจังหวัดที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดในประเทศรายใหม่สูงสุด ดังนี้ 1.กรุงเทพมหานคร 704 ราย ยอดสะสม 420,065 ราย 2.สงขลา 441 ราย ยอดสะสม 59,992 ราย 3.นครศรีธรรมราช 366 ราย ยอดสะสม 39,626 ราย 4.สุราษฎร์ธานี 280 ราย ยอดสะสม 24,671 ราย 5.เชียงใหม่ 275 ราย ยอดสะสม 25,620 ราย 6.ชลบุรี 200 ราย ยอดสะสม 107,115 ราย 7.ปัตตานี 182 ราย ยอดสะสม 45,402 ราย 8.ราชบุรี 168 ราย ยอดสะสม 40,540 ราย 9.สมุทรปราการ 150 ราย ยอดสะสม 128,195 ราย 10.ภูเก็ต 149 ราย ยอดสะสม 16,681 ราย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี