นายสุทธิชัย จรูญเนตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะประธานคณะกรรมการแก้ไขปัญหาหนี้สินข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ได้ประชุมโครงการ “แก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษา โดยใช้สหกรณ์ออมทรัพย์ครู (สอ.)ต้นแบบเป็นฐาน” โดยมีนายสุภัทร จำปาทอง ปลัด ศธ., นายอัมพร พินะสาเลขาธิการ กพฐ., นายสุทิน แก้วพนา รองปลัด ศธ., นายวัลลพ สงวนนาม รองเลขาธิการ กพฐ. รวมทั้งตัวแทนธนาคารแห่งประเทศไทย, ธนาคารออมสิน, บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด,กรมส่งเสริมสหกรณ์ และผู้จัดการสหกรณ์ออมทรัพย์ครู20 แห่งที่สมัครเข้าร่วมโครงการฯ ประกอบด้วยภาคเหนือ 4 แห่ง คือ สอ.ครูเพชรบูรณ์ อุตรดิตถ์ กำแพงเพชร และลำปาง - ภาคกลาง 4 แห่ง คือ สอ.ครูกาญจนบุรี สมุทรปราการ ชัยนาท และสระแก้ว - ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 7 แห่ง คือ สอ.ครูสกลนคร หนองคาย ร้อยเอ็ด ชัยภูมิ สุรินทร์ มุกดาหาร และอุบลราชธานี - ภาคใต้ 5 แห่ง คือ สอ.ครูภูเก็ต ปัตตานี สุราษฎร์ธานี ชุมพร และกระบี่ เข้าร่วมประชุมที่โรงแรมเอสดี อเวนิว กรุงเทพฯ
โดย นายสุทธิชัยกล่าวว่า ท่ามกลางการจับตามองของสังคม ที่ตั้งคำถามว่าจะไปสู่ความสำเร็จได้อย่างไร เพราะเรื่องการแก้ปัญหาหนี้สินครูได้เกิดขึ้นมานานหลายรัฐบาลแล้ว แต่ด้วยเงื่อนไขและเวลา อาจจะยังไม่สำเร็จ และ น.ส.ตรีนุช เทียนทองรมว.ศธ. ก็ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก เพราะเชื่อว่าตราบใดที่ครูมีหนี้สินจำนวนมาก ภาระเยอะ ย่อมส่งผลถึงขวัญกำลังใจในการสอนเด็ก และส่งผลกระทบต่อคุณภาพการศึกษา จึงได้ตั้งคณะกรรมการชุดนี้ โดยมอบหมายให้ตนเองเป็นประธานพร้อมทั้งเชิญบุคคลภายนอก เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย, ธนาคารออมสิน, บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด หรือเครดิตบูโร, กรมส่งเสริมสหกรณ์ ร่วมเป็นกรรมการเพื่อบูรณาการแก้ไขปัญหาร่วมกัน พร้อมทั้งนำแนวทางคณะกรรมการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูของ ศธ. ชุดที่ผ่านมา ซึ่งนายอนุชา บูรพชัยศรี อดีตเลขานุการ รมว.ศธ. เป็นประธาน มาสานต่อ ทำให้เข้าใจถึงปัญหาและแนวทางที่จะทำงานต่อได้รวดเร็วมากขึ้น นายสุทธิชัย กล่าว
นายสุทธิชัยกล่าวต่อว่า สำหรับการแก้ปัญหาระยะแรก ได้เชิญสหกรณ์ออมทรัพย์ครู 2 แห่ง ซึ่งเป็นต้นแบบ คือ สมุทรปราการ และกำแพงเพชร มาเล่าให้ฟังถึงวิธีการแก้ปัญหา จากนั้นถอดบทเรียนการแก้ปัญหา จนกระทั่งได้ขยายเป็นระยะที่สอง ที่เปิดรับสมัครสหกรณ์ออมทรัพย์ครูทั่วประเทศเข้ามาร่วมโครงการ ที่เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ นอกเหนือจาก 20 แห่งนี้แล้ว จะเปิดรับสมัครเพิ่มเติมจนถึงเดือนธันวาคม นี้ เพื่อพิจารณาแนวทางที่เหมาะสมในการดำเนินการ และขยายผลการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป
ด้าน นายสุทิน แก้วพนา รองปลัด ศธ. กล่าวว่า ปัจจุบันครู 9 แสนคนทั่วประเทศ หรือประมาณร้อยละ 80 มีหนี้สินรวมกันกว่า 1.4 ล้านล้านบาทโดยเจ้าหนี้รายใหญ่ที่สุด คือ สหกรณ์ออมทรัพย์ครูเป็นจำนวน 8.9 แสนล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 64รองลงมาคือ ธนาคารออมสิน จำนวน 3.49 แสนล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 25 ของหนี้สินครูทั้งหมด สาเหตุของปัญหาหนี้สิน เช่น เกิดจากข้อตกลงระหว่างเจ้าหนี้และลูกหนี้ เจ้าหนี้เป็นฝ่ายกำหนดอาจเป็นข้อตกลงที่เอาเปรียบลูกหนี้ที่ต้องยอมรับเพราะไม่มีทางเลือก ลูกหนี้ไม่มีวินัยทางการเงินหรือใช้จ่ายเกินตัว ฯลฯ
รองปลัด ศธ. กล่าวต่อว่า แนวทางแก้ปัญหาศธ.จะพิจารณาร่วมกับสหกรณ์ออมทรัพย์ครูนำร่อง 20 แห่ง เกี่ยวกับขอบเขตการดำเนินงานแก้ปัญหาหนี้สินครู โดยมีแนวทางที่จะนำมาพิจารณาร่วมกันเช่น
-ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก ของสหกรณ์ออมทรัพย์ครูให้ต่ำลงไม่เกิน 3% เพราะปัจจุบันอยู่ที่ 3.5-4.5% ถือว่าสูงผิดปกติ ต้องกำหนดเพดานเงินฝากให้ต่ำลงเพื่อลดผลกระทบที่มีต่อเงินกู้ - ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ให้สอดคล้องกับสินเชื่อที่มีอัตราความเสี่ยงต่ำ 4.5-5.0% - จัดสรรผลกำไรมาเพิ่มเงินเฉลี่ยคืนเงินกู้ให้มากขึ้น - นำเงินปันผลมาหักชำระหนี้เพื่อลดยอดหนี้รายเดือน - การบริหารความเสี่ยง การสร้างหลักประกันเงินกู้ - การปรับลดบุคคลค้ำประกัน ปรับลด
การซื้อประกันที่ไม่จำเป็นลง - การปรับโครงสร้างหนี้- จัดทำฐานข้อมูลสมาชิก และการเชื่อมโยงฐานข้อมูลกับสถาบันการเงินและต้นสังกัด - ร่วมกับส่วนราชการต้นสังกัดหัก ณ ที่จ่าย ควบคุมยอดหนี้ไม่ให้เกินความสามารถในการชำระหนี้ของสมาชิกสหกรณ์ ให้มีเงินเดือนเหลือไม่น้อยกว่า 30% - สร้างระบบพัฒนาดูแลสมาชิก ให้ความรู้เสริมสร้างวินัยและการวางแผนทางด้านการเงิน การสร้างอาชีพเสริมลดรายจ่าย เพิ่มการออม ไม่ก่อหนี้เพิ่ม
“ทั้งนี้ จะขยายผลการแก้ปัญหาสู่สหกรณ์ออมทรัพย์ครูต้นแบบ ในระดับพื้นที่ทั้ง 4 ภาค ภายในต้นปี 2565 ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้เกิดสหกรณ์ออมทรัพย์ครูตัวอย่าง/ต้นแบบ ที่มีการบริหารจัดการที่สามารถนำไปขยายผลได้ เกิดการพัฒนาองค์ความรู้ นวัตกรรม เพื่อการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษา รวมทั้งเกิดการพัฒนากลไกการทำงานของภาคีเครือข่ายในการแก้ไขปัญหาหนี้สินครู ส่งผลให้ครูและบุคลากรทางการศึกษามีสภาพคล่องในการชำระหนี้ มีคุณภาพชีวิตที่ดี” รองปลัด ศธ. กล่าว
อย่างไรก็ตาม ในการประชุมครั้งนี้ มีผู้บริหารจากส่วนราชการภายในและภายนอก ศธ. ชี้แจงในประเด็นต่างๆ พร้อมมีข้อเสนอแนะ ดังนี้ นายขจรธนะแพสย์ จากธนาคารแห่งประเทศไทย ได้กล่าวให้แนวทางการบริหารจัดการสหกรณ์เพื่อแก้ไขปัญหาในประเด็นการยุบยอดหนี้ ปรับโครงสร้างหนี้ ปฏิรูปอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ การบริหารความเสี่ยง
ส่วนตัวแทนผู้อำนวยการธนาคารออมสินให้แนวทางการ Re-Finance หนี้ครูไปยังสหกรณ์ สินเชื่อบำเหน็จตกทอด เพิ่ม Funding Resource ให้สหกรณ์เพื่อทดแทนเงินฝาก
นายสุรพล โอภาสเสถียร จากบริษัทเครดิตบูโร ให้แนวทางการจัดเก็บและบริหารจัดการฐานข้อมูลหนี้สิน โดยการสนับสนุนข้อมูลจากเครดิตบูโร
นางสุรางค์ คัยนันท์ ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาธุรกิจสหกรณ์ออมทรัพย์ กรมส่งเสริมสหกรณ์ให้แนวทางการส่งเสริมและสนับสนุนกิจการสหกรณ์ที่จะนำแนวทางจากการดำเนินงานร่วมกันของสหกรณ์ออมทรัพย์ครูต้นแบบไปพิจารณาแนวทางที่สามารถปฏิบัติได้
นายสุภัทร จำปาทอง ปลัด ศธ. ให้แนวทางปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ และประสบการณ์ที่เคยทำหน้าที่เป็นประธานสหกรณ์ออมทรัพย์ครูมาเป็นระยะเวลา 2 ปี
นายอัมพร พินะสา เลขาธิการ กพฐ. ให้แนวทางการหักเงิน ณ ที่จ่าย และการควบคุมยอดหนี้ของครูในสังกัด รวมทั้งสถานีแก้หนี้ครูระดับเขตพื้นที่การศึกษา
ประธานสหกรณ์ออมทรัพย์ครูสมุทรปราการและกำแพงเพชร ให้แนวทางเกี่ยวกับแผนการแก้ไขหนี้สินครู เพื่อเป็นแนวทางและถอดบทเรียนในการบริหารจัดการของสหกรณ์ออมทรัพย์ครู
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี