มติครม.สั่งตรวจRT-PCR
ต่างชาติเข้าไทย
สกัดเชื้อกลายพันธ์โอไมครอน
นายกฯย้ำทุกด่านทั่วปท.คุมเข้ม
คาดโทษจนท.ปล่อยเข้าเมือง
สธ.เตรียมพร้อมยา-เวชภัณฑ์
เพิ่มเป้าฉีดวัคซีน120ล้านโดส
‘ญี่ปุ่น-สเปน’เจอแล้วรายแรก
ไทยติดเชื้อรายวันลดต่อเนื่องอยู่ที่ 4,306 ตาย 37 ศพนครศรีธรรมราช รั้งที่ 2 ใน 10 จว.ติดเชื้อสูงสุดในประเทศ แซงสงขลา ส่วนยอดฉีดวัคซีนไทย 92.6 ล้านโดสสธ.เดินหน้าจัดสัปดาห์รณรงค์ฉีดวัคซีนให้ได้ตามเป้าร้อยล้านโดสเมื่อถึง 5 ธันวาคมขณะที่ครม.กลับมติศบค.สั่งตรวจ RT-PCR เหมือนเดิม หลังโควิดกลายพันธุ์ตัวใหม่ “โอไมครอน” ระบาดลามหลายประเทศ “อนุทิน” ยันสธ.เฝ้าระวังใกล้ชิด เตรียมพร้อมปรับมาตรการ ยา-เวชภัณฑ์-เตียง เพิ่มเป้าหมายฉีดวัคซีนให้ได้120 ล้านโดส ย้ำใช้วิธีตรวจ RT-PCR ต่อไปจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้นส่วนสถานการณ์โลกน่าเป็นห่วงเช่นกัน เมื่อญี่ปุ่น-สเปนตรวจเจอผู้ติดเชื้อรายแรกแล้ว สิงคโปร์ผวาพบ 2 นทท.แวะต่อเครื่องติดเชื้อ
เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือศบค. รายงานจำนวนผู้ติดเชื้อ ผู้เสียชีวิต ในประเทศไทยรอบ 24 ชั่วโมง รวมถึงจำนวนฉีดวัคซีนสะสมที่ต้องให้ได้ตามเป้ากว่าร้อยล้านโดส
ไทยติดโควิด4,306-ตาย37ราย
ไทยตรวจพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้น 4,306 ราย ผู้ป่วยยืนยันสะสมตั้งแต่ปี 2563 อยู่ที่ 2,115,872 ราย หายป่วยวันนี้ 6,407 ราย หายป่วยสะสมตั้งแต่ปี 2563 อยู่ที่ 2,019,428 ราย ผู้ป่วยรักษาอยู่ 75,673 ราย อาการหนัก 1,353 ราย เป็นผู้ที่ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ 329 ราย ผู้เสียชีวิต 37 ราย เสียชีวิตสะสมตั้งแต่ปี 2563 อยู่ที่ 20,771 ราย
นครฯยังที่2ใน10จว.เชื้อสูงสุดในปท.
ส่วน 10 อันดับจังหวัดที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดในประเทศรายใหม่สูงสุดนั้น กรุงเทพมหานคร (กทม.) ยังอยู่ในอันดับที่ 1 มีผู้ติดเชื้อรายวัน 740 ราย อันดับ 2.นครศรีธรรมราช 307 ราย 3.สงขลา 247 ราย 4.สุราษฎร์ธานี 247 ราย 5.ชลบุรี 170 ราย 6.เชียงใหม่ 167 ราย 7.สมุทรปราการ 119 ราย 8.ตรัง 98 ราย 9.ปัตตานี 96 ราย 10.กระบี่ 93 ราย ทั้งนี้ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ใน 76 จังหวัด มีเพียงจังหวัดเดียวที่ไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่คือ สกลนคร ขณะที่ภาคใต้ภาพรวมติดเชื้อลดลง แต่ขยับเข้ามาอยู่ในท็อปเท็นถึง 6 จังหวัด คือ อันดับ 2 นครศรีธรรมราช อันดับ 3 สงขลา อันดับ 4 สุราษฎร์ธานี อันดับ8 ตรัง อันดับ 9 ปัตตานีและอันดับ10 กระบี่
ฉีดวัคซีนสะสม92.6ล้านโดส
ศบค. ยังเปิดเผยข้อมูลฉีดวัคซีนภาพรวมจนถึงวันที่ 29 พฤศจิกายน เพิ่มขึ้น 297,973 โดส แบ่งเป็นผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 จำนวน 110,870 ราย ผู้ได้วัคซีนเข็มที่ 2 จำนวน 157,133 ราย ผู้ได้วัคซีนเข็มที่ 3 จำนวน 29,970 ราย จำนวนผู้รับวัคซีนสะสมตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์- 29 พฤศจิกายน 92,658,390 โดส ใน 77 จังหวัด ผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 จำนวน 48,074,050 ราย (คิดเป็น 66.7% ของประชากร) ผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 2 จำนวน 41,210,777 ราย คิดเป็น 57.2% ของประชากร ผู้ได้วัคซีนเข็มที่ 3 จำนวน 3,373,563 ราย คิดเป็น 4.7% ของประชากร ขณะที่สัปดาห์นี้รัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุขเร่งรณรงค์ให้ประชาชนเข้ารับวัคซีนให้มากที่สุด โดยจัดกิจกรรมในสัปดาห์แห่งการฉีดวัคซีน เพื่อให้ได้ยอดฉีดวัคซีนสะสม 100 ล้านโดสเมื่อถึงวันที่ 5 ธันวาคม
29วันเข้าปท.1.28แสนราย
ขณะเดียวกัน ศบค.ยังรายงานผลดำเนินงานการรับผู้เดินทางเข้าราชอาณาจักรผ่านช่องทางท่าอากาศยานทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 1-29 พฤศจิกายน มีจำนวนสะสมรวมอยู่ที่ 128,466 ราย พบติดเชื้อเพิ่มเติม 6 ราย จากผู้เดินทางเข้าประเทศ 6,068 ราย
ครม.สั่งตรวจRT-PCRเหมือนเดิม
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์หลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ถึงกรณีกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เสนอให้ที่ประชุม ครม. กลับมติศบค. กรณีให้ผู้ที่เดินทางจากต่างประเทศเข้ามาประเทศไทย ทำการตรวจแบบ RT-PCR เหมือนเดิมว่า ใช่ เนื่องจากเราต้องให้ความระมัดระวัง จึงต้องแก้ไขนิดหน่อยเพราะสถานการณ์เชื้อโควิดกลายพันธุ์ตัวใหม่ โอไมครอน ระบาดอยู่ในขณะนี้ จากเดิมที่จะให้ตรวจด้วยชุดตรวจ ATK ตอนนี้ก็ให้กลับมาตรวจแบบ RT-PCRใหม่อีก ซึ่งก็ต้องเข้าใจ ต้องระมัดระวัง ให้เริ่มมีผลทันทีตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
จับตาโอไมครอนยกระดับป้องกัน
ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงมาตรการป้องกันโควิด- 19 สายพันธุ์ไอไมครอนว่า ตนและสธ.กำลังจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ได้สั่งให้ปรับเปลี่ยนมาตรการเพื่อให้ประชาชนมั่นใจ และปลอดภัย อย่างล่าสุดสั่งห้ามบางประเทศเข้าไทย และปรับมาตรการให้บางประเทศ เข้ามาแล้วต้องกักตัวในสถานที่รัฐจัดให้แบบไม่มีเงื่อนไข ส่วนความกังวลเรื่องการเปลี่ยนวิธีการตรวจเมื่อเข้ามาในประเทศไทยจาก RT-PCR เป็น ATK ล่าสุด สั่งให้ทบทวนแล้วเช่นกัน เพราะความปลอดภัยของประชาชนเป็นสิ่งที่เรากังวลมากที่สุด
เพิ่มเป้าฉีดวัคซีนปีนี้120ล.โดส
ในส่วนของวัคซีน นายอนุทินกล่าวย้ำว่า สธ.เร่งระดมฉีด เพราะต้องการเสริมเกราะให้ประชาชน ดังนั้น อยากให้ทุกคนรีบมารับวัคซีน เรามีวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ และปลอดภัย ขณะเดียวกัน ยังมีทีมไปตามฉีดให้ถึงพื้นที่ เป้าหมายปีนี้ของกระทรวงสาธารณสุขคือ 120 ล้านโดส สำหรับการระบาดของโควิดกลายพันธุ์โอไมครอน ทั่วโลกกำลังพัฒนาวัคซีน เพื่อคุมการระบาด ไทยก็ติดตามความก้าวหน้าจากทั่วโลก ขณะที่ในประเทศ มีทีมศึกษาวิจัย หวังว่าเร็วๆ นี้ จะมีวัคซีน ที่ป้องกันเชื้อตัวใหม่นี้ได้ ยืนยันว่า สธ.เตรียมพร้อมทั้งแผนรับมือ เวชภัณฑ์ บุคลากรและวัคซีน รองรับทุกสถานการณ์ที่อาจเปิดขึ้น อีกทั้ง ยังมองถึงอนาคตที่จะต้องดำเนินการเรื่องวัคซีน Gen ใหม่ไว้แล้ว
สั่งเข้มทุกด่าน-คาดโทษเกียร์ว่าง
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์หลังประชุม ครม.ว่า ที่ประชุม เห็นชอบตามที่สธ.เสนอ ให้ใช้วิธีตรวจเชื้อโควิด-19 แบบ RT-PCR กับผู้เดินทางเข้าประเทศเหมือนเดิม ซึ่งทางปฏิบัติยังใช้วิธีนี้อยู่ เพราะตามมติศบค. เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน ที่ให้ใช้การตรวจแบบ ATK แทน RT-PCR จะไม่มีผลบังคับวันที่ 16 ธันวาคม เราจะใช้วิธีตรวจแบบนี้จนกว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนแปลง หรือทราบข้อมูลว่าโอไมครอนมีผลแพร่กระจายเชื้อเร็วกว่าเดลต้า หรือผู้ป่วยอาการรุนแรงกว่าหรือไม่ และจะตรวจคัดกรองผู้เข้าประเทศทั้งทางอากาศ ช่องทางธรรมชาติ ทางบก และทางเรืออย่างเข้มข้น นอกจากนี้ นายกฯสั่งการหน่วยงานความมั่นคงไปแล้วว่า ต้องจัดการอย่างเข้มข้นและมีการคาดโทษกรณีละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ปล่อยให้เข้าประเทศผิดกฎหมาย
ตรวจเจอรายงานนายกฯทันที
ผู้สื่อข่าวถามว่า มติครม.ที่ให้ยึดการตรวจแบบ RT-PCR จะมีผลบังคับใช้เมื่อใด นายสาธิต กล่าวว่า ขณะนี้ยังตรวจแบบ RT-PCR อยู่ สธ.ติดตามสถานการณ์ระบาดของเชื้อโอไมครอนในหลายประเทศ หากตรวจพบเชื้อในคนที่เดินทางเข้าประเทศ เราจะตรวจซ้ำว่าเป็นสายพันธุ์อะไร สิ่งที่เรากังวลคือ ถ้ามาช่องทางธรรมชาติจะไม่ทราบว่าเป็นสายพันธุ์อะไร หากเข้ามาระบาดแล้วตรวจพบทีหลัง จะตามหาต้นตอยากขึ้น แต่ถ้าพบที่ต้นตอจะจัดการตามมาตรการได้
ถามต่อว่า ถ้าพบเชื้อโอไมครอนขึ้นมา จะประกาศล็อกดาวน์เลยหรือไม่ นายสาธิตกล่าวว่า มาตรการของนายกฯถ้าตรวจพบต้องรีบรายงานให้นายกฯทราบทันที เพื่อหารือและให้ตัดสินใจอย่างรวดเร็วว่าจะมีมาตรการอย่างไร ส่วนจะมีผลกระทบต่อการเปิดสถานบันเทิงหรือไม่นั้น ถ้ายังไม่พบข้อมูลระบาด ยังทำตามมาตรการเดิม แต่ต้องเฝ้าระวังมากขึ้น และเคร่งครัดมาตรการป้องกันโรคส่วนบุคคล
สธ.ย้ำพร้อมรับมือโอไมครอน
ขณะที่นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.)แถลงถึงการเตรียมพร้อมรับมือโควิดสายพันธุ์โอไมครอน และความคืบหน้าการฉีดวัคซีนโควิดว่า เรามีมาตรการเตรียมพร้อมหลายอย่าง อาทิ การห้าม 8 ประเทศในกลุ่มแอฟริกาเข้าไทย ทั้งบอตสวานา เอสวาตินี เลโซโท มาลาวี โมซัมบิก นามิเบีย แอฟริกาใต้ และซิมบับเว ยกเว้นคนไทยที่เดินทางกลับมา ต้องเข้าระบบกักตัว 14 วัน นอกจากนี้ คนที่เดินทางเข้าประเทศไทยยังคงให้ตรวจหาเชื้อ RT-PCR โดยขอขยายเวลาไปถึงสิ้นเดือนธันวาคม จากเดิมจะให้ตรวจด้วย ATK ส่วนวัคซีนป้องกันโควิดยังได้ผลอยู่เช่นเดิม ยืนยัน เรามีมาตรการเข้มมากทุกช่องทาง
ระวังอาการที่แน่ชัด-เร่งฉีดวัคซีน
ผู้สื่อข่าวถามว่า อาการของโควิดโอไมครอนตอนนี้เป็นอย่างไร นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า ยังไม่ชัดเจน แต่เบื้องต้นอาการไม่ได้รุนแรง ลักษณะเกิดโรคคล้ายๆไข้หวัด ปวดเมื่อย ปวดกล้ามเนื้อ 2-3 วันจะดีขึ้น แต่เราก็ต้องติดตามต่อไป การคงมาตรการป้องกันตัวเอง ทั้งสวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง ล้างมือบ่อยๆ ยังป้องกันได้ดีที่สุด ควบคู่กับฉีดวัคซีนโควิด ปัจจุบันไทยฉีดวัคซีนในกลุ่มคนไทยแล้วจำนวนมาก เป็นเข็ม 1 กว่า 72% ซึ่งนายกฯอยากให้ได้ถึง 75% คาดว่าสิ้นปีนี้ ไม่น่าจะมีปัญหา ส่วนเข็ม 2 ฉีดครอบคลุมมากกว่ากว่า 60% ดังนั้น ขอความร่วมมือประชาชนมาฉีดวัคซีน เรามีวัคซีนมากพอ วัคซีนภาครัฐมีประมาณ 140 ล้านโดส วัคซีนทางเลือกประมาณ 20-30 ล้านโดส
เตียงพอ-ฟาวิพิราเวียร์มีใช้45วัน
ปลัด สธ.ยังกล่าวถึงสถานการณ์เตียงปัจจุบันมีประมาณ 2 แสนเตียง ใช้ไปประมาณ 30% ตอนนี้ยังมีพอเหลือ ยามีฟาวิพิราเวียร์ อย่างน้อย 45 วันละ 5 แสนเม็ด และสั่งเพิ่มจำนวนหนึ่ง ขณะเดียวกันประเทศไทย โดยองค์การเภสัชกรรมมีวัตถุดิบสำหรับผลิตยาฟาวิพิราเวียร์ประมาณ 60 ล้านเม็ด นอกจากนี้ เรายังมีการทำสัญญาสั่งซื้อยาโมลนูพิราเวียร์ 50,000 คอส จะเข้ามาเดือนมกราคม 2565
เผยขั้นตอนคนไทย8ปท.กลับบ้าน
วันเดียวกัน กระทรวงการต่างประเทศของไทย เปิดเผยข้อมูลและขั้นตอนหากคนไทยใน 8 ประเทศทวีปแอฟริกาอยากกลับว่า ขอให้คนไทยที่อยู่ใน 8 ประเทศแอฟริกา ได้แก่ บอตสวานา เอสวาตินี เลโซโท มาลาวี โมซัมบิก นามิเบีย แอฟริกาใต้ และซิมบับเว โดยเฉพาะโมซัมบิกและแอฟริกาใต้ ประสงค์เดินทางกลับไทย สายการบิน Ethiopian Airlines จะให้บริการเที่ยวบิน ET608 เข้าไทยทุกวันพุธ (วันที่ 1, 8, 15, 22 และ 29 ธันวาคม) โดยออกจากกรุงแอดดิสอาบาบา เอธิโอเปีย เวลา 00.10 น. ตามเวลาท้องถิ่น และจะถึงกรุงเทพฯ ในเวลา 13.10 น. ตามเวลา ประเทศไทย วันเดียวกัน และเน้นย้ำว่าผู้เดินทางทุกคนในกรณีนี้ต้องเข้ากักตัว 14 วัน โดยผู้เดินทางลงทะเบียนขอรับ COE ผ่าน https://coethailand.mfa.go.th/regis/newvirus
แอฟริกายอดติดเชื้อพุ่ง330%
ด้านสถานการณ์ระบาดไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนในต่างประเทศนั้น สำนักข่าวเดลี่เมล รายงานสถานการณ์โควิดในแอฟริกาใต้ พบผู้ป่วยโควิดในจังหวัดเคาเต็ง ซึ่งมีเมืองโจฮันเนสเบิร์ก เมืองเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ เป็นเมืองเอก เพิ่มขึ้นกว่า 330% ในระยะเวลา 2 สัปดาห์ ขณะที่จังหวัดเคาเต็ง ถือเป็นจังหวัดแรกที่พบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์ใหม่ B.1.1.529 หรือ โอไมครอน (Omicron) ในประเทศแอฟริกาใต้ โดย สาธารณสุขจังหวัดเคาเต็ง พบผู้ป่วยในสัปดาห์นี้รวมแล้ว 580 ราย เป็นการติดเชื้อแบบก้าวกระโดด 330% เทียบกับสองสัปดาห์ก่อน ซึ่งมีผู้ป่วย 135 ราย สำหรับจังหวัดคาเต็งนั้น มีประชากร 12 ล้านคน ได้ฉีดวัคซีนอย่างน้อย 1 เข็ม ต่ำกว่า 40%
ญี่ปุ่นเจอติดเชื้อโอไมครอนรายแรก
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ญี่ปุ่นพบผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนรายแรกแล้ว เป็นนักการทูตชาวนามิเบียวัย 30 ปี เพศชาย มีผลตรวจโควิดเป็นบวกหลังเดินทางมาถึงสนามบินนาริตะเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา วันเดียวกัน ญี่ปุ่นประกาศปิดพรมแดนสำหรับชาวต่างชาติที่เข้ามาใหม่ รวมถึงผู้ที่เดินทางมาเพื่อธุรกิจ นักเรียนต่างชาติ และนักศึกษาฝึกงานต่างชาติ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยคำสั่งห้ามดังกล่าวจะไม่ส่งผลต่อชาวต่างชาติที่เดินทางกลับเข้ามาในญี่ปุ่นและชาวญี่ปุ่น แต่หากคนกลุ่มนี้เดินทางมาจาก 14 ประเทศที่พบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอไมครอน ทุกคนต้องกักตัวในสถานที่ที่รัฐบาลกำหนด
สเปนพบผู้ป่วยโอไมครอนรายแรก
เช่นเดียวกับ ศูนย์บริการทางจุลชีววิทยาของโรงพยาบาลเกรกอริโอ มารานอน ในกรุงมาดริด ของสเปนเผยผลตรวจยืนยันพบผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน รายแรกของประเทศ เป็นชายวัย 51 ปี ที่กลับมาสเปนเมื่อวันอาทิตย์ที่ 28 พฤศจิกายน หลังเดินทางไปแอฟริกาใต้ ซึ่งเป็นพื้นที่ตรวจพบเชื้อครั้งแรก โดยมีอาการป่วยเล็กน้อย และมีรายงานอีกว่า ผู้ป่วยรายนี้เดินทางกลับสเปนด้วยเที่ยวบินจากกรุงอัมสเตอร์ดัม เมืองหลวงของเนเธอร์แลนด์ด้วย การพบผู้ติดเชื้อครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังรัฐบาลสเปนประกาศมาตรการใหม่ เพื่อสกัดการระบาดไวรัสโควิด โดยกำหนดข้อจำกัดการเดินทางจากภูมิภาคแอฟริกาตอนใต้
การควบคุมที่เข้มงวดขึ้นยังมีผลบังคับใช้กับผู้เดินทางมาจากสหราชอาณาจักร ซึ่งปัจจุบันต้องแสดงใบรับรองการฉีดวัคซีนและผลตรวจหาเชื้อที่เป็นลบ
ฮ่องกงห้ามคนจาก13ปท.เข้าเมือง
ส่วนทางการฮ่องกงแถลงว่า ผู้ไม่มีถิ่นที่อยู่ในฮ่องกงจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าฮ่องกงตั้งแต่วันที่ 30 พฤศจิกายน หากเดินทางมาจากแองโกลา เอธิโอเปีย ไนจีเรีย และแซมเบีย ส่วนผู้มีถิ่นที่อยู่ในฮ่องกงที่เดินทางมาจากประเทศเหล่านี้จะเดินทางกลับเข้าฮ่องกงได้ต่อเมื่อฉีดวัคซีนแล้ว และต้องกักโรค 7 วันในสถานที่ของรัฐบาล และกักตัวต่ออีก 2 สัปดาห์ในโรงแรมที่ต้องออกค่าใช้จ่ายเอง นอกจากนี้ ผู้ไม่มีถิ่นที่อยู่ในฮ่องกงจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าฮ่องกงตั้งแต่วันที่ 2 ธันวาคม หากพำนักอยู่ในออสเตรเลีย ออสเตรีย เบลเยียม แคนาดา สาธารณะรัฐเช็ก เดนมาร์ก เยอรมนี อิสราเอล และอิตาลีช่วง 21 วันที่ผ่านมา ขณะที่ผู้มีถิ่นที่อยู่ในฮ่องกงที่เดินทางมาจากประเทศเหล่านี้จะกลับเข้าฮ่องกงได้ต่อเมื่อฉีดวัคซีนแล้ว โดยต้องกักโรค 3สัปดาห์ในโรงแรม โดยก่อนหน้านี้ ฮ่องกงเพิ่งออกประกาศห้ามห้ามผู้ไม่มีถิ่นที่อยู่ในฮ่องกงเดินทางเข้า หากมาจากแอฟริกาใต้ บอตสวานา เอสวาตีนี เลโซโท มาลาวี โมซัมบิก นามิเบีย และซิมบับเว จนถึงขณะนี้ฮ่องกงตรวจพบคนติดเชื้อสายพันธุ์โอไมครอนแล้ว 3 คน เป็นผู้อยู่ระหว่างกักโรค และยังไม่พบติดเชื้อในฮ่องกง
สิงคโปร์ผวา2นทท.เปลี่ยนเครื่องติดเชื้อ
กระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์แถลงว่า ตรวจพบผู้โดยสาร 2 คน ผลตรวจหาเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอไมครอนเป็นบวกที่นครซิดนีย์ของออสเตรเลีย แวะต่อเครื่องบินที่สิงคโปร์ โดยเดินทางออกจากนครโจฮันเนสเบิร์กของแอฟริกาใต้ เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน ด้วยเที่ยวบินของสายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ มาถึงท่าอากาศยานชางงีของสิงคโปร์วันเดียวกันเพื่อต่อเครื่องบิน และในจำนวนผู้โดยสาร 7 คนที่ลงจากเครื่องบินลำนั้น กักตัวอยู่ที่บ้าน 6 คน และถูกกักโรค 1 คนเพราะใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ เจ้าหน้าที่กำลังติดตามหาพนักงานท่าอากาศยานที่อาจใกล้ชิดผู้ติดชื้อ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี