เมื่อถึงเดือนธันวาคมของทุกปี ลมหนาวจากประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน พัดเข้าสู่จังหวัดอำนาจเจริญ ทำให้สภาพอากาศโดยทั่วไปหนาวเย็น และเป็นช่วงที่เกษตรกรผู้ทำนาปลูกข้าว เก็บเกี่ยวผลผลิตข้าวแล้วเสร็จ ต้องการพักผ่อนหย่อนใจ จึงได้จัดงานประเพณี ฮีตสิบสองและงานประจำปี จังหวัดอำนาจเจริญ ขึ้น เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว ให้เกษตรกรผู้ทำนาปลูกข้าวได้พักผ่อนหย่อนใจมีความบันเทิงรื่นเริงหลังจากตรากตรำทำนามาหลายเดือน และเฉลิมฉลองแสดงความยินดีที่จัดตั้งจังหวัดอำนาจเจริญ ครบ 28 ปีอีกด้วย
สำหรับปีนี้ กำหนดจัดงานประเพณีฮีตสิบสองและงานประจำปี จังหวัดอำนาจเจริญประจำปี 2564 ระหว่างวันที่ 1-10 ธันวาคม 2564 ณ บริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัดอำนาจเจริญ โดยเฉพาะการจัดงานปีนี้ พิเศษกว่าทุกปี เนื่องจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(โควิด 19) จึงต้องมีการคัดกรอง ผู้มาเที่ยวงาน ต้องได้รับวัคซีน 2 เข็มหรืออย่างน้อย 1 เข็ม ไม่น้อยกว่า 14 วัน พร้อมทั้งแสดงใบรับรองการฉีดวัคซีน หรือ แสดงใบรับรองการฉีดวัคซีนผ่านระบบแอปพลิเคชั่นหมอพร้อม กับ เจ้าหน้าที่วัดอุณหภูมิร่างกายรวมถึง พ่อค้า แม่ค้า ซึ่งมาจำหน่ายสินค้าภายในงาน จะต้องฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม หรือ1 เข็ม ไม่น้อยกว่า 14 วัน ภายใต้มาตรการป้องกันโควิด-19 อย่างเคร่งครัดอีกด้วย
ส่วนกิจกรรมในงานทั้ง 10 วัน ประกอบด้วย วันที่ 1 ธันวาคม 2564 ซึ่งถือเป็นวันสถาปนาจังหวัดอำนาจเจริญ ครบรอบ 28 ปี และจังหวัดอำนาจเจริญเป็นจังหวัดที่ 75 ของประเทศไทย ในช่วงเช้า มีพิธีบวงสรวงบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำจังหวัดอำนาจเจริญ ที่ลานพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 5 มีการรำบวงสรวงจาก 7 อำเภอ ในช่วงเย็นพิธีเปิดงานประเพณีฮีตสิบสอง เช่น ชุดแสดงออนซอนอีสาน เทิดพระเกียรติ “น้อมใจภักดี เทิดองค์ภูมี ดวงใจปวงประชา” คืนวันที่ 2 ธ.ค.2564 การประกวดกลองยาว วันที่ 3 ธ.ค.2564 การประกวดร้องเพลงลูกทุ่งท้องที่ วันที่4 ธ.ค.2564 การประกวดร้องเพลงลูกทุ่งท้องถิ่น วันที่ 5 ธ.ค.2564 การแสดงดนตรีของโรงเรียนปลาค้าววิทยานุสรณ์ วันที่ 6 ธ.ค.2564การเดินแบบผ้าไทย “สืบสานตำนานผ้าทอ สานต่อศิลป์ ถิ่นอำนาจ” วันที่ 7 ธ.ค.2564 การประกวด TO BE NUMBER ONE วันที่ 8 ธ.ค.2564 การแสดงมินิคอนเสิร์ต “สืบกล่าวเล่าขานตำนานหมอลำ อำนาจเจริญ” วันที่ 9 ธ.ค.2564 การประกวดนางสาวอำนาจเจริญ และวันที่ 10 ธ.ค.2564 การแสดงโปงลางและดนตรีสากลของนักเรียนโรงเรียนอำนาจเจริญ รวมถึงการออกร้าน นิทรรศการให้ความรู้จากส่วนราชการต่างๆ บูธแสดง ประเพณีวัฒนธรรมทั้ง 7 อำเภอ การจำหน่ายสินค้าราคาถูก การออกร้านจำหน่ายสินค้า OTOP สินค้าจากเอกชน การแสดงของศิลปินนักร้องชื่อดังตลอดการจัดงานและกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย
เป็นที่ฮือฮา เป็นจุดเด่น สะดุดตา ผู้มาเที่ยวงาน ให้ความสนใจมาก ก็คือ ตามบูธจัดแสดงนิทรรศการทั้ง 7 อำเภอ จะมีสัญลักษณ์ประจำอำเภอตั้งอยู่ เช่น พญานาค 2 ตัว ที่บูธ อ.ลืออำนาจ, ยักษ์คุ ที่ อ.ชานุมาน เป็นต้น ซึ่งผู้มาเที่ยวงานต่างเดินตรงไปถ่ายภาพ ถ่ายเซลฟี่ กับสัญลักษณ์ดังกล่าว เพื่อเก็บภาพประทับใจ
ไว้เป็นที่ระลึกกันทุกคน
สำหรับ ฮีตสิบสอง คือ จารีตประเพณีสิบสองเดือน ที่ชาวอีสานได้ถือปฏิบัติสืบต่อกันมาอย่างเคร่งครัด ส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับพุทธศาสนาเป็นหลัก โดยมีการเริ่มนับตั้งแต่เดือนอ้าย(เดือนธันวาคม) ซึ่งเป็นเดือนแรกเริ่มงานบุญ ในแต่ละเดือนจะมีงานบุญ ดังนี้
เดือนอ้าย-บุญเข้ากรรม คือ พิธีทำบุญถวายพระภิกษุผู้ต้องอาบัติ ซึ่งเข้าไปอยู่ในเขตจำกัด เพื่อทรมานร่างกายให้พ้นจากกรรมหรือพ้นจากอาบัติที่ได้กระทำและเป็นการชำระจิตใจให้สะอาดบริสุทธิ์ เชื่อกันว่า เป็นการรำลึกและทดแทนพระคุณมารดา ที่เคยอยู่ไฟหรืออยู่กรรมหลังการคลอดบุตร
เดือนยี่ - บุญคูณลาน (บุญคุณข้าว) เป็นการทำบุญขวัญข้าวที่นวดเสร็จและที่กองไว้บนลานบ้าน และนิมนต์พระมาสวดมนต์เย็นกลางคืนมีมหรสพพื้นบ้าน รุ่งเช้ามีการถวายอาหารบิณทบาตแด่พระสงฆ์ จากนั้นนำน้ำพระพุทธมนต์ประพรมตามกองข้าวและท้องนา โดยเชื่อว่า จะทำให้ข้าวกล้าในปีต่อๆไปงอกงามดี ปราศจากศัตรูมารบกวน เสร็จพิธีจึงขนข้าวใส่ยุ้ง
เดือนสาม - บุญข้าวจี่ นิยมทำกันในกลางเดือนสามหรือปลายเดือนสาม ภายหลังการทำบุญวันมาฆบูชา คำว่า จี่ คือ การปิ้ง วิธีทำข้าวจี่ คือ การนำข้าวเหนี่ยวที่นึ่งสุกแล้ว มาปั้นเป็นก้อน โตเท่าไข่ไก่ ทาเกลือเคล้าให้ทั่วนวดให้เหนียว ทาด้วยไข่ ซึ่งตีไข่ขาวและไข่แดงเข้ากันดีแล้ว นำไปย่างไฟให้สุกอีกครั้ง และเอาน้ำอ้อยปีบใส่เข้าไปด้วย เมื่อถึงวันงานชาวบ้านจะจัดอาหารคาวหวานและข้าวจี่มารวมกันที่ศาลาวัดนิมนต์พระสงฆ์ให้ศีลแล้วตักบาตรถวายข้าวจี่อาหารคาว เมื่อพระฉันท์เสร็จจะมีการแสดงพระธรรมเทศนา จากนั้นชาวบ้าจะนำข้าวจี่ที่เหลือจากพระฉันท์มารับประทาน เพราะเชื่อว่าจะได้รับโชค
เดือนสี่ - บุญพระเวส (บุญมหาชาติ)จัดเป็นงานใหญ่ของชุมชน ก่อนเริ่มงานชาวบ้านจะช่วยกันทำที่พักของผู้มาร่วมงาน ประดับประดาศาลาโรงธรรมที่วัดให้สวยงาม วันแรกเรียกว่า วันโฮม หรือวันรวม ในตอนเช้ามืดจะมีพิธีนิมนต์พระอุปคุตอรหันต์ที่หออุปคุต สร้างไว้บริเวณที่วัดจัดงาน การทำพิธีต้องไปทำที่แม่น้ำหรือลำคลองของท้องถิ่น เพราะเชื่อว่า พระอุปคุตอรหันต์สถิตอยู่ใจกลางแม่น้ำ มหาสมุทรวันที่สองตอนบ่ายมีการแห่เผวส หรือแห่พระเวสสันดรและนางมัทรีเข้าเมือง วันที่สามจัดให้มีการเทศมหาชาติ อนึ่งในงานบุญนี้ มักจะมีผู้นำสิ่งของมาถวายพระ เรียก กัณฑ์หลอน โดยชาวบ้านจะแห่แหนเรี่ยไรเงินบูชากัณฑ์เทศน์ในละแวกหมู่บ้านและไม่เจาะจงจะถวายพระภิกษุใด แต่จะเจาะจงพระภิกษุนักเทศน์ที่ตนนิมนต์มา เรียกว่า กัณฑ์จอบ เพราะต้องแอบซุ่มดูให้แน่ใจก่อน
เดือนห้า - บุญสงกรานต์ นิยมทำกันเช่นเดียวกับภาคกลาง คือวันที่ 13 -15 เมษายน มีการสรงน้ำพระพุทธรูป โดยสร้างหอสรงแล้วอันเชิญพระพุทธรูปมาประดิษฐาน เพื่อทำพิธีสรงน้ำในวันสงกรานต์
เดือนหก- บุญบั้งไฟ เป็นการบูชาอารักษ์หลักเมืองและเป็นประเพณีทำบุญขอฝน เพื่อให้ฝนตกต้องตามฤดูกาล เชื่อว่า หากปีใดงดงานบุญบั้งไฟจะทำให้เกิดฝนแล้งและภัยพิบัติต่างๆ
เดือนเจ็ด - บุญชำฮะ คือ การชำระ เป็นการชำระล้างสิ่งที่เป็นเสนียดจัญไรอันจะทำให้เกิดความเดือดร้อนแก่บ้านเมือง จึงมีการบูชา เทวดา อารักษ์ มเหสักข์ หลักเมืองหลักบ้าน ผีพ่อแม่ ผีเมือง(บรรพบุรุษ) ตลอดจนผีประจำไร่นา เรียกว่า ผีตาแฮก
เดือนแปด - บุญเข้าพรรษา ถือเอาวันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 เป็นวันทำบุญเข้าพรรษาชาวบ้านจะจัดอาหารหวานคาว ตลอดจนเครื่องใช้ต่างๆ ถวายแด่พระภิกษุสงฆ์ โดยเฉพาะเครื่องสำหรับให้แสงสว่าง เช่น เทียน ตะเกียงน้ำมัน เพราะถือว่า การถวายแสงสว่างแด่พระสงฆ์จะได้อานิสงส์แรง ทำให้เกิดปัญญามองเห็นธรรม
เดือนเก้า - บุญข้าวประดับดิน เป็นงานบุญที่ทำขึ้นเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่เปรต หรือ เผต และญาติที่ล่วงลับไปแล้ว ข้าวประดับดิน ได้แก่ ข้าวและอาหารคาวหวาน พร้อมด้วยหมากพลู บุหรี่ ในกระทงใบตองนำไปวางตามต้นไม้หรือตามพื้นดินหรือที่ใดที่หนึ่งบริเวณวัด พร้อมเชิญวิญญาณผู้ล่วงลับมารับอาหารที่อุทิศไปให้ ซึ่งจะทำพิธีในเวลา 4-6 นาฬิกาและในตอนเช้า ชาวบ้านจะนำภัตตาหารไปถวายพระสงฆ์สามเณรแล้วอุทิศส่วนกุศลให้ผู้ล่วงลับ โดยการกรวดน้ำไปให้
เดือนสิบ - บุญข้าวสาก เป็นการทำบุญอุทิศให้แก่เปรตหรือญาติมิตรที่ล่วงลับไปแล้วครั้งหนึ่ง โดยมีเวลาห่างกับการทำบุญข้าวประดับดินสิบห้าวัน ซึ่งเป็นเวลาที่เปรตจะกลับสู่ภูมิของตน
เดือนสิบเอ็ด - บุญออกพรรษา มีการตักบาตรเทโว รับศีลฟังเทศน์ ถวายผ้าจำนำพรรษา บางแห่งมีการกวนข้าวทิพย์ ในวันนี้พระสงฆ์จะร่วมกันทำพิธีออกวัสสาปวารณาคือ การเปิดโอกาสให้ว่ากล่าวตักเตือนกันได้ มีมหรสพ และจุดประทีปโคมไฟตามรั้วหรือกำแพงรอบวัดและตามหน้าบ้าน เนื่องจากเป็นฤดูว่างจากการทำนารอการเก็บเกี่ยวผลผลิต จึงถือโอกาสจัดงาน อาทิ การถวายต้นผึ้ง หรือปราสาทผึ้ง การล่องเฮือไฟ หรือ ไหลเรือไฟ หรือ แข่งเรือ เป็นต้น
เดือนสิบสอง - บุญกฐิน เป็นการถวายผ้าแด่พระภิกษุสงฆ์สามเณร ซึ่งจำพรรษาแล้ว ระหว่างเทศกาลเข้าพรรษา ชาวบ้านผู้มีจิตศรัทธาจะไปเลือกหาวัดที่จะทำบุญกฐิน เมื่อตกลงแล้วก็จะไปจองไว้ เมื่อถึงวันทอดกฐิน ชาวบ้านจะเตรียมองค์กฐิน ประกอบด้วย ผ้าไตรจีวร อัฐบริขารและเครื่องไทยธรรม สำหรับถวายพระสงฆ์ ก่อนนำกฐินไปทอดถวาย มักจะมีมหรสพสมโภชฉลองกฐิน ทั้งนี้บุญกฐินที่ชาวอีสานได้จัดขึ้น นั้นแปลกไปจากภาคอื่น คือ การแปลงทางกฐิน ได้แก่ การปรับแต่งถนนหนทางที่ขบวนแห่จะผ่านให้มีความสะอาดเรียบร้อยสามารถเดินทางไปได้โดยสะดวก ซึ่งชาวบ้าน ถือว่า ได้กุศลแรง..
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี