วันอาทิตย์ ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ในประเทศ
กรมสุขภาพจิตเผย'3 ช' ปัจจัยมีผลต่อการลังเลรับวัคซีนโควิด ชี้กลุ่มเสี่ยงไม่เชื่อมั่นกว่าครึ่ง

กรมสุขภาพจิตเผย'3 ช' ปัจจัยมีผลต่อการลังเลรับวัคซีนโควิด ชี้กลุ่มเสี่ยงไม่เชื่อมั่นกว่าครึ่ง

วันพุธ ที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2564, 15.16 น.
Tag : กรมสุขภาพจิต วัคซีน โควิด
  •  

8 ธันวาคม 2564  พญ. อัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิตแถลงข่าวประเด็น "แนวทางการสร้างแรงจูงใจในกลุ่มที่ยังไม่เข้ารับวัคซีนโควิด 19" ว่า  องค์การอนามัยโลกได้วิเคราะห์ว่า ความลังเลของการรับการฉีดวัคซีนเป็นหนึ่งใน 10 ปัญหาในการป้องกันโรค อย่างไรก็ตาม สำหรับองค์ประกอบที่ทำให้เกิดความลังเลต่อการฉีดวัคซีน ทั้งระดับนานาชาติ และประเทศไทยไม่แตกต่างกัน  ระหว่างวันที่ 22-28 พ.ย.2564 ประมาณ 2 สัปดาห์และต่อเนื่องสัปดาห์ต่อมาถึงวันที่ 5 ธ.ค. ได้ติดตามผู้ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนเกิดอะไรขึ้น จนทำให้พบว่าปัจจัยที่ผลต่อการรับวัคซีนมี 3 ช คือ 1.เชื่อมั่น  2.ชะล่าใจ  และ3.ช่องทาง 
จากการติดตามกลุ่มตัวอย่างกว่า 1 พันคน โดยกรณีกลุ่มเสี่ยง "608" ทั้งผู้สูงอายุ ผู้มีโรคเรื้อรัง และหญิงตั้งครรภ์

สำหรับ  ช ที่หนึ่ง "ความเชื่อมั่นในวัคซีน"  พบว่า ไม่เชื่อมั่นต่อวัคซีนถึง 53.81% ทั้งเรื่องความปลอดภัย ผลข้างเคียง และสูตรวัคซีน ที่ประชาชนต้องการวัคซีนที่ตนเองต้องการ  ส่วนความเชื่อมั่นมี 46.19%  อย่างไรก็ตาม องค์ประกอบของความไม่เชื่อมั่นกระทบต่อกลุ่ม 608 มากกว่าประชาชนทั่วไป ซึ่งประชาชนทั่วไปเชื่อมั่นเกินกว่าครึ่ง


ส่วน ช ที่สอง "ความชะล่าใจต่อสถานการณ์" โดยผู้ที่ปฏิเสธ ไม่ยอมฉีดวัคซีนมี 80.89% มองว่าไม่เกิดผลเสียหายต่อตัวเอง หรือมีความเสี่ยงติดโรค มีความเสี่ยงต่อชีวิต ซึ่งกลุ่มชะล่าใจนี้ได้ให้ข้อมูลว่า ในจังหวัดที่อยู่มีการระบาดถึง 50% และมีคนที่รู้จักแล้ว 1 ใน 4 มีการติดเชื้อไปแล้วหรือประมาณ 26.59%  ดังนั้น เรื่องความชะล่าใจ เป็นประเด็นสำคัญที่กระทรวงสาธารณสุข และทุกคนช่วยกันดูแล ไม่ให้กลุ่มเสี่ยงทั้งหลาย หรือกลุ่มที่อยู่ในพื้นที่ระบาดมีความชะล่าใจอีก โดยเราต้องผลักดันกลุ่มนี้ให้รู้ตัวว่าเสี่ยง และรับวัคซีนโดยเร็ว  

ช ที่สาม "ช่องทางการรับวัคซีน"  ในภาคกระทรวงสาธารณสุข ต้องน้อมรับว่า ยังมีกลไกอีกหลายเรื่องที่สามารถพัฒนาและปรับปรุงได้ เพราะได้ข้อมูลว่า การเดินทางเข้าสู่การรับวัคซีนเป็นปัจจัยสำคัญ โดยผู้ที่สะดวกเดินทางเข้ารับวัคซีนมี 61.61%  แต่ไม่สะดวกอยู่ที่ 48.39% ซึ่งคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด และนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด(นพ.สจจ.)ได้ขับเคลื่อนจุดฉีดวัคซีนกว้างขวางมากขึ้น และทำงานเชิงรุก ไปฉีดตามชุมชน เพื่ออำนวยความสะดวก นอกจากนี้ ระยะที่ผ่านมากลไกการบริหารจัดการ ยังปรับปรุงได้อีก โดยได้รับข้อมูลจากประชาชนว่า กลุ่มยังไม่ฉีดวัคซีนมาจากความไม่สะดวกของการนัดหมาย เพราะมีแอปพลิเคชันหลายชนิด การทำงานไม่เป็นเนื้อเดียวกัน ทำให้เกิดความไม่สะดวกของการนัดหมายถึง 47.06%

พญ. อัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิตแถลงข่าวประเด็น "แนวทางการสร้างแรงจูงใจในกลุ่มที่ยังไม่เข้ารับวัคซีนโควิด 19" ว่า  องค์การอนามัยโลกได้วิเคราะห์ว่า ความลังเลของการรับการฉีดวัคซีนเป็นหนึ่งใน 10 ปัญหาในการป้องกันโรค อย่างไรก็ตาม สำหรับองค์ประกอบที่ทำให้เกิดความลังเลต่อการฉีดวัคซีน ทั้งระดับนานาชาติ และประเทศไทยไม่แตกต่างกัน  ระหว่างวันที่ 22-28 พ.ย.2564 ประมาณ 2 สัปดาห์และต่อเนื่องสัปดาห์ต่อมาถึงวันที่ 5 ธ.ค. ได้ติดตามผู้ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนเกิดอะไรขึ้น จนทำให้พบว่าปัจจัยที่ผลต่อการรับวัคซีนมี 3 ช คือ 1.เชื่อมั่น  2.ชะล่าใจ  และ3.ช่องทาง 
จากการติดตามกลุ่มตัวอย่างกว่า 1 พันคน โดยกรณีกลุ่มเสี่ยง "608" ทั้งผู้สูงอายุ ผู้มีโรคเรื้อรัง และหญิงตั้งครรภ์

สำหรับ  ช ที่หนึ่ง "ความเชื่อมั่นในวัคซีน"  พบว่า ไม่เชื่อมั่นต่อวัคซีนถึง 53.81% ทั้งเรื่องความปลอดภัย ผลข้างเคียง และสูตรวัคซีน ที่ประชาชนต้องการวัคซีนที่ตนเองต้องการ  ส่วนความเชื่อมั่นมี 46.19%  อย่างไรก็ตาม องค์ประกอบของความไม่เชื่อมั่นกระทบต่อกลุ่ม 608 มากกว่าประชาชนทั่วไป ซึ่งประชาชนทั่วไปเชื่อมั่นเกินกว่าครึ่ง

ส่วน ช ที่สอง "ความชะล่าใจต่อสถานการณ์" โดยผู้ที่ปฏิเสธ ไม่ยอมฉีดวัคซีนมี 80.89% มองว่าไม่เกิดผลเสียหายต่อตัวเอง หรือมีความเสี่ยงติดโรค มีความเสี่ยงต่อชีวิต ซึ่งกลุ่มชะล่าใจนี้ได้ให้ข้อมูลว่า ในจังหวัดที่อยู่มีการระบาดถึง 50% และมีคนที่รู้จักแล้ว 1 ใน 4 มีการติดเชื้อไปแล้วหรือประมาณ 26.59%  ดังนั้น เรื่องความชะล่าใจ เป็นประเด็นสำคัญที่กระทรวงสาธารณสุข และทุกคนช่วยกันดูแล ไม่ให้กลุ่มเสี่ยงทั้งหลาย หรือกลุ่มที่อยู่ในพื้นที่ระบาดมีความชะล่าใจอีก โดยเราต้องผลักดันกลุ่มนี้ให้รู้ตัวว่าเสี่ยง และรับวัคซีนโดยเร็ว  

ช ที่สาม "ช่องทางการรับวัคซีน"  ในภาคกระทรวงสาธารณสุข ต้องน้อมรับว่า ยังมีกลไกอีกหลายเรื่องที่สามารถพัฒนาและปรับปรุงได้ เพราะได้ข้อมูลว่า การเดินทางเข้าสู่การรับวัคซีนเป็นปัจจัยสำคัญ โดยผู้ที่สะดวกเดินทางเข้ารับวัคซีนมี 61.61%  แต่ไม่สะดวกอยู่ที่ 48.39% ซึ่งคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด และนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด(นพ.สจจ.)ได้ขับเคลื่อนจุดฉีดวัคซีนกว้างขวางมากขึ้น และทำงานเชิงรุก ไปฉีดตามชุมชน เพื่ออำนวยความสะดวก นอกจากนี้ ระยะที่ผ่านมากลไกการบริหารจัดการ ยังปรับปรุงได้อีก โดยได้รับข้อมูลจากประชาชนว่า กลุ่มยังไม่ฉีดวัคซีนมาจากความไม่สะดวกของการนัดหมาย เพราะมีแอปพลิเคชันหลายชนิด การทำงานไม่เป็นเนื้อเดียวกัน ทำให้เกิดความไม่สะดวกของการนัดหมายถึง 47.06%

"จากการศึกษายังพบแรงจูงใจทำให้หลายท่านที่ไม่ฉีดวัคซีน เปลี่ยนใจมาฉีดวัคซีน ด้วยแรงจูงใจจากสมาชิกครอบครัว ซึ่งมีผลมาก ยิ่งครอบครัวอยู่ในกลุ่มเสี่ยง เราต้องช่วยกันสร้างแรงจูงใจแก่กันและกัน เพื่อความปลอดภัยของทุกคน" พญ.อัมพร กล่าว  

ทั้งนี้ การสร้างแรงจูงใจแก่กันและกันตามข้อแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข  คือ VUCA ประกอบด้วย
V- Vaccine ฉีดวัคซีนครบ ลดการป่วยหนัก
U- Universal Prevention  ป้องกันตัวเองตลอดเวลา ห่างไกลโควิด
C- Covid Free Setting สถานที่บริการพร้อม ผู้ให้บริการพร้อมครบ ตรวจ ATK ทุกสัปดาห์
A- ATK(Anticen test kit) พร้อมตรวจเสมอเมื่อใกล้คนติดเชื้อ หรือมีอาการทางเดินหายใจ 

พญ.อัมพร กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม หากพบเห็นใครลังเลในการฉีดวัคซีน ขอให้ประสานไปยังหน่วยงานสาธารณสุข หรือพี่น้องอสม. ในการเข้าไปช่วยดูแล เสริมกับครอบครัวในการจูงใจคนยังไม่ฉีดวัคซีนเข้ามาฉีด ซึ่งที่ผ่านมา สธ.ได้ติดอาวุธ อสม.และบุคลากรสาธารณสุข ใช้เครื่องมือที่เรียกว่า VA (Vaccine Advice) และ VI (Vaccine Intervention)   คือ การถามเป็น กังวลใจอะไร สงสัยอะไร และให้กำลังใจเป็น เมื่อมีข้อมูลถูกต้องเราก็ชื่นชม แต่หากไม่ใช่ เราก็ต้องอธิบาย เพื่อให้ความลังเลนั้นหายไป ซึ่งกลไกลดังกล่าวทำให้ผู้ลังเลฉีดวัคซีนกว่า 1,188 คน ยอมรับการฉีดวัคซีนด้วยความเต็มใจไปถึง 80% เพื่อให้การฉีดวัคซีนจากปัจจุบันกว่า 95 ล้านโดสไปจนถึง 100 ล้านโดสในอนาคตอันใกล้นี้

เมื่อถามถึงจะมีวิธีลดข้อวิตกกังวลโควิดสายพันธุ์ใหม่ "โอมิครอน" ต่อประสิทธิภาพวัคซีนอย่างไร  พญ.อัมพร กล่าวว่า ขอเปลี่ยนแปลงการตกใจ เป็นพลัง ด้วยการมีสติ ตั้งหลักดีๆ ในการรับรู้ข่าวสาร เมื่อได้ข้อมูลทบทวนให้ดี และถามตัวเองว่า กังวลใจเรื่องอะไร และเรายังขาดข้อมูลอะไร รวมทั้งจะมีวิธีการจัดการสถานการณ์อย่างไร ที่สำคัญต้องชื่นชมตัวเองว่า เรามีสติในการถามข้อมูลที่ถูกต้อง ถามจากแหล่งข้อมูลน่าเชื่อถือ พร้อมรับฟัง  สิ่งเหล่านี้ก็จะลดความตื่นกลัวได้

 

ขอบคุณ : hfocus

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • รัฐบาลยันคุม‘โควิด’อยู่ ย้ำเคร่งครัด 5 มาตรการป้องกัน สกัดแพร่เชื้อ รัฐบาลยันคุม‘โควิด’อยู่ ย้ำเคร่งครัด 5 มาตรการป้องกัน สกัดแพร่เชื้อ
  • ‘โควิด’รีเทิร์น เริ่มระบาดหนัก ยอดนอนรพ.พุ่ง 5พันคน/สัปดาห์ ‘โควิด’รีเทิร์น เริ่มระบาดหนัก ยอดนอนรพ.พุ่ง 5พันคน/สัปดาห์
  • \'หมอธีระ\'เผยแค่อาทิตย์เดียว ป่วยโควิดเข้า รพ.กว่า 8,446 ราย 'หมอธีระ'เผยแค่อาทิตย์เดียว ป่วยโควิดเข้า รพ.กว่า 8,446 ราย
  • รัฐบาลเชิญฉีดวัคซีนป้องกัน‘โรคมะเร็งปากมดลูก’ฟรี เปิดบริการทั่วประเทศถึง เม.ย.นี้ รัฐบาลเชิญฉีดวัคซีนป้องกัน‘โรคมะเร็งปากมดลูก’ฟรี เปิดบริการทั่วประเทศถึง เม.ย.นี้
  • ‘หมอยง’เลคเชอร์‘ไข้หวัดใหญ่’ระบาดในไทย-ญี่ปุ่น ‘สายพันธุ์’ที่อยู่ในวัคซีน ‘หมอยง’เลคเชอร์‘ไข้หวัดใหญ่’ระบาดในไทย-ญี่ปุ่น ‘สายพันธุ์’ที่อยู่ในวัคซีน
  • กรมวิทยาศาสตร์ฯเผยสายพันธุ์โควิด ที่พบมากสุดในไทย ยันไม่มี\'เดลตาครอน\'ระบาด กรมวิทยาศาสตร์ฯเผยสายพันธุ์โควิด ที่พบมากสุดในไทย ยันไม่มี'เดลตาครอน'ระบาด
  •  

Breaking News

คาดปมหึงหวง! หนุ่มยิงเมีย-ลูก 5 ขวบดับก่อนจบชีวิตตัวเอง

ใหญ่คับพื้นที่!! สจ.กร่างสั่งลูกน้อง 7 คนรุมตื้บ ตร.หน่วยเลือกตั้ง หลังถูกเตือนถ่ายภาพในคูหา

มีแค่ 2 เส้นทาง! 'อดีตบิ๊ก ศรภ.'วิเคราะห์'ฮั้วสว.' สีน้ำเงิน...กับการพลิกล็อค

(คลิป) 'เจ๊ปอง'เผยพิกัด'เมียน้อย'อยู่เกาะฮ่องกง ให้'เมียหลวง'สิงคโปร์ภรรยานายทุน'กาสิโน'

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved