WHOเตือนโควิดกลับมา
จับตาพันธุ์ใหม่NB1.8.1
WHO เตือนโควิดกลับมาระบาดหนักทั่วโลก จับตา สายพันธุ์ใหม่ NB.1.8.1 แพร่เชื้อได้เร็วขึ้น พบแล้วใน 3 ภูมิภาคทั่วโลก ส่วนประเทศไทย ติดเชื้อแล้ว 8 ราย ชี้การได้รับวัคซีนป้องกันยังคงสำคัญ
เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล เผยแพร่ข้อมูลทางเฟซบุ๊ก ว่าองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ออกประกาศเตือนสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่กลับมาน่ากังวลอีกครั้ง โดยตรวจพบพฤติกรรมของเชื้อ SARS-CoV-2 เพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญใน 3 ภูมิภาคทั่วโลก ได้แก่ แปซิฟิกตะวันตก เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออก โดยมีปัจจัยสำคัญจากเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ NB.1.8.1 ที่กำลังแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว
รายงานจาก WHO เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคมที่ผ่านมา ระบุว่า ตั้งแต่กลางเดือนกุมภาพันธ์ 2568 การระบาดของเชื้อ SARS-CoV-2 ทั่วโลก เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยอัตราการตรวจพบเชื้อ (test positivity rate) จากสถานเฝ้าระวัง พุ่งสูงถึง 11% ซึ่งเป็นระดับที่ไม่เคยพบนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2567 สะท้อนการกลับมาระบาดในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะใน 73 ประเทศ ที่รายงานข้อมูล ทั้งนี้ เชื้อโควิด-19 ยังพัฒนาและกลายพันธุ์อย่างต่อเนื่อง โดยตั้งแต่ต้นปี 2568 พบว่าสายพันธุ์ NB.1.8.1 ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่อยู่ภายใต้การเฝ้าระวัง (Variant Under Monitoring – VUM) และกำลังเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว
ข้อมูล ณ กลางเดือนพฤษภาคม 2568 ชี้ว่า NB.1.8.1 คิดเป็นสัดส่วนถึงร้อยละ 10.7 ของลำดับพันธุกรรมเชื้อทั่วโลกที่มีอยู่ เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดจากเพียงร้อยละ 2.5 เมื่อ 4 สัปดาห์ก่อนหน้า สำหรับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พบลำดับพันธุกรรมของ NB.1.8.1 เพียง 5 ตัวอย่าง แม้การเพิ่มขึ้นของกิจกรรมเชื้อจะคล้ายคลึงกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว แต่ยังคงไม่มีรูปแบบฤดูกาลที่ชัดเจนสำหรับการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยการรายงานผู้ป่วยที่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ผู้ป่วยหนักในห้องไอซียู และผู้เสียชีวิต ยังคงมีจำกัดที่ประเทศในภูมิภาคที่กำลังเผชิญกับการระบาดเพิ่มสูง จึงไม่สามารถประเมินผลกระทบต่อระบบสาธารณสุขได้อย่างเต็มที่
สำหรับสถานการณ์ในประเทศไทย เมดิเตอร์เรเนียนตะวันออก อัตราผลบวกเพิ่มจากร้อยละ 4 เป็น ร้อยละ 17 ช่วงปลายเดือนมีนาคมถึงปลายเดือนเมษายน ก่อนจะลดลงเล็กน้อย เหลือร้อยละ 15 ช่วงกลางเดือนพฤษภาคม ประเทศที่พบการระบาดเพิ่มขึ้น ได้แก่ อียิปต์ คูเวต โอมาน ซาอุดีอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และปากีสถาน ขณะที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อัตราผลบวกเพิ่มจากร้อยละ 0.5 ในช่วงต้นเดือนเมษายน เป็นร้อยละ 5
ช่วงกลางเดือนพฤษภาคม ประเทศที่พบการระบาดเพิ่มขึ้นชัดเจนคือมัลดีฟส์ และไทย โดยรายงานระดับชาติของอินเดียและไทย ระบุถึงการตรวจพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่ 16-20 ของปี ประเทศไทยมีผู้ป่วยแล้ว 8 ราย ส่วนแปซิฟิกตะวันตก อัตราผลบวกเพิ่มจากร้อยละ 5 ช่วงปลายเดือนมีนาคม เป็นร้อยละ 11 ในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม ประเทศและพื้นที่ซึ่งพบการระบาดเพิ่มขึ้น ได้แก่ กัมพูชา จีน ฮ่องกง และสิงคโปร์ อย่างไรก็ตาม การฉีดวัคซีนยังคงสำคัญ โดย WHO ยืนยันว่าวัคซีนโควิด-19 ที่ได้รับการอนุมัติในปัจจุบัน ยังคงมีประสิทธิภาพในการป้องกันอาการรุนแรงและการเสียชีวิต
คณะที่ปรึกษาทางเทคนิคด้านองค์ประกอบของวัคซีนโควิด-19 (TAG-CO-VAC) ของ WHO แนะนำในเดือนพฤษภาคม 2568 ว่าวัคซีนชนิด Monovalent ที่มุ่งเป้าไปที่สายพันธุ์ JN.1 หรือ KP.2 ยังคงเหมาะสม และวัคซีนที่มุ่งเป้าสายพันธุ์ LP.8.1 ก็สามารถใช้เป็นทางเลือกได้ สิ่งสำคัญคือไม่ควรชะลอการรับวัคซีน โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยงสูง ซึ่งคำแนะนำจาก WHO คือแม้ความเสี่ยงโดยรวมต่อสาธารณสุขโลกจากโควิด-19 ยังคงประเมินว่าอยู่ในระดับสูง แต่ WHO ประเมินว่าสายพันธุ์ที่เฝ้าระวังอย่าง LP.8.1 และ NB.1.8.1 ในปัจจุบันยังไม่ได้ก่อให้เกิดความเสี่ยงด้านสาธารณสุขเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับสายพันธุ์อื่นที่หมุนเวียนอยู่ จึงแนะนำทุกประเทศสมาชิก ดังนี้ 1.ใช้แนวทางการจัดการโควิด-19 แบบบูรณาการตามความเสี่ยง และผนวกเข้ากับโครงการป้องกันและควบคุมโรคทางเดินหายใจอื่นๆ
2.ลงทุนอย่างต่อเนื่องในการเฝ้าระวัง การคุ้มครองชุมชน การดูแลทางคลินิก การเข้าถึงและการส่งมอบมาตรการทางการแพทย์ และการประสานงาน 3.คงไว้ซึ่งระบบเฝ้าระวังที่หลากหลาย ทั้งการเฝ้าระวังเชิงรุก การตรวจหาสายพันธุ์ และการติดตามจากน้ำเสีย 4.สร้างความมั่นใจในการเข้าถึงวัคซีนอย่างเท่าเทียม โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง 5.เสริมสร้างระบบการดูแลสุขภาพเพื่อการจัดการทางคลินิกที่มีคุณภาพสำหรับผู้ป่วยโควิด-19 และภาวะลองโควิด 6.เพิ่มการสื่อสารความเสี่ยงและการมีส่วนร่วมของชุมชน และ 7.ไม่แนะนำให้ใช้ข้อจำกัดด้านการเดินทางหรือการค้า
ทั้งนี้ โดยสรุป WHO เน้นย้ำถึงความสำคัญของการเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง การปรับตัวตามแนวโน้มทางระบาดวิทยาที่เปลี่ยนแปลงไป และการใช้ประโยชน์จากกลยุทธ์การจัดการโควิด-19 เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งของระบบสำหรับรับมือกับภัยคุกคามจากโรคทางเดินหายใจทั้งหมด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี