"ถ้าอยากให้เด็กๆ ฉลาด ก็อ่านนิทานให้เขาฟัง แล้วถ้าอยากให้พวกเขาฉลาดกันมากขึ้น ก็อ่านนิทานให้เขาฟังกันมากขึ้น" อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ...
คำกล่าวข้างต้นของนักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะระดับโลก น่าจะบ่งบอกได้ชัดเจนว่า ประโยชน์ของการอ่านมีประโยชน์กับพัฒนาการของเด็กๆ มากเพียงใด และเรื่องเล่าดีๆ จากการอ่านคงไม่สามารถเกิดขึ้นได้เลย หากไร้รากฐานมาจาก “สื่อหนังสือ” คุณภาพสำหรับเด็ก
เมื่อไม่นานมานี้ แผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี, ศูนย์วิจัยการศึกษาเพื่อเด็กที่ต้องการความช่วยเหลือพิเศษ, โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กระทรวงศึกษาธิการ, กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น, สำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร, นิตยสาร Mother&Care และเครือข่าย จัดงานแถลงข่าว "การประกวดหนังสือสำหรับเด็ก LD ประจำปี 2556" ณ ห้องประชุม 301 อาคารศิโรจน์ ผลพันธิน ศูนย์พัฒนาทุนมนุษย์ มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนดุสิต เพื่อร่วมสร้าง "สื่อ" การเรียนรู้คุณภาพให้กับเด็กที่มีภาวะบกพร่องของกระบวนการเรียนรู้ ให้เด็กๆ กลับมามีความสุขในการเรียนอีกครั้งหนึ่ง
ทั้งนี้ LD ย่อมาจาก Learning Disorders หรือ Learning Disabilities เป็นความบกพร่องของกระบวนการเรียนรู้ ที่เกิดจากการทำงานที่ผิดปกติของสมอง ทำให้ความสัมฤทธิ์ผลด้านการเรียนต่ำกว่าความเป็นจริง และความบกพร่องนี้อาจเกิดขึ้นเฉพาะความสามารถด้านใดด้านหนึ่ง เช่น การอ่าน การเขียน การสะกดคำ การคำนวณ หรือหลายๆ ด้านร่วมกัน
พญ. พรรณพิมล วิปุลากร รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงสถานการณ์และทิศทางสื่ออ่านสำหรับเด็ก LD ในสังคมไทยว่า หนังสือมีความสำคัญสำหรับเด็กๆ ทุกคน ไม่เว้นแม้แต่เด็ก LD ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีการสำรวจจำนวนเด็ก LD อย่างเป็นทางการ แต่คาดว่าน่าจะอยู่ที่ประมาณร้อยละ 5-10 ของเด็กตั้งแรกเกิด – 15 ปี
"ตอนนี้ประเทศไทยมี 15 ล้านคน เราก็คงมีเด็กที่มีความสามารถในการเรียนรู้ที่แตกต่างจากเพื่อนอยู่ประมาณหลักล้าน โดยเด็กๆ กลุ่มนี้ จะมีกระบวนการจัดการข้อมูลด้านใดด้านหนึ่งที่พลาดไป ไม่สามารถทำได้อย่างเพื่อนวัยเดียวกัน แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า "เขาทำไม่ได้" เขาแค่มีวิธีที่แตกต่างจากเด็กคนอื่นก็เท่านั้นเอง ตรงนี้จึงเป็นเรื่องของโอกาส ซึ่งหากเราไม่ทำอะไร แล้วปล่อยให้เขาใช้ความพยายามโดยลำพัง จนถึงวันที่เขาพบว่าห้องเรียนไม่สนุก การเรียนก็ไม่สนุก กระบวนการทางจิตวิทยาจะทำให้เขารู้สึกตัวเองว่า "เขาทำไม่ได้" แล้วถ้า "เรา" แสตมป์ความรู้สึกว่า เขาทำไม่ได้ให้เขาตั้งแต่อายุยังน้อย เขาจะยุติการเรียนรู้อะไรอีกหลายๆ อย่างในชีวิต โครงการนี้จึเป็นโครงการที่จะบอกให้คนในสังคมรู้ว่า ถ้าเราร่วมกันสร้างโอกาสให้เขาเพิ่มขึ้น ด้วย "ความเข้าใจ" ในความแตกต่างที่เขามี ก็เท่ากับว่าเรากำลังทำให้เด็กๆ กลุ่มนี้ มีโอกาสที่จะมีความสุขกับการเติบโต และการเรียนรู้ อันจะเป็นประโยชน์กับอนาคตของพวกเขาอย่างยิ่งยวด" รองอธิบดีกรมสุขภาพจิตกล่าว
ด้าน พญ. อัมพร เบญจพลพิทักษ์ ผู้อำนวยการสถาบันราชานุกูล ให้ข้อมูลการรักษาภาวะเด็ก LD ว่า เมื่อเทียบอัตราส่วนของเด็ก LD กับจำนวนเด็กทั้งหมด แม้จะมีจำนวนไม่มาก แต่ในจำนวนไม่มากนี้เอง กลับมีเด็กที่เดินเข้ามาเพื่อขอรับการรักษาน้อยยิ่งกว่า และเข้ามาด้วยความเข้าใจผิดของผู้ปกครองว่า "ลูกไม่ตั้งใจเรียน"
"แต่เมื่อได้สัมผัสกับเด็กจริงๆ เราจะรู้ว่า เด็กเหล่านี้มีไหวพริบดี โดยเฉพาะทักษะเอาตัวรอด (โกหก) ถามว่าเด็กเหล่านี้สร้างปัญหาเยอะหรือไม่ ต้องบอกว่า "น้อย" แต่เวลาที่ผู้ปกครองพามาหาหมอ เด็กๆ ก็มักจะมีอาการ "ทับซ้อน" ของโรค เสียแล้ว ไม่ว่าจะเป็นปัญหาทางด้านอารมณ์ หรือปัญหาเรื่องเพศ ฉะนั้น ถ้าเด็กๆ LD ของเรา เติบโตขึ้นมาอย่างไม่มีใครเข้าใจหรือใส่ใจ ก็จะยิ่งมีความเสี่ยงที่พวกเขาจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมมากกว่าเด็กอื่นๆ เพราะจริงๆ แล้วเด็กเหล่านี้มีสติปัญญาดี เพียงแต่ไม่สามารถ "เลือก'" ใช้ให้ถูกทาง พวกเขาจึงต้องการการดูแลและให้ความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ก่อนที่จะไปสร้างปัญหาอื่นๆ ให้กับสังคมและครอบครัว"
คุณสุดใจ พรหมเกิด ผู้จัดการแผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน สสส. กล่าวว่า ปัจจุบันสังคมยังมีความเข้าอกเข้าใจในเรื่องของ LD น้อยอยู่มาก เราจึงต้องการเปิดเรื่องภาวะของเด็ก LD ให้สังคมเข้าใจ แล้วยุติความรุนแรง เช่น การดุที่ทำให้เด็กๆ ไม่มีความสุข เพราะส่วนใหญ่แล้ว ต้องบอกว่าเด็กที่เป็น LD จะทุกข์มาก เราจึงอยากให้มีการวางแผนในเรื่องของการเรียนการสอน การบ่มเพาะเด็กของเราทั้งในระดับครอบครัวและโรงเรียนว่า จะทำอย่างไรที่จะมีตัวความรักเป็นพื้นฐานในการเยียวยา
ส่วนที่ให้เป็นสื่อหนังสือ ก็เพราะว่าโดยภารกิจของแผนงานฯ เราเชื่อมั่นในพลังของหนังสือและสื่อการอ่านว่า ทักษะในการอ่านเป็นทักษะพื้นฐานที่ชีวิตจะต้องเรียนรู้ ไม่อย่างนั้นโอกาสที่จะไปทำความเข้าใจในเรื่องของการเขียน การคิด และการวิเคราะห์จะน้อยลงตามไปด้วย ฉะนั้นความพยายามที่จะขับเคลื่อนให้เกิด "การประกวด" ครั้งนี้ ก็เพื่อให้ "สื่อหนังสือ" เป็นเครื่องมือหนึ่ง ที่จะช่วยให้เด็ก LD เติบโตเป็นผู้ใหญ่ได้อย่างสมบูรณ์ขึ้น ผู้จัดการแผนงานฯ กล่าว
สำหรับการประกวดหนังสือสำหรับเด็ก LD ครั้งที่ 2 ประจำปี 2556 นี้ ชิงเงินรางวัลรวมมูลค่ากว่า 150,000 บาท พร้อมโล่รางวัลและของที่ระลึก ผู้ที่สนใจร่วมสร้างกระบวนการเรียนรู้คุณภาพ สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ 02-241-8000 ต่อ 327 หรือดาวน์โหลดใบสมัครและติดตามรายละเอียดได้ที่ www.happyreading.in.th และ www.motherandcare.in.th
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี